ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 ตุลาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | มุมมุสลิม |
ผู้เขียน | จรัญ มะลูลีม |
เผยแพร่ |
อิมรอน ข่าน ได้นำปัญหาแคชเมียร์ไปยังกรุงวอชิงตันด้วยคณะที่เขาไปเยือนสหรัฐ แต่สหรัฐยืนกรานว่าจะให้ความร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ในเรื่องแคชเมียร์ก็ต่อเมื่ออินเดียให้ไฟเขียวมาก่อน
การเยือนสหรัฐของนายกรัฐมนตรีอิมรอน ข่าน เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นความสำเร็จทางการทูตของรัฐบาลปากีสถาน “เขามา เขาเห็น เขาได้ชัยชนะ” เป็นพาดหัวตัวใหญ่ของหนังสือพิมพ์ชั้นนำของปากีสถาน
ตอนขากลับปากีสถาน อิมรอน ข่าน เปรียบเทียบผลการเยือนสหรัฐของเขาเหมือนกับปากีสถานได้ชัยชนะในการแข่งขันคริกเก็ตโลกภายใต้การเป็นกัปตันทีมของเขา
เขากล่าวว่า “เขาจัดความสัมพันธ์ขึ้นอีกครั้ง” กับสหรัฐบนพื้นฐานแห่งความเท่าเทียม อิมรอน ข่าน ได้รับเครดิตในการเชิญชวนทรัมป์ให้กล่าวถึงคำว่า “K” (แคชเมียร์) เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
โดยสหรัฐเสนอตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ยประเด็นแคชเมียร์
หลังจากนั้นความปลาบปลื้มจากการเยือนของอิมรอน ข่าน ได้หมดความหมายไป หลังจากอินเดียได้เปลี่ยนแปลงสถานะที่ดำรงอยู่ของแคชเมียร์ ฝ่ายบริหารของทรัมป์ไม่ได้ทำแม้แต่วิพากษ์ความเคลื่อนไหวของอินเดีย ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าข้อเลือกอันดับแรกของสหรัฐในอนุทวีปอินเดียนั้นอยู่ที่ไหน
เมื่อเขาเป็นฝ่ายค้าน บ่อยครั้งที่อิมรอน ข่าน มุ่งมั่นคัดค้านเพื่อต่อต้าน “ความไม่เท่าเทียม” ของความสัมพันธ์ระหว่างปากีสถานและสหรัฐและจะเร่งรีบวิพากษ์ปฏิบัติการของสหรัฐในดินแดนของเผ่าต่างๆ ของปากีสถาน
แต่เวลานี้เขาตกอยู่ภายใต้การชี้นำของฝ่ายทหาร ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่ทำให้เขาขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
รัฐบาลใหม่ในอิสลามาบัด ซึ่งต้องหาทุนมาจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ จึงพยายามรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับสหรัฐเสียใหม่
โดยฝ่ายบริหารของสหรัฐได้ตอบแทนด้วยความตั้งใจที่จะรีบเร่งเอาทหารสหรัฐส่วนใหญ่ออกไปจากอัฟกานิสถาน
มีรายงานในสื่อของสหรัฐว่าทั้งลินเซย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันและมกุฎราชกุมาร มุฮัมมัด บิน สัลมาน ต่างก็มีอิทธิพลอย่างมากในทำเนียบขาว และมีบทบาทสำคัญในการเตรียมการขั้นพื้นฐานสำหรับการมาเยือนของอิมรอน ข่าน ยังสหรัฐ
พวกเขาโน้มน้าวทรัมป์ว่าปากีสถานจะทำให้กลุ่มก้อนต่างๆ ของพวกฏอลิบาน (Taliban) ทำตามข้อเสนอสันติภาพ
สำหรับทรัมป์ขณะที่ต้อนรับอิมรอน ข่าน ในวอชิงตันได้แสดงออกด้วยการสรรเสริญ อิมรอน ข่าน ว่าเป็น “ผู้นำที่ยิ่งใหญ่” และปากีสถานเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่
ทั้งนี้ เพิ่งแค่ปีที่ผ่านมาเท่านั้นที่ทรัมป์ได้ทวีตว่า “ปากีสถานไม่ได้ให้อะไรเราเลยนอกจากโกหก” และ “ให้ที่พักพิง” แก่นักต่อสู้ติดอาวุธจากอัฟกานิสถาน
อิมรอน ข่าน โต้กลับอย่างโกรธเคืองว่าปากีสถานได้รับความทุกข์ยาก โดยมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 75,000 คน และสูญเสียมากกว่า 123 พันล้านเหรียญสหรัฐในสงครามต่อต้านการก่อการร้ายที่สหรัฐให้การสนับสนุน
เขากล่าวว่า สหรัฐช่วยเหลือปากีสถานในช่วงเวลานี้คิดเป็นเงินแค่ 20 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
อิมรอน ข่าน มาเยือนวอชิงตันกับผู้บัญชาการทหาร นายพลกอมัร ญาเว็ด บาจญ์วา (Qmar Javed Bajwa) และหัวหน้าฝ่ายข่าวกรอง พล.ต.ฟาอีซ ฮามีด (Faiz Hameed)
สหรัฐต้องการฝ่ายความมั่นคงให้เพิ่มความเข้มงวดกับองค์กรอย่าง จาอิชี โมฮัมมัด (Jaish-e Mohammad) และลัชห์ การี ตัยบะฮ์ (Lashkar-e-Taiba) และเครือข่าย ฮักกานี (Haqqani network)
ที่สำคัญก็คือ ในคำกล่าวของเขาขณะเยือนสหรัฐได้เปิดเผยว่าปากีสถานมิได้ยึดติดอยู่กับ “ลัทธิยุทธศาสตร์ส่วนลึก” อีกต่อไปในอัฟกานิสถาน
ในลัทธินี้ ปากีสถานใช้อัฟกานิสถานเป็นเครื่องมือยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง “ต่อต้านอินเดีย” ฝ่ายความมั่นคงของปากีสถานเคยอ้างว่าอิทธิพลของอัฟกานิสถานได้หมดลงแล้วในเขตของตนและมองบทบาทที่เพิ่มขึ้นของอินเดียในฐานะศัตรูอย่างเปิดเผย
ทรัมป์ได้กล่าวกับสื่อในวอชิงตันระหว่างการเยือนของอิมรอน ข่าน ว่านายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทราโมดี (Narendra Modi) ได้ขอให้เข้าไกล่เกลี่ยความขัดแย้งแคชเมียร์ เมื่อเขาได้พบกับโมดีในการประชุม G20 ในโอซากา เมื่อเดือนกรกฎาคม (2019) ที่ผ่านมา
“ผมอยู่กับนายกรัฐมนตรีโมดีเมื่อสองสัปดาห์ก่อนและเราพูดถึงเรื่องนี้ (แคชเมียร์) และในความเป็นจริงแล้วเขาพูดว่า คุณต้องการเปลี่ยนผู้ไกล่เกลี่ยหรือเป็นอนุญาโตตุลาการ?” ทรัมป์กล่าว
ทรัมป์ยังได้กล่าวด้วยว่า ปากีสถานกำลังช่วยเราอย่างมากในเวลานี้ในเรื่องอัฟกานิสถาน ทรัมป์กล่าวว่า ปากีสถานจะสามารถช่วยคนนับล้านในอัฟกานิสถาน อันเนื่องมาจากอิทธิพลที่ปากีสถานมีอยู่และช่วยเราให้พาตัวเองออกมาจากอัฟกานิสถาน
ทรัมป์กล่าวว่า ไม่เหมือนในอดีต ผู้นำคนใหม่ของปากีสถานให้ความเคารพความเป็นผู้นำของสหรัฐ ทรัมป์มิได้รื้อฟื้นเงินจำนวน 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐขึ้นมาแต่อย่างใด ซึ่งเขาได้ตัดเงินก้อนนี้ไปหลังจากขึ้นสู่อำนาจ แต่เขาก็แสดงเป็นนัยว่าต้องการรื้อฟื้นเงินจำนวนนี้ขึ้นมาใหม่
หากว่าปากีสถานให้ความร่วมมือกับสหรัฐในอัฟกานิสถาน
หลังจากเยือนวอชิงตันได้หนึ่งอาทิตย์ สหรัฐประกาศที่จะให้เงินจำนวน 125 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อการช่วยเหลือด้านการบริหารการขนส่งและด้านเทคนิคในการส่งเครื่องบิน F16 ของสหรัฐให้ปากีสถาน
รัฐมนตรีต่างประเทศของอินเดียประท้วงฝ่ายบริหารของทรัมป์ด้วยการแสดง “ความห่วงใยอย่างมาก” ต่อการประกาศให้ความช่วยเหลือทางทหารต่อปากีสถาน
เจ้าหน้าที่อินเดียมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางทหารและการส่งเครื่องมือทางทหารของสหรัฐให้แก่ปากีสถาน
ฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้จัดเงินช่วยเหลือ 300 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับปากีสถานในเดือนกันยายน ปี 2015
เจ้าหน้าที่ปากีสถานกล่าวว่า พวกเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องการเงินระหว่างการเยือนของอิมรอน ข่าน พวกเขาพูดถึงการเพิ่มขึ้นของ “การค้ามิใช่การช่วยเหลือ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพูดคุยกัน
ความสำเร็จของรัฐบาลอินเดียจนถึงเวลานี้ก็คือการทำให้เรื่องแคชเมียร์เป็นเรื่อง “ประเด็นทวิภาคี” ซึ่งจะต้องแก้ไขด้วยการเจรจาระหว่างสองประเทศ ในขณะที่ปากีสถานจะเรียกร้องให้มีการไกล่เกลี่ยโดยนานาชาติ
ความขัดแย้งแคชเมียร์เป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศที่ยังไม่อาจแก้ไขได้ นับตั้งแต่สหประชาชาติถือกำเนิดมาแล้ว
แม้ว่าโมดีปฏิเสธที่จะพูดถึงการเสนอตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ยของทรัมป์ในความขัดแย้งนี้ กระทรวงต่างประเทศของอินเดียได้ปฏิเสธข้ออ้างของทรัมป์ ทั้งทรัมป์และโมดีต่างก็มีประวัติศาสตร์ในการสร้างเรื่องที่ขาดการยืนยันและเป็นแถลงการณ์ที่ขาดความจริงมาก่อน
ในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม ทรัมป์ได้ยืนยันการเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเรื่องแคชเมียร์อีกครั้ง แต่ก็กล่าวเพิ่มเติมว่าการตัดสินใจนั้นขึ้นอยู่กับผู้นำของสองประเทศ
เขากล่าวว่า “ลูกบอลนั้นอยู่ในศาลของอินเดียแล้ว มันขึ้นอยู่กับนเรนทรา โมดี”
ทรัมป์พูดกับอิมรอน ข่าน และโมดี ว่าเป็นผู้คนที่น่าทึ่ง “ผมว่าถ้าพวกเขาต้องการผม ผมก็จะเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย” เขากล่าว
เอ็ส ชัยชันกัร (S.Jaishankar) รัฐมนตรีต่างประเทศของอินเดีย กล่าวกับรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ไมก์ ปอมปิโอ (Mike Pompeo) ขณะที่พบกันเมื่อมีการประชุมความมั่นคง ASEAN ที่กรุงเทพฯ ในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม (2019) ว่าการพูดถึงพื้นที่แห่งความขัดแย้งแคชเมียร์จะเป็นการพูดคุยทวิภาคีระหว่างปากีสถานและอินเดียเท่านั้น
เจ้าหน้าที่อาวุโสจากกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐให้ความกระจ่างว่าการเสนอเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเรื่องแคชเมียร์นั้นจะต้องพิจารณาในบริบทที่ว่าสหรัฐมุ่งหมายที่จะให้มีการฟื้นฟูความสัมพันธ์อินเดีย ปากีสถาน
“เรายืนกรานถึงความพร้อมที่จะช่วยเหลือถ้าสองฝ่ายขอมา” เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐกล่าวหลังจากทรัมป์พูดถึงการเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเรื่องแคชเมียร์