จรัญ พงษ์จีน : “ดาวรุ่ง-ดาวดับ” วันแถลงนโยบาย และโจทย์หินต่อไปของรัฐบาลประยุทธ์ 2

จรัญ พงษ์จีน

การแถลงนโยบายของคณะรัฐบาล “ตู่ 2/1” ต่อ “รัฐสภา” ซึ่ง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในฐานะนายกรัฐมนตรี จำใจต้องโชว์เดี่ยว อ่านนโยบายที่แจกจ่ายบรรดาสมาชิกรัฐสภาไปแล้วเกือบทุกตัวอักษร จำนวน 66 หน้า

เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนด ห้ามตกห้ามหล่นเพราะมีบันทึกการประชุม

เป็นสัมผัสแรกของทั่นผู้นำในมาดใหม่ เพราะ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ ที่มาจากการปฏิวัติ-รัฐประหาร “ยึดอำนาจ” เสวยสุขมา 5 ปีเต็ม เท้าเพิ่งแตะขอบสนามประชาธิปไตย

รสชาติอาจจะพะอืดพะอม บรรยากาศอาจจะปุเลี่ยนๆ แปลกใหม่ “สภาผู้แทนราษฎร” ซ้ายหัน ขวาหันไม่ได้ดั่งเก่า มีพวกหัวสูง ฉลาดปราดเปรื่อง อีโก้จัด โอหัง ดื้อด้านอยู่เยอะมาก

แถม “มาตรา 44” ดาบอาญาสิทธิ์ที่เคยโป้งปิดบัญชีใครต่อใครมานับไม่ถ้วน โดนสันดาป “เอวัง” ไปตั้งแต่วินาที รัฐนาวา “ตู่ 2/1” ตั้งลำเดินเครื่องออกจากจุดสตาร์ตโดยสมบูรณ์

หากพิจารณาบทบาท “สัมผัสแรก” ของ “พล.อ.ประยุทธ์” ต่อเวทีแถลงนโยบาย 2 วัน 2 คืน ที่ “นายหัวชวน หลีกภัย” จัดให้ ภาพรวมโดยสรุป “พอดูได้ สนุกดี…ตลกก็เยอะนะ”

สำหรับผลข้างเคียงในทางการเมือง กลายเป็นว่าศึกชำแหละนโยบายที่ล่อกันชนิดเลือดสาด ผู้ที่กินกำไรหลายต่อ เข้าฮอสเลยก็ว่าได้ ไม่ได้มโนเอง แต่จากการสำรวจของซูเปอร์โพล “ค่ายอนาคตใหม่” ยึดหัวหาดไปเรียบ

อันดับ 1 “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เจ้าของทฤษฎีกระดุม 5 เม็ดครองแชมป์ ตามด้วย “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรค และ “ช่อ-พรรณิการ์ วานิช” โฆษกพรรคอนาคตใหม่

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีดาวรุ่งแจ้งเกิด ดาวร่วงล้มหายตายจากไปกี่รายต่อกี่รายก็ตาม แต่ถือว่าภาพโดยรวมการแถลงนโยบายของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่มาตามเส้นทางปกติ ไม่เลาะรั้วเดินทางลัด จบเกมไปแล้วโดยบริบูรณ์

ก้าวถัดไป “ศึกใหญ่” กำลังรอท่า ว่าด้วยปมงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ที่รัฐบาล “บิ๊กตู่” ต้องเร่งคีย์ตีจังหวะให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือนกันยายน เพื่อให้ทันกาลสำหรับปีงบประมาณใหม่ที่จะเริ่มนับหนึ่งในวันที่ 1 ตุลาคม 2562

เท่ากับว่า วันเวลาเหลืออยู่จำกัดจำเขี่ยเป็นอย่างมาก เดือนเศษๆ เท่านั้น

“ศึกงบประมาณ” สำหรับรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” ที่กำลังงวดเข้ามาทุกขณะ ถือว่าเสียวตาปลาเอามากๆ เสี่ยงอันตรายมากไม่น้อยทีเดียว

เนื่องเพราะ “ตัวช่วยพิเศษ” คือ “วุฒิสมาชิก” ทัพสนันสนุน 250 คน ที่ทำหน้าที่คอหอยลูกกระเดือกให้รัฐบาลได้เยี่ยมมากเมื่อครั้งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

แต่ “พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563” ไม่สามารถเข้าไปยุ่มย่ามในที่ประชุมได้

“สภาล่าง” หรือ “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” นัวกันเองเพียวๆ ระหว่าง “ซีกรัฐบาล” กับ “ฟากฝ่ายค้าน”

 

ทั้งนี้และทั้งนั้น เป็นไปตามกลไกของรัฐธรรมนูญฉบับเจ้าปัญหาแห่งมาตรา 156 ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเจตนาหรือพลั้งเผลอของผู้ยกร่าง ที่บัญญัติอำนาจหน้าที่ให้ “วุฒิสมาชิก” ประชุมร่วมกับ “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” ด้วยกันได้เพียง 16 กรณีเท่านั้น คือ

1. การให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามมาตรา 17

2. การปฏิญาณตนของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต่อรัฐสภา ตามมาตรา 19

3. การรับทราบการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันติวงศ์ พุทธศักราช 2467

4. การรับทราบหรือให้ความเห็นชอบในการสืบราชสมบัติ ตามมาตรา 21

5. การให้ความเห็นชอบในการปิดสมัยประชุม ตามมาตรา 121

6. การปิดประชุมรัฐสภา ตามมาตรา 122

7. การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 132

8. การปรึกษาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือร่างพระราชบัญญัติใหม่

9. การพิจารณาให้ความเห็นชอบ มาตรา 147

10. การเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 155 และมาตรา 165

11. การตราข้อบังคับการประชุมรัฐสภา

12. การแถลงนโยบาย

13. การให้ความเห็นชอบในการประกาศสงคราม

14. การรับฟังคำชี้แจงและการให้ความเห็นชอบหนังสือสัญญา ตามมาตรา 178

15. การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

และ 16. กรณีอื่นๆ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

ไม่มีบัญญัติเกี่ยวกับ “พ.ร.บ.งบประมาณ” ขอย้ำอีกครั้งว่า เป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสภาเดียว

มีข่าวแจ้งว่า “กูรู” พบช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญแห่งมาตรา 156 มาตั้งแต่ร่างเสร็จใหม่ๆ

ครั้นมีการเสนอแก้ไข เพราะรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารเสี่ยงอันตราย พ.ร.บ.งบประมาณไม่ผ่านสภา ก็มีสิทธิ์อวสานทันที

ไม่มีชอยส์ไหนให้เลือก นอกจาก “นายกรัฐมนตรี” คือ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ต้องยุบสภา เพื่อทำการเลือกตั้งใหม่สถานเดียว

แต่ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราหนึ่งมาตราใดไม่ได้ กอปรกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้ประกาศใช้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน ย่อมแตะต้องไม่ได้แล้ว

เลยลักไก่ปล่อยเลยตามเลย โดยมั่นใจว่า ตามสูตรของการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เขียนแปะข้างฝาเบิกทางให้ “พล.อ.ประยุทธ์” นั่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย

โดยเชื่อว่าจะชนะศึกเลือกตั้งใหญ่แบบถล่มทลาย ทิ้งพรรคคู่แข่งคือเพื่อไทย ขาดท้าย

ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล “ตู่ 2/1” จึงไม่มีปัญหา

หรือถ้ามีปัญหา “บิ๊กตู่” พร้อมจะยุบสภา และเชื่อว่าจะชนะเลือกตั้งอีกครั้งอย่างแบเบอร์

หากไม่ผ่านอีกก็ยุบอีก ต้องวัดระยะว่าใครอึด หรือมีกระสุนหนากว่ากันชั่วโมงนี้ และชั่วโมงต่อไป

อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” ที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเดือนกันยายน

ต้องลุ้นระทึกกันมิใช่น้อยๆ เนื่องจากเสียงรัฐบาล “ปริ่มน้ำ” มากกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ไม่กี่ที่นั่ง

“ตัวช่วย” ฝักถั่วจาก ส.ว.ก็หมดฤทธิ์ เข้าร่วมวงไพบูลย์ไม่ได้