การเลือกตั้งซ่อม ยุทธศาสตร์ใหญ่ เปลี่ยน “ดุล” ทางการเมือง / ฉบับประจำวันที่ 4-10 ตุลาคม 2562

การเลือกตั้งซ่อม ที่จะเกิดขึ้นประมาณ 4 เขต
แน่นอนสุด คือการเลือกตั้งซ่อม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครปฐม เขตเลือกตั้งที่ 5
จากนั้นคงจะตามมาด้วย การเลือกตั้ง ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น
จ.กำแพงเพชร เขต 2 และ เขต 5 สมุทรปราการ
ทั้ง 4 เขตเลือกตั้งคึกคักยิ่ง
คงด้วยที่ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านมีเสียงปริ่มน้ำ ในการที่จะพลิกเป็นเสียงข้างมาก และเสียงข้างน้อย
ดังนั้น เสียง ส.ส.ที่เพิ่มหรือลด จึงมีความหมาย
โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาล ต้องการเสียงเพิ่มอย่างยิ่ง เพราะที่มีอยู่ในปัจจุบันหมิ่นเหม่ที่จะคว่ำในสภาอย่างมาก
การเลือกตั้งซ่อม จึงสำคัญ ต้องสู้เต็มที่ และวางยุทธศาสตร์ให้ดี

อย่างสนามเลือกตั้งซ่อม เขต 5 จ.นครปฐม ที่จะมีการเลือกตั้งวันที่ 23 ตุลาคมนี้
ดูเหมือนแนวร่วมฝ่ายค้านจะวางยุทธศาสตร์ในการชิงเก้าอี้ ส.ส.คราวนี้ ผูกกับแนวทาง “การเมือง” หลักด้วย
คือ ไม่ได้หวังที่จะได้ ส.ส.กลับคืนมาเท่านั้น
แต่หมายถึง การขับไล่รัฐบาล และการไม่เอานายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย
โดยเชื่อว่าผลคะแนนที่ออกมาจะชี้วัดถึงการลงคะแนนอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
และจะเป็นคำพิพากษาของประชาชนต่อรัฐบาล
“การเลือกตั้งของเขต 5 จ.นครปฐม จะเป็นการพิพากษาลงคะแนนไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลนี้ โดยอยากให้เสียงชาวสามพรานเป็นตัวแทนประชาชนในประเทศไทย ส่งเสียงออกไปให้ถึงผู้มีอำนาจว่าเราเอือมระอาเต็มที ยอมไม่ได้อีกต่อไปแล้วกับความไม่เป็นธรรม กับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ คนตกงาน นี่คือเวลาของการเปลี่ยนแปลง” นายธนาธรระบุ
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ชี้ว่าการเลือกตั้งซ่อมจะเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงดุลการเมืองในสภา
ถ้าฝ่ายค้านรักษาที่นั่งเขต 5 จ.นครปฐมได้ และชิงอีก 2 ที่นั่งของพรรคพลังประชารัฐมาได้
ดุลการเมืองจะเปลี่ยน
รวมถึงโอกาสการเปลี่ยนตัวนายกฯ ทำได้ทันที ประชาชนกำลังให้คำตอบว่าระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับรัฐธรรมนูญ สิ่งใดสร้างปัญหาให้ประเทศมากกว่ากัน

ยุทธศาสตร์ที่ไปไกลกว่าชนะการเลือกตั้งซ่อม แต่พุ่งเป้าไปที่การเขย่ารัฐบาลและไล่ พล.อ.ประยุทธ์ นี้
ฝ่ายรัฐบาลก็คงมองออก
และคงต้องกดหรือทำลายยุทธศาสตร์นี้ลง เพื่อไม่ให้ขยายไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ
เราคงได้เห็นการระดมสรรพกำลัง ทั้งผ่านพรรค และผ่านกลไกของรัฐบาล ลงไปพื้นที่กันเต็มที่ เพื่อชิงเก้าอี้ให้ได้มากที่สุด
ศึกการเลือกตั้งซ่อมทั้ง 4 เขต จึงได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นไปอย่างดุเดือด
เพราะผลการเลือกตั้งที่ออกมา มิใช่แค่ชิงเก้าอี้ส.ส.ในเขตเลือกตั้งนั้นเท่านั้น
แต่หากหมายถึงยุทธศาสตร์ใหญ่ เปลี่ยน “ดุล” ทางการเมือง ทีเดียว
นั่นย่อมส่งผลให้สมรภูมิการเมืองร้อนระอุยิ่ง
————————-!