จรัญ พงษ์จีน : ชะตากรรม รัฐบาล “ประยุทธ์” 2

จรัญ พงษ์จีน

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม 2562 เป็นวันประชุมคณะรัฐมนตรี “ตู่ 1” นัดสุดท้ายของรัฐบาล “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” หรือ “คสช.” ที่มาจากการยึดอำนาจ มี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และครองอำนาจมาอย่างยาวนานถึง 5 ปี

ฟอกย้อม ขัดผิวประทินโฉมตัวเองอีกเล็กน้อย มาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม และที่ประชุมร่วมรัฐสภา ลงมติเลือก “พล.อ.ประยุทธ์” คนเดิมกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี “ภาค 2” โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอีกสมัย เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน

หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ และเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ รัฐบาล “ตู่ 2/1” จะครบบริบูรณ์ทุกองคาพยพ

ตาม “บทเฉพาะกาล” ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 บัญญัติเกี่ยวกับการสิ้นสภาพของ “คสช.” ที่จะล้มหายตายจากไปพร้อมด้วย “มาตรา 44” โดยอัตโนมัติ

เป็นไปตามมาตรา 264 ที่ระบุว่า “ให้อยู่จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่

ซึ่ง “นายวิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายทั้ง “ตู่ 1” และ “ตู่ 2” อธิบายขยายความเอาไว้ว่า “คณะรัฐมนตรีจะสิ้นสุดจากการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณวันไหน หรือเวลาไหน ครม.ก็สิ้นสุดการทำงานเมื่อนั้น เช่นเดียวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ คสช.จะสิ้นสุดลงเมื่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน”

“คณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 1” แม้ยังไม่สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ หายใจแผ่วๆ อยู่ แต่ได้ประชุมสั่งลากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลืออยู่เพียง 15 คน เนื่องจากมีบางส่วนได้ตัดสินใจลาออกไปปั้นดาวดวงใหม่ สร้าง “พรรคพลังประชารัฐ”

บางส่วนถูกสะกิดสีข้างให้ไขก๊อกลุกจากเก้าอี้เสนาบดี โยกไปรับเงินเดือนที่ใหม่ หลับๆ ตื่นๆ เดือนละแสนเศษ เป็นเวลา 5 ปี ในตำแหน่ง “วุฒิสมาชิก” กับอีกบางส่วน ซึ่งเป็นส่วนน้อย ที่ลาจากไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน

ขณะที่ “คสช.” ห้องเครื่องของศูนย์อำนาจ คาดว่าจะหมดสภาพประมาณอาทิตย์หน้า หลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณของคณะรัฐมนตรี

น่าน้ำตาไหล เพราะ “คสช.” จวนจะเอ็กซ์ปายไปพร้อมๆ กับ “มาตรา 44” กระบองสายพันธุ์พิเศษ

 

“โฟกัส” กลับไปที่ศึกเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา ดังที่ทราบกันดีว่ามีพรรคการเมืองหนึ่งฝีมือประติมากรรมของ “กรีน โพลิติกส์” มีการเล่าขานกันปากต่อปากว่ารวยอู้ฟู่เงินถุงเงินถัง เพราะ “กลุ่มทุนใหญ่” ร่วมด้วยช่วยกัน ใช้สูตร “กุ้งฝอยตกปลากะพง” ให้เงินลงขัน เพื่อให้พรรคการเมืองนี้นำไปใช้จ่ายช่วงโค้งหาเสียงเลือกตั้ง “แอสซิสต์” ผ่านไปหลายทาง แต่นำกองรวมเข่งไว้ เป็นศูนย์กลางแห่งหนึ่ง

โดยลือกันว่า “กลุ่มทุน” จะถอนทุนทีหลัง จะทบต้นทบดอกด้วยโครงการขนาดยักษ์ลดแลกแจกแถมกันเป็นรายๆ ไป

มี “พี่บิ๊ก” เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ แม้เจ้าตัวจะไม่สันทัดกรณีการเมือง แต่มีหน่วยงานในเครือข่ายคอย “วัดเรตติ้ง” กระแสผู้สมัคร ส.ส. แล้วนำมาดีดลูกคิดแยกเป็นคนไหน “เกรดเอ-เกรดบี” จะสนับสนุนราคาค่าหัวแตกต่างกันไป

หลังศึกเลือกตั้งเสร็จสิ้น ปรากฏว่า “พรรคที่ว่า” ได้ ส.ส.ต่ำกว่าเป้าหมายมาก ไม่สมกับราคาคุย หากนำมาดีดลูกคิดคูณคำนวณตามสูตรคณิตศาสตร์ ต่อหัว/คน/ค่าใช้จ่าย

แล้วถอดรหัสมาเป็นการค้า การขาย เชิงธุรกิจขาดทุนบักโกรก ถึงขั้น “ล้มละลาย”

ตัดฉากฉับ ย้อนกลับไปดูการฟอร์มรัฐบาล “ประยุทธ์ 1” และการจัดสรรโควต้ารัฐมนตรีใน “พรรคพลังประชารัฐ” อีกครั้ง

ไปๆ มาๆ คนที่น่าเห็นใจชนิดสุดลิ่มทิ่มประตูมากที่สุด คงหนีไม่พ้นพระเอกของเรานามว่า “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ก่อนหน้านี้เด็ดขาดและทรงพลังมาก

หลังเสร็จศึกเลือกตั้ง เรื่องที่แน่ ทำท่าจะ “ไม่แน่” เหมือนเดิม ความยิ่งใหญ่ ทำท่าจะไม่เที่ยง ไม่จีรังยั่งยืน เริ่มมีความแปรปรวน

สมัยรัฐบาล “ตู่ 1” ใหญ่เอ้เต นั่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ “ประยุทธ์ 2” เหลือรองนายกฯ เก้าอี้เดียว โลว์โปรไฟล์ลงมิใช่เล่นๆ

เหนือสิ่งอื่นใด มีคนปล่อยข่าวว่าในการคัดตัวบุคคลเข้าประจำการเป็นรัฐมนตรีในส่วนของ “พรรคพลังประชารัฐ” นั่นน่ะ ลือกันแซดว่า “บิ๊กป้อม” มีน้ำยาอยู่มั้ง ก็ตอนเจรจาดึง “พรรคร่วม” ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ หรือภูมิใจไทยมาเสริมใยเหล็ก หนุน “น้องตู่” ขึ้นหิ้ง

แต่หลังจากรัฐนาวาตั้งลำ วิ่งฉิวไปเบื้องหน้า “พล.อ.ประวิตร” กลับไม่มีอิทธิฤทธิ์ ยิ่งช่วงโค้งสุดท้าย เขาบอกเล่าเก้าสิบว่า ระดับชั้นการรับรู้ข้อมูลว่าใครไปที่ไหน ว่าการกระทรวงใด น้อย ถึงน้อยมาก

บทบาท “พี่ใหญ่” ทำท่าจะไม่ครบเครื่องเหมือน “เจมส์บอนด์” คนเก่า ที่ทั้งหล่อ ทั้งเก่ง และมีสาวสวยนัวเนียอยู่ข้างกายทุกตอน พระเอกที่ผู้ชายหลายคนฝันอยากเป็น

สัญญาณที่มีต่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ต่อ ครม.ตู่ 2/1 “ผิดปกติ” แม้เจ้าตัวจะไม่ได้บอกหรือประกาศมาตรงๆ แต่จากการสังเกตเอา

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า “บิ๊กป้อม” ไม่ใช่พระอิฐพระปูนเสียที่ไหน ตัวกลมๆ ป้อมๆ แม้สุขภาพจะชำรุด “ไม่ปัง” อย่างเก่า เกิดเจ้าตัวน้อยเนื้อต่ำใจ แอบประชดด้วยการประกาศลงจากหลังเสือ อ้างว่าสังขารสู้ไม่ไหว

“รัฐนาวาตู่ 2” เพิ่งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมเต็มคณะและมีชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” นั่งรองนายกฯ

แต่อยู่ดูใจไปสักระยะ แล้วถอนสมอ

เชื่อหัวเณรเรืองได้เลยว่า “บิ๊กตู่” ขาด “พี่ใหญ่” ก็ไปได้ไม่ไกลเช่นเดียวกัน

ช่วงข้าวใหม่ปลามัน หมั่นดูแล “พี่ป้อม” แกหน่อย