เผยแพร่ |
---|
จากกรณี”ถวายสัตย์ปฏิญาณตน”เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม กระทั่งมาถึงกรณี”พระราชกำหนด” และ”ร่างพรบ.งบประมาณ”เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ได้สะท้อนให้เห็น”พลวัต”อันแหลมคมยิ่งในทางการเมือง
โดยเฉพาะการเมืองใน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเฉพาะการเมืองในพรรคอนาคตใหม่
ทั้งเรื่องที่เป็น”นวัตกรรม” ทั้งเรื่องที่รู้สึกว่าเป็น “ปัญหา”
หากนำเอาแต่ละกรณีจาก”ถวายสัตย์ปฏิญาณตน”ในเดือนกรกฎาคม เรื่อยมาจนถึงเดือนสิงหาคม กันยายน และตุลาคม ก็จะสัมผัสได้ในปัญหาและความขัดแย้งที่ดำรงอยู่
ในที่สุดก็ปะทุผ่าน”พระราชกำหนด” ในที่สุดก็ปะทุผ่านการผ่านวาระแรกของร่างพรบ.งบประมาณ
เกิด”โกลาหล”ด้วย”งูเห่าส้ม”จากชลบุรี
น่าสังเกตว่าต่อกรณี”ถวายสัตย์ปฏิญาณตน” นับแต่พรรคอนาคตใหม่ เปิดประเด็นขึ้นในวันที่ 25 กรกฎาคม ภายใน 7 พรรคฝ่ายค้านร่วมก็บังเกิดเอกภาพในทางความคิด
แม้รัฐบาลจะพยายามทำให้กรณี”ถวายสัตย์ปฏิญาณตน”มีความอ่อนไหวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
เพื่อสยบมิให้ 7 พรรคฝ่ายค้านร่วมเดินหน้าเคลื่อนไหว
กระนั้น 7 พรรคฝ่ายค้านร่วมโดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่กับพรรคเพื่อไทยล้วนร้องเพลงด้วยคีย์เดียวกัน
แต่พลันที่กรณี”พระราชกำหนด”ปรากฏขึ้นในวันที่ 17 ตุลาคม เส้นทางระหว่างพรรคอนาคตใหม่กับ 6 พรรคฝ่ายค้านร่วมก็ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ยิ่งกว่านั้น แม้ภายในพรรคอนาคตใหม่จะเป็นเอกภาพถึง 70 แต่ก็ยังมีบางส่วนที่สวนทางกับมติของพรรคอย่างเด่นชัด
มาถึงการพิจารณา”ร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563” 7 พรรคฝ่ายค้านก็มีความเป็นเอกภาพในทาง ความคิดอีกคำรบหนึ่ง
แต่การสวนมติพรรคปรากฏขึ้นที่พรรคอนาคตใหม่อย่างที่เรียกว่าเป็น”กรณีงูเห่าส้ม”อันอื้อฉาว
น่าสนใจก็ตรงที่ ส.ส.คนเดียวกันนี้ก็สวนมติจากกรณี”พระราชกำหนด” กลายเป็นการเดินสวนกับมติพรรค 2 ครั้งภายในห้วงของเดือนตุลาคม
นี่คือปรากฏการณ์อันสะท้อนสภาพ”ภายใน”พรรคอนาคตใหม่