การ์ตูนที่รัก : ก้นหอยมรณะ (2)

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

ตอน 1

เมืองคุโรอุซึ เมืองที่ถูกสาป

หลังจากการตายอย่างลึกลับติดต่อกันหลายคน เวลาเผาศพจะมีควันรูปก้นหอยลอยขึ้นท้องฟ้า มีใบหน้าคนตายแฝงอยู่ในหมอกควัน จากนั้นหมอกควันจะลอยลงไปในสระน้ำทมโบะ

พ่อของคิริเอะเป็นนักปั้นเครื่องดินเผา ระยะหลังพ่อไม่กินไม่นอน ทั้งวันทั้งคืนเฝ้าอยู่หน้าเตาเผา เครื่องถ้วยชามที่ปั้นออกมามีรูปทรงแปลกประหลาดพร้อมลายก้นหอย เอาไปวางขายมีแต่คนชื่นชมแต่ไม่มีคนซื้อ พ่อก็ไม่ทุกข์ร้อนอะไรเพราะหลงใหลในก้นหอยไม่เป็นผู้เป็นคนไปเสียแล้ว

หลังจากพ่อของชูอิจิขดตัวเป็นรูปก้นหอยตายในถังน้ำ แม่ของชูอิจิใช้กรรไกรคว้านช่องหูตนเองจนตายเพียงเพื่อจะเอาหูชั้นในรูปก้นหอยออกมาให้ได้ ชูอิจิก็เก็บตัวไม่ไปไหนอีก

วันนี้คิริเอะชวนชูอิจิมากินข้าวที่บ้านจะได้ช่วยดูอาการของพ่อด้วย ระหว่างที่ชูอิจิกำลังกินบะหมี่น้ำนั้นเอง เขาเห็นบะหมี่พันกันเป็นรูปก้นหอยถึงกับผงะถอยหลัง คิริเอะสังเกตว่าพ่อของตัวเอาชามรูปก้นหอยมาใส่บะหมี่นั่นเอง

“พ่อ! ทำไมไปเอาชามพวกนี้มาใช้” คิริเอะต่อว่า

“นี่มันงานศิลปะชั้นสูงเชียวนา พ่อของชูอิจิคุงก็เคยพูด” พ่อของคิริเอะเถียง

เมื่อเอ่ยถึงพ่อของตัวเอง ชูอิจิจึงนึกออกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสระน้ำทมโบะ ที่แท้พ่อของคิริเอะไปตักดินจากสระน้ำทมโบะมาปั้นเครื่องถ้วยชาม

ในเมืองนี้มีห้องแถวเก่าถูกทิ้งร้างหลายหลังอย่างน่าประหลาด ห้องแถวเหล่านี้อยู่กระจัดกระจายทั่วไป บางแห่งมีคนเข้าไปพักอยู่อาศัย

บทต่อไปเล่าเรื่องสองครอบครัวที่อาศัยอยู่คนละปีกของห้องแถวเดียวกัน สองครอบครัวเป็นคู่อริกันแต่ลูกชายลูกสาวรักกัน คู่หนุ่มสาวถูกกีดกันและทำร้ายจนกระทั่งต้องหลบหนี ครั้นจนมุมจึงบิดร่างกายของตนเองเป็นเกลียวแล้วพันตัวเข้าหากันคล้ายงูใหญ่สองตัวพันกันจนแยกไม่ออก

แล้วหนุ่มสาวก้นหอยก็หนีลงทะเลไป

 

บทต่อไปเป็นคราวของคิริเอะที่จะถูกก้นหอยมรณะเข้าครอบงำ วันหนึ่งเส้นผมของเธอม้วนตนเองเป็นรูปก้นหอย ทำให้เธอกลายเป็นจุดเด่นของนักเรียนทั้งโรงเรียน ความเด่นล้ำหน้าสาวๆ ไปทั่วจนกระทั่งวันหนึ่งก็มีนักเรียนสาวทรงผมก้นหอยมาประชัน

คิริเอะไม่เป็นตัวของตัวเองไปแล้ว ทรงผมก้นหอยของตัวเองใหญ่โตมากขึ้น พิลึกพิลั่นมากขึ้น และดูเหมือนจะดุร้ายมากขึ้นด้วยเพื่อกำราบทุกคนที่คิดมาแข่ง

ชูอิจิเห็นว่าจะไปกันใหญ่จึงเอากรรไกรมาตัดผมของคิริเอะทิ้งทันเวลา

บทต่อไปเล่าเรื่องเพื่อนชายจอมเพี้ยนของคิริเอะที่ชอบโผล่หน้าออกมาทำคิริเอะตกใจในระยะกระชั้นชิดเสมอๆ กิริยาของเขาเหมือนตุ๊กตาติดสปริงที่เด้งผลุงออกจากกล่องเมื่อเปิดฝา เพียงเพื่อเรียกร้องความสนใจ ตามด้วยสารภาพรัก ครั้นคิริเอะไม่เล่นด้วย เจ้าหนุ่มจอมเพี้ยนก็ออกไปให้รถชนตายร่างขาดกระจุยน่าสยดสยอง

คิริเอะต้องผ่านป่าช้าหลังเลิกเรียน หลังจากการตายโหงของเพื่อนแล้ว เธอไม่สามารถสงบจิตใจได้อีก เมื่อไปปรึกษาชูอิจิชูอิจิก็ว่าเพราะวิญญาณร้ายของเจ้าหนุ่มติดสปริงยังไม่ไปผุดไปเกิดจึงชวนคิริเอะเข้าป่าช้าไปช่วยกันตอกหน้าอกศพของมัน

ผีดิบสปริงลุกขึ้นจากหลุมไล่ล่าชูอิจิและคิริเอะวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ศพของมันมีรอยเย็บทั่วตัว เมื่อสปริงตัวทีหนึ่งเศษซากเน่าเปื่อยก็หลุดออกมาชิ้นหนึ่ง ยิ่งสปริงดึ๋งๆ ไล่ตามชูอิจิและคิริเอะก็จะทิ้งแขนขาเครื่องในเรี่ยราดไปทั่ว สุดท้ายเหลือเพียงขดลำไส้ที่เป็นสปริงรูปก้นหอยอย่างชัดเจน

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดต่อหน้าต่อตาสองหนุ่มสาวชูอิจิและคิริเอะ

บัดนี้อาการหวาดระแวงของชูอิจิและคิริเอะเป็นความจริงแล้ว สองคนเป็นประจักษ์พยานความสยดสยองของก้นหอยมรณะหลายรูปแบบ เมื่อมาถึงวันที่โลกรอบตัวเปลี่ยนแปลงจริงๆ มิใช่อาการหวาดระแวงหรือประสาทหลอนอีก ผู้คนในโลกก็จะต้องพบเหตุการณ์แปลกประหลาดกันทุกๆ คน

อธิบายดังนี้ ตามเนื้อเรื่องตัวเอกทั้งสองคือชูอิจิและคิริเอะพบเห็นเหตุการณ์สยองขวัญหลายครั้งจริงๆ มิได้ประสาทหลอนไปเอง แต่พัฒนาการของเนื้อเรื่องเป็นไปตามพัฒนาการของผู้ป่วยโรคจิตเภทด้วย

กล่าวคือ เมื่ออาการของผู้ป่วยกำเริบถึงขีดสุด ประสาทหลอนมิใช่ประสาทหลอนแต่เป็นความจริง ผู้ป่วยจะไม่ยินดียินร้ายกับอาการต่างๆ นานาของตนเองเหมือนตอนแรกเริ่ม เพราะบัดนี้ทุกๆ คนรอบข้างก็เห็นเหมือนที่เขาเห็น โลกที่ทุกคนเป็นเหมือนๆ กัน

โลกนั้นคือเมืองคุโรอุซึ

ครึ่งเล่มหลังจึงเล่าเรื่องคนทุกคนในเมืองที่ได้รับผลกระทบจากก้นหอยมรณะ เริ่มจากเรื่องมนุษย์ทาก ใครที่ทำอะไรเชื่องช้า มาโรงเรียนช้า เดินช้ารั้งท้ายเหมือนหอยทาก วันหนึ่งจะมีตุ่มนูนใหญ่ที่กลางหลัง ตุ่มนั้นดันเสื้อผ้าจนตึง ครั้นถอดเสื้อออกจะเห็นเปลือกหอยทากที่วนเป็นรูปก้นหอย

วันต่อมาคนนั้นจะไม่เดินแต่ลงไปคลาน แล้วแขนขาก็หายไป ใบหน้ากลายเป็นหอยทาก ลูกตาทะลักออกมาแล้วปูดโปนเป็นเสาอากาศสองข้าง

ความเปลี่ยนแปลงของเมืองลามจากน้ำในสระและน้ำทะเลสู่อากาศ บัดนี้อากาศของเมืองพร้อมจะม้วนตนเองเป็นรูปก้นหอยได้ตลอดเวลาหากเคลื่อนไหว

ในตอนแรกลมปากกลายเป็นลมก้นหอยเล็กๆ แต่แล้วเสียงจามสามารถสร้างพายุหมุนขนาดใหญ่

การโบกมือแรงๆ สามารถสร้างลมหมุนพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว

เด็กๆ ที่เข้าใจเล่นจะเริ่มบินได้ ผู้ใหญ่หลายคนบินตาม แต่ลมหมุนที่เล่นกันนั้นรุนแรงขึ้นทุกขณะ สุดท้ายทุกหนแห่งเต็มไปด้วยพายุหมุน

แล้วเมืองก็ราบเป็นหน้ากอง

ผู้คนอดอยากล้มตาย หน่วยกู้ภัยจากต่างเมืองที่เข้ามาช่วยจะหลงทางหาทางออกไม่ได้ แต่ละหน่วยเดินวนไปเวียนมาเสมือนติดในเขาวงกต ใครเดินรั้งท้ายกลายเป็นหอยทาก เมื่อไม่มีอะไรจะกินผู้คนเริ่มจับหอยทากย่างกิน

แต่ห้องแถวเก่าแก่ที่กระจัดกระจายเหล่านั้นยังอยู่ เป็นสถานที่พักพิงเดียวที่ผู้คนจะใช้หลับนอนเพื่อหนีพายุหมุนมรณะ คนที่รอดชีวิตและเดินเร็วพอต่างเข้าไปเบียดเสียดอยู่ในบ้าน อัดเข้าไปอัดเข้าไปไม่มีใครยอมถอยจนกระทั่งแขนขาพันกันอีรุงตุงนังแยกจากกันมิได้

ชูอิจิและคิริเอะเป็นสองคนที่ยังไม่ตายและไม่เข้าไปในห้องแถว สองคนสังเกตว่าห้องแถวยืดยาวออก ห้องแถวทุกแห่งยืดตัวเองออกทั้งสองข้าง ห้องแถวเชื่อมต่อกันกลายเป็นรูปก้นหอยขนาดยักษ์กินอาณาบริเวณหมดทั้งเมือง ชูอิจิและคิริเอะยังเดินไปเรื่อยๆ ตามทางในห้องแถวนั้นโดยไม่มีวันสิ้นสุด

เคยสังเกตหรือไม่ว่าก้นหอยสิ้นสุดที่ตรงไหน อ่านตอนจบเอง