ผมรักประชาธิปไตย แต่ประเทศไทยจะขาดทหารไม่ได้ | ฉมณ์คิด แผนสมบูรณ์

ผมรักประชาธิปไตย

แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยที่เอื้อผลประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง

ไม่มีกลอุบายการว่าร้าย กล่าวร้าย ใส่ร้าย ให้ร้าย อาฆาตมาดร้ายผู้ใดผู้หนึ่งนำมาเป็นข้อกล่าวอ้าง เพื่อให้เกิดความแตกแยกบนแผ่นดินไทย

และต้องไม่กล่าวอ้างประชาชนเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง

ประวัติศาสตร์ชาติไทย ถูกรุกราน ถูกคุกคามจากอริราชศัตรูมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานในทุกยุคทุกสมัย นับแค่ประวัติศาสตร์ที่จะจารึกเป็นลายลักษณ์อักษรได้ นับตั้งแต่กรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี มาถึงกรุงรัตนโกสินทร์

มียุคใดบ้างที่บ้านเมืองบนแผ่นดินนี้ปราศจากทหารหาญ หรือว่างเว้นจากทหารหาญ

มองย้อนหลังไปแล้ว ก็เห็นแต่ภาพของกองทัพทหารที่ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับองค์พระมหากษัตริย์

แม้จะไม่มีการแยกเหล่าทัพเป็นกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ เหมือนอย่างปัจจุบัน แต่ทหารผู้กล้าก็สู้ยิบตา ไม่หวาดหวั่นต่อศัตรูผู้รุกรานคนไหน กองทัพไหนทั้งสิ้น

ประเทศไทยจึงได้แผ่นดินเป็นชาติไทยมาจนถึงปัจจุบันนี้

แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยอย่างใดก็ตาม แต่ประเทศชาติก็จะขาดทหารไม่ได้โดยเด็ดขาด

มีคณะบุคคลบางกลุ่มบางคน ขับไล่ทหารให้เข้าไปอยู่ในกรมกอง อย่าออกมาวุ่นวายกับการเมือง เพราะการเมืองเป็นเรื่องของประชาธิปไตย

ผมไม่แน่ใจว่า คนที่พูดประโยคเหล่านี้ ท่านรู้จักประชาธิปไตยที่แท้จริงหรือไม่

หรือท่านรู้จักแต่ประชาธิปไตยให้ตนเองเป็นใหญ่ มีอำนาจควบคุมประเทศ บริหารประเทศแต่เพียงท่านผู้เดียว กลุ่มเดียวเท่านั้น แล้วอย่างนี้จะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร เมื่อความหลงตนเองเกิดขึ้นกับตัวเอง ความหลงตัวเองนี้ มิใช่ประชาธิปไตยอย่างแน่นอน

ได้ฟังคำบรรยายของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ กับถ้อยคำตอบโต้จากนายปิยบุตร แสงกนกกุล ต่างยกเหตุผลคนละมุมมองเหตุการณ์ภายในประเทศ

แต่ถ้อยคำแต่ละประโยคจึงแฝงไปด้วยอิทธิพลอันเต็มเปี่ยมไปด้วยกิเลสและตัณหาของตนเองทั้งนั้น

ไม่มีใครพูดในเชิงสันติภาพ ในเชิงหลักธรรมที่นำมาซึ่งความสงบสุขเลยสักคนเดียว

ไม่มีใครพูดถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่กำลังประสบปัญหาอยู่ทุกวันนี้

การเกษตรพังพินาศ การพาณิชย์เสียหายย่อยยับ ธุรกิจล้มระเนระนาด อุตสาหกรรมทยอยกันปิดตัว วงการบันเทิงเงียบสนิท การค้าขายซบเซา แม้จะนำเม็ดเงินกี่แสนล้านล้านปล่อยออกมาพยุงความเป็นอยู่ของประชาชน ก็ไร้ประสิทธิภาพในการเป็นอยู่ระยะยาว บกพร่องความเป็นอยู่ที่มั่นคง จึงขาดการกินดีอยู่ดีเพราะไม่มีการหาอาชีพที่เป็นปึกแผ่นแน่นหนาในอาชีพระยะยาวเป็นหลักได้เลยแม้แต่นิดเดียว

จะปล่อยเม็ดเงินออกมาให้ใช้จ่ายใช้สอย เดือนละ 300 บ้าง, ชิม ช้อบ ใช้ บ้าง, ก็แค่เอาเงินคงคลังที่กู้หนี้ยืมสินเขามา เพื่อหวังกระตุ้นจิตใจประชาชนให้ศรัทธาในตัวเองว่า ได้ช่วยเหลือแล้วนะ ไม่ทอดทิ้งกันและกันนะ เท่านั้นเอง

ถ้าจะถามว่า รัฐบาลจะใช้นโยบายแบบนี้ไปได้อีกกี่ครั้ง หรืออีกนานแค่ไหน ในเมื่อคนไม่มีงานทำ การเงินภายในประเทศหมุนเวียนไม่ครบวงจร ท่านที่เป็นฝ่ายรัฐบาลก็ดี ฝ่ายค้านก็ดี มีวิธีการอย่างไรบ้างที่จะช่วยเหลือภาคประชาชนให้รอดพ้นจากความหายนะเหล่านี้ได้

เมื่อไรก็เห็นแต่พูดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญบ้าง ทะเลาะกันเองบ้าง เป็น ส.ส.แล้วไม่บริหารหน้าที่ของความเป็น ส.ส.ให้สมบูรณ์ มีแต่เดินขึ้นโรงขึ้นศาล สร้างคดีความให้แก่กันและกัน ไม่มีวันที่จะทำหน้าที่ ส.ส.ให้เป็นไปตามนโยบายที่เขียนไว้ ที่รับปากกับประชาชนในคราวหาเสียงไว้

พอได้เป็น ส.ส.แล้ว นโยบายก็เปลี่ยนไปทันที จากนโยบายเพื่อประชาชนก็กลายมาเป็นนโยบายเพื่อตนเอง ทำเพื่อตนเอง

ผมรักประชาธิปไตย แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยเพื่อประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นใหญ่จริงๆ

โดยการแยกความรับผิดชอบที่เด่นชัด ไม่ก้าวก่ายอำนาจหน้าที่กัน

สร้างสรรค์งานเพื่อประชาชนในทุกภาคส่วนว่า ภาคการเกษตรควรสนับสนุนเกษตรกรที่เป็นชาวไร่ ชาวนา ชาวสวนควรส่งเสริมสนับสนุนอย่างไรให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพอย่างอุดมสมบูรณ์

และสามารถบริหารจัดการให้เกิดการส่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งผู้รับซื้อภายในประเทศและผู้รับซื้อในต่างประเทศ ได้รับรู้ว่าพืชผลการเกษตรของประเทศไทยปลอดสารพิษอันตราย 100%

นี่แค่ประเด็นการแบน 3 สารเคมีอันตรายที่ใช้ในการเกษตร ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ก็ยังมีความเห็นไปคนละทิศคนละทาง

แม้จะมีนิตยสารบางฉบับออกสำรวจความเห็นของประชาชนส่วนหนึ่งว่า ให้แบนสารพิษ 3 ชนิดนี้ ถึง 82% แต่คณะกรรมการวัตถุอันตราย ก็ยังไม่สามารถที่จะดำเนินการได้อย่างทันท่วงที

แล้วอย่างนี้ท่านบริหารงานเพื่อตนหรือเพื่อประชาชน ด้วยลีลาท่าทางแบบนี้ ประชาชนก็รู้แล้วว่า บริหารงานเพื่อตน หาได้ฟังเสียงประชาชนไม่

แล้วเมื่อท่านบริหารงานกันเพื่อตนเอง ทหารหาญจะฟังพวกท่านหรือครับ

ท่าน ผบ.ทบ.อดรนทนไม่ไหว จึงออกมาเคลื่อนไหวเป็นเชิงเล่าประวัติศาสตร์ชาติไทย เพื่อสะกิดสามัญสำนึกฝ่ายบริหารว่า ประเทศไทยนี้ พระมหากษัตริย์ร่วมกับทหารหาญเป็นผู้กอบกู้แผ่นดิน ร่วมสร้างแผ่นดิน ร่วมรักษาแผ่นดินมานะครับ มิใช่นักการเมืองที่มีมันสมองมองแต่ผลประโยชน์ของตนเอง เข้ามาเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ให้กับตนเอง

ท่าน ผบ.ทบ.พูดด้วยใจความว่า มาตรา 1 รัฐธรรมนูญ ห้ามแก้เด็ดขาด มาตรา 1 ว่าไว้อย่างไร?

มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้

ผมเชื่อว่าคนไทยที่รักประเทศไทย จะสนับสนุนคำพูดของท่าน ผบ.ทบ.ในส่วนนี้ไม่ต่ำกว่า 95% จะเหลือไว้ 5% เป็นส่วนความคิดความเห็นของท่านที่เป็นฝ่ายตรงกันข้าม

และอีกหลายมาตราที่เป็นส่วนของสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ ผบ.ทบ.พูดไว้ชัดเจนว่า ห้ามแตะต้องโดยเด็ดขาด

ผมไม่อยากชี้นำจิตใจผู้อื่นให้มีความเห็นตามความคิดจิตใจไปตามความคิดจิตใจของผมที่มีเคารพรัก นับถือ ศรัทธา และเลื่อมใสในสถาบันพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่เกิดที่จำความได้ โดยได้รับการถ่ายทอดมาตามสายเลือดที่เป็นไทย หัวใจรักชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์

ผมจึงขอต่อต้านคณะบุคคลที่มีนโยบายแอบแฝงในการขายชาติ ทิ้งศาสนา และลบล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ในทุกรูปแบบ เพราะผมถือว่าคณะบุคคลเหล่านั้นเป็นเสมือนคนอกตัญญูต่อแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง

ผมไม่คบ ไม่สมาคมกับคณะบุคคลผู้มีจิตใจที่แฝงไปด้วยความอกตัญญูต่อแผ่นดินไทย

คนอกตัญญู จะคบได้ไฉน คนไม่มีคุณธรรม จะคบได้ไฉน เพราะคนเหล่านั้นยึดถือทรัพย์สินเป็นสรณะ เป็นที่พึ่งที่ระลึก ไม่ได้ยึดคุณธรรม นิติธรรม ยุติธรรม หรือยึดธรรมะเป็นสรณะ ที่พึ่งที่ระลึก

จึงจิตใจมุ่งทำลายชาติ ทำลายศาสนา ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่จัดเป็นกรรมที่หนักที่สุด ห้ามอยู่ในประเทศในแผ่นดิน เพราะเป็นผู้ก่อความไม่สงบ เป็นคณะบุคคลผู้ไม่รักสันติภาพ ไม่อยากให้สังคมเกิดความสันติสุข ไม่แสวงหาความอยู่ดี กินดีของประชาชน จึงก่อความขัดแย้งอยู่ตลอดเวลา

คนทำลายศาสนาจึงไม่มีหลักธรรมอยู่ในหัวสมองและจิตใจ ไม่มองภายในใจตัวเอง ไม่มองตัวเอง ไม่มองคุณธรรมทั้งของตนเองและคุณธรรมของผู้อื่น มองแต่โทษของผู้อื่น ไม่มองความดีของผู้อื่น จึงได้โยนความผิดความชั่วร้ายให้แก่ผู้อื่นตลอดเวลา ทั้งๆ ที่จิตใจตนเองชั่วร้ายยิ่งกว่าจิตใจผู้อื่น

ประชาธิปไตยที่ดีงามทั้งในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด ต้องเป็นประชาธิปไตยในภาคส่วนอันเป็นธรรมาธิปไตยด้วย

ประชาธิปไตยจะมั่นคงถาวร มิใช่เพราะรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเพราะมีธรรมาธิปไตยเข้ามาเป็นหัวใจในรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่มีธรรมาธิปไตยมาครองหัวใจในคนร่างรัฐธรรมนูญ แม้จะร่างรัฐธรรมนูญออกมากี่ร้อยกี่พันฉบับ ก็ต้องถูกฉีกทิ้งอยู่ดี แต่ถ้าคนร่างรัฐธรรมนูญมีหัวใจสูงด้วยธรรมาธิปไตย ก็สามารถร่างรัฐธรรมนูญให้มีธรรมาธิปไตยเป็นหัวใจ ก็จะนำพาให้คณะ ส.ส.มีจิตใจที่เป็นธรรม มีความยุติธรรม ว่าไปตามหลักอปริหานิยธรรม ที่มาพร้อมด้วยหลักสาราณิยธรรม

อปริหานิยธรรม คือธรรมไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อม ได้แก่ คุณเครื่องนำไปสู่ความสามัคคี

สาราณิยธรรม คือธรรมให้ระลึกถึงกัน หมายถึงหลักธรรมอันเป็นไปเพื่อความสามัคคี

ในที่นี้จะกล่าวถึงหลักสาราณิยธรรม 6 ประการ ได้แก่

๑. เมตตากายกรรม ตั้งเมตตากายกรรมในหมู่ชน ทั้งต่อหน้า และลับหลัง คือช่วยเหลือกิจธุระของผู้ร่วมหมู่คณะด้วยความเต็มใจ แสดงกิริยาอาการสุภาพ เคารพนับถือกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง

๒. เมตตาวจีกรรม ตั้งเมตตาวจีกรรมในหมู่ชน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือช่วยบอกแจ้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ สั่งสอน แนะนำตักเตือน ด้วยความหวังดี กล่าววาจาสุภาพ แสดงความเคารพนับถือทั้งต่อหน้าและลับหลัง

๓. เมตตามโนกรรม ตั้งเมตตามโนกรรมในหมู่ชน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือตั้งจิตปรารถนาดี คิดทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่กัน มองกันในแง่ดี มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสต่อกัน

๔. สาธารณโภคิตา ได้สิ่งของใดมาก็แบ่งปัน คือเมื่อได้เป็น ส.ส.หรือเป็นรัฐบาลแล้ว ก็นำภาษีของประชาชน เพื่อประชาชน มาจัดสรรปันส่วนเฉลี่ยไปตามกระทรวง ทบวง กรม ให้ได้ถึงประชาชนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมใช้สอยบริโภคอุปโภคทั่วกัน เพื่อความผาสุก อยู่ดี กินดี มีพละกำลังในการพัฒนาประเทศร่วมกัน

๕. สีลสามัญญตา มีศีลบริสุทธิ์เสมอกันในหมู่คณะทั้งหลาย ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือมีความประพฤติสุจริตดีงาม ถูกต้องตามหลักรัฐธรรมนูญไม่ทำตนให้เป็นที่รังเกียจของหมู่คณะ

๖. ทิฏฐิสามัญญตา มีทิฏฐิดีงามเสมอกันในหมู่ชนทั้งหลาย ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือเห็นชอบร่วมกันในข้อที่เป็นหลักการ วิธีการ และอุดมการณ์ อันจะนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติ

นี่คือหลักการวางตนเพื่อให้เกิดความสงบสุข อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข เมื่อคนในชาติยึดหลักธรรมนี้ ท่องหลักธรรมนี้ ภาวนาหลักธรรมนี้ ประพฤติดีตามหลักธรรมนี้ ปฏิบัติชอบตามหลักธรรมนี้ หัวใจของคนไทยทั้งประเทศก็จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งประเทศ

สามารถต้านโจรภัย อริราชศัตรู ผู้คิดร้ายต่อแผ่นดินได้อย่างมั่นคงสถาพรตลอดไป