“พรรคประชาธิปัตย์” จบแล้ว แต่มีวิธีเดียวที่อยู่รอดได้ ?

อนาคตของ “ปชป.”

เพราะจุดพลิกของเกมจัดตั้งรัฐบาลอยู่ที่ “พรรคประชาธิปัตย์” เล่นบท “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ลาออกจากหัวหน้าพรรค เพื่อแก้ข้อครหาตระบัดสัตย์ ให้พรรคเข้าร่วมรัฐบาลด้วยเหตุผลว่า “การประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค ไม่เกี่ยวกับพรรค เมื่อหัวหน้าพรรคลาออกก็จบ พรรคไม่ต้องรับผิดชอบต้องทำตามคำประกาศ”

จึงมีบางเสียงที่ประเมินว่า “พรรคประชาธิปัตย์” จบแล้ว ด้วยมองว่าการเล่นเกมแบบนี้เป็นการเอาสีข้างเข้าถูก กลบเกลื่อนการทรยศต่อประชาชน

แต่มีบางเสียงที่เชื่อว่า ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์อยู่ต่อได้

ระหว่างฝ่ายที่หวังว่าประชาธิปัตย์จะยืนหยัดกับฝั่งต่อต้านเผด็จการ กับฝ่ายที่พึงพอใจที่ประชาธิปัตย์ยังยืนในจุดสนับสนุนอำนาจกองทัพ

ฝ่ายไหนประเมินได้ถูกต้องกว่า คำตอบย่อมอยู่ที่การเลือกตั้งครั้งหน้าที่ยังไม่รู้ว่าจะมีขึ้นเมื่อไร

และนั่นก็เป็นการประเมินด้วยเหตุผลจากอุดมการณ์ทางการเมือง

ขณะที่มีความเชื่ออีกทางว่า พรรคประชาธิปัตย์จะรักษาคะแนนนิยมไว้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลงานในการเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งความเชื่อนี้เป็นไปในทางเดียวกับความคิดของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ที่แถลงถึงเหตุผลการเข้าร่วมรัฐบาลว่า “เนื่องจากเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการทำให้นโยบายของพรรคได้รับการนำไปปฏิบัติ”

นโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์วาดหวังว่าจะสร้างชื่อในการร่วมรัฐบาลเที่ยวนี้ คือการฟื้นฟูรายได้ของเกษตรกร ซึ่งตกต่ำอย่างหนัก โดยเฉพาะราคายางพารา และราคาปาล์มซึ่งปลูกกันมากในปักษ์ใต้อันเป็นฐานเสียงใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์

อย่างไรก็ตาม คนที่รอความหวังอยู่ด้วยอย่างใจจดใจจ่อคือ เกษตรกรทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา ชาวประมง ที่การทำมาหากินฝืดเคือง ลำบากยากเย็นมายาวนานสำหรับการรอคอยราคาพืชผล และต้นทุนการผลิตที่เหมาะสม

นั่นหมายถึงความคาดหวังที่มีต่อรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ

และในรัฐบาลชุดนี้ “พรรคประชาธิปัตย์” รับภาระแบกความหวังของเกษตรกรเต็ม เนื่องจากได้โควต้ารัฐมนตรีว่าการทั้งกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ผลสำรวจของสวนดุสิตโพล ความคาดหวังของประชาชน ต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อันดับ 1 ส่งเสริมราคาผลผลิตทางการเกษตรให้ดีขึ้น เช่น ยางพารา ข้าว ปาล์ม 65.86% อันดับ 2 ช่วยให้เกษตรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถช่วยเหลือตนเองได้ 21.34% อันดับ 3 พัฒนาระบบการเกษตรให้ทันสมัย ควบคุมผลผลิตทางการเกษตรให้ได้มาตรฐาน 13.91%

ที่คาดหวังต่อ กระทรวงพาณิชย์ คืออันดับ 1 พัฒนาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าทางการเกษตร 66.35% อันดับ 2 ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีผลงานเป็นรูปธรรม แก้ปัญหารวดเร็ว 22.54% อันดับ 3 ปราบปรามสิ่งผิดกฎหมาย ลดการจัดเก็บภาษีครัวเรือนให้ต่ำลง 15.34%

เป็นความคาดหวังต่อรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์แบบเต็มๆ ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้งอย่างรุนแรงที่เริ่มตั้งแต่ยังอยู่ในฤดูฝน ทำให้คาดหมายกันว่าปีนี้ผลกระทบต่อเกษตรกรจะหนักหน่วงเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เลือกที่จะแลกการรักษาอุดมการณ์ประชาธิปไตยกับโอกาสเข้าโชว์ผลงานด้านการบริหารเพื่อให้นโยบายเป็นจริง

อะไรจะเกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ และจะส่งผลอย่างไรต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าที่ไม่เหลือศรัทธาในเชิงอุดมการณ์มาอุ้มชูแล้ว

คำตอบเหลืออยู่แค่ผลงานการทำให้ความหวังของเกษตรกรเป็นจริง ในยามที่ภัยธรรมชาติซ้ำเติมเป็นอุปสรรครุนแรง

มีแต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีฝีมือเท่านั้น จึงจะมีหนทางไปต่อในเวทีการเมืองได้