วิเคราะห์ : แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์อาจเลวร้ายกว่าที่คิด

วันเวลาของปีพุทธศักราช 2562 ได้มาถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นเดือนที่ 8 ของปีแล้ว ปรากฏการณ์หนึ่งในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่สะท้อนถึงทิศทางใหญ่ของวงการคือ บริษัทมหาชนยักษ์ใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลายบริษัทได้แถลงเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไปแต่ละรายจำนวนหลายโครงการ มีความหมายเชิงธุรกิจอย่างไร

บริษัทเหล่านี้มีโครงการบ้าน คอนโดฯ ในมือที่อยู่ระหว่างเปิดขายรายละนับร้อยโครงการ

ในแทบทุกระดับราคาและทุกทำเลที่มีความต้องการของตลาด

ดังนั้น จึงมีข้อมูลผู้สนใจโครงการ การแวะเยี่ยมชมโครงการ ข้อมูลจองซื้อ ข้อมูลการทำสัญญาจะซื้อจะขาย ตลอดเวลาทุกวันจำนวนมาก

ทำให้บริษัทใหญ่ๆ เหล่านี้รู้ภาวะตลาดและแนวโน้มตลาดบ้าน คอนโดฯ เป็นอย่างดี

ตั้งแต่ต้นปีมาบริษัทอสังหาฯ ส่วนใหญ่ไม่ได้คาดหวังว่าตลาดปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมา

และคาดกันด้วยว่าปีนี้จะแย่ลงกว่าปีที่แล้ว

แต่ต่างก็รอว่า เมื่อมีการเลือกตั้งแล้วบรรยากาศตลาดจะดีขึ้น

ผลก็ไม่เป็นไปตามต้องการ เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ก็รอว่า จัดตั้งรัฐบาลเสร็จบรรยากาศก็น่าจะดีขึ้น

จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เป็นไปตามที่คาด หนำซ้ำยังมีเสียงระเบิดพร้อมๆ กันกลางเมืองหลวงหลายจุด

ดังนั้น ถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไรในอนาคตอันใกล้ให้หวัง

บริษัทรายใหญ่ที่พร้อมด้วยข้อมูลจึงยอมรับสภาพความเป็นจริง คือ เลื่อนโครงการหลายๆ โครงการออกไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์

บางรายคืนเงินจองลูกค้าโครงการที่เปิดตัวไปแล้ว

เพื่อปรับคอนเซ็ปต์โครงการบ้าง หรือบางรายยุติไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว

แสดงให้เห็นชัดว่า แม้จะทำใจไว้ตั้งแต่ต้นปีว่าจะไม่ดี แต่สถานการณ์ยังแย่กว่าที่คาดไว้

 

แน่นอนว่า บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่คงยังไม่ถึงขั้นประสบปัญหาวิกฤตหรือผลประกอบการตกต่ำอะไรมากนัก เพราะบริษัทเหล่านี้มียอดจองสะสมล่วงหน้าจำนวนมาก มีสินค้าที่อยู่อาศัยขายทุกระดับราคาและทำเล โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคาสูงยังมีอัตราการขายที่ดี

และที่สำคัญบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่มีเงินทุนในมือและแหล่งเงินทุนที่สามารถหาได้ ยังแข็งแรง

ผู้ที่จะได้รับผลกระทบ คือบริษัทอสังหาฯ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก เพราะแหล่งเงินทุนจำกัดมากกว่า สถาบันการเงินเข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะธุรกิจอสังหาฯ แบรนด์ความน่าเชื่อถือเป็นรองบริษัทใหญ่ๆ เมื่อผู้บริโภคต้องตัดสินใจเลือกซื้อ

เมื่อยอดขายใหม่ไม่เป็นไปตามคาด ยอดโอนไม่เป็นไปตามเป้า ความยากลำบากในการบริหารสภาพคล่องก็จะตามมา

บริษัทอสังหาฯ ขนาดกลางที่เติบโตได้เร็วในช่วงที่ผ่านมา หลายรายกำลังเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อเป็นฐานในการเติบโตขั้นต่อไป แต่ถึงเวลานี้ก็มีกระแสข่าวว่า หลายรายที่อยู่ระหว่างเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ตัดสินใจเลื่อนแผนออกไปก่อน

เพื่อรอดูสถานการณ์

 

อย่างไรก็ดี ยังมีผู้ที่ลำบากกว่า ผู้ประกอบการบริษัทอสังหาฯ ทั้งรายใหญ่ รายเล็ก ก็คือประชาชนผู้บริโภค

เพราะบริษัทอสังหาฯ ขายที่อยู่อาศัยใหม่ไม่ได้ ก็หมายความว่า ประชาชนที่ต้องการที่อยู่อาศัยไม่สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองได้ หรือไม่สามารถหาที่อยู่อาศัยใหม่ที่ดีกว่าเดิมได้ ทำให้ต้องทนอยู่กับสภาพเดิมๆ ที่ไม่น่าพึงใจ

ประชาชนส่วนใหญ่รายได้ไม่เพิ่มขึ้น บางอาชีพรายได้ลดลง และหลายอาชีพมีความเสี่ยงที่จะตกงานเพราะธุรกิจที่ทำงานอยู่กำลังจะถูก Disruption

ไม่รู้เรากำลังอยู่ในยุคอะไรกัน