อนุสรณ์ ติปยานนท์ : อ่านกลางหมอก

เมืองในหมอก (10)

“ทําไมหนังสือจึงมีเพียงตัวเลข?” นายหมอกสีเทาตั้งคำถามนี้กับตนเองในทันที

นี่คือหนังสือที่เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ นี่คือหนังสือที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องใช้ตัวเลขหรือ

นายหมอกสีเทาอยากอ่านเนื้อหาภายในหนังสือเล่มนั้นโดยทันที

ครั้งสุดท้ายที่เขาอ่านหนังสือนั้นนานสักเพียงใดนะ หนึ่งปี ไม่สิ นานกว่านั้น สองปี ไม่สิ นานกว่านั้น

และแล้วเขาก็พบว่าหนังสือเล่มสุดท้ายที่เขาอ่านและได้อ่านเป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับขยะและวิธีแปรรูปมัน เป็นหนังสือเล่มเล็กที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญอันใด เป็นหนังสือที่เขาอ่านประกอบการทำงาน

สิ่งที่สำคัญคือเขาอ่านหนังสือเล่มนั้นหนึ่งวันก่อนการมาถึงของหมอกควันสีเทา

การมาถึงของหมอกควันสีเทาไม่เพียงแต่เปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คน

หากแต่ยังเปลี่ยนวิถีชีวิตของสินค้า ร้านค้า ร้านอาหารและทุกอย่างไป

ร้านค้าเหลือจำนวนน้อยลง ร้านอาหารเหลือจำนวนน้อยลง

และที่กล่าวมานี้กำลังลดน้อยลงจนใกล้จบสิ้นด้วยซ้ำไป

แต่สิ่งที่จบสิ้นไปแล้วคือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงทั้งปวง สวนสนุก สนามกีฬา สระว่ายน้ำ และที่แน่ชัดว่าเขา-นายหมอกสีเทา ไม่ได้เห็นมันมาเนิ่นนานมากแล้วคือร้านหนังสือ

ไม่แน่ใจว่าใครเป็นผู้กำหนดว่าร้านหนังสือคือสถานบันเทิงและหนังสือคือความบันเทิงชนิดหนึ่ง

อันที่จริงแล้ว หนังสือควรเป็นตัวแทนของความรู้และร้านหนังสือควรไม่ต่างจากห้องสมุดที่เราจ่ายเงินเป็นค่าหนังสือแทนค่าสมาชิกนั้นๆ

หลังจากโรงเรียนจบสิ้นลง ผู้คนไม่ส่งลูกหลานออกนอกบ้านเรือน ตำรับและตำราทั้งหลายก็หมดความสำคัญ

ความรู้เดียวที่พ่อแม่ ผู้ปกครองสอนพึงมีต่อลูกคือการถ่ายทอดวิธีการเอาตัวรอดจากหมอกควันที่รุมล้อมเมืองแห่งนี้อยู่

และเมื่อตำรับตำราหายจากไป การอ่านก็แทบจะกลายเป็นกิจกรรมอันแปลกปลอม

ไม่มีใครคิดจะหาความเพลิดเพลินจากการอ่าน

พวกเขาแทบทุกคนในเมืองนี้อ่านเฉพาะในสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิต

วิธีทำหน้ากากใช้ในเวลาฉุกเฉิน

วิธีหายใจโดยการใช้ผิวหนังในยามจำเป็น เครื่องกรองอากาศ-ประเภทและการใช้งานของมัน นั่นคือหนังสือที่พวกเขาอ่านและสนใจ คำว่าวรรณกรรม นวนิยาย เรื่องสั้น สารคดี หัสคดี ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวเหล่านี้ไม่ปรากฏให้เห็นอีกต่อไป ผู้คนฝังตัวอยู่ในบ้าน ออกนอกบ้านในเวลาจำเป็น ติดต่อสื่อสารกันผ่านทางอุปกรณ์เชื่อมต่อทั้งหลาย

เป็นชีวิตที่เหงา โดดเดี่ยวและปราศจากการอ่านทั้งปวง

 

และถ้าเช่นนั้น เขาจะหาหนังสือเล่มดังกล่าวได้จากที่ใด และถ้าเช่นนั้นเขาจะหาหนังสือ 1984 ได้จากที่ใด

ไม่ต้องสงสัยเลย มันคือหนังสือที่ถูกจัดพิมพ์ก่อนการมาถึงของหมอกควัน

ไม่ต้องสงสัยเลย มันคือหนังสือที่เป็นสมบัติส่วนตัวของชายผู้นี้ เขาคงครอบครองมันมาเนิ่นนานแล้ว เขาคงอ่านมันมารอบแล้วรอบเล่าแล้ว ปกที่ยับเยิน กระดาษที่เหลืองไม่ขาวนวล มันเป็นหนังสือที่มีอายุ มันเป็นหนังสือที่ไม่น่าจะหามาครอบครองได้ง่ายดายเลย

นายหมอกสีเทาหยุดความคิดของเขาเพียงเท่านี้ ชายชราผู้นั้นกลับมานั่งที่โต๊ะ นายหมอกสีเทาเดินตรงเข้าไปยังห้องน้ำเพื่อทำกิจธุระส่วนตน เมื่อเขากลับออกมา เขาก็พบว่าหญิงสาวผู้นั้นและชายชราผู้นั้นกำลังเริ่มต้นการสนทนาของพวกเขาทั้งคู่อีกครั้งหนึ่ง

การสนทนาออกรสออกชาติ นายหมอกสีเทาตัดสินใจเดินมาสั่งกาแฟอีกแก้วหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนที่นั่งมายังโต๊ะข้างคนทั้งสอง เขาหวังว่าหญิงสาวผู้นั้นจะไม่สังเกตเห็นพฤติกรรมอันเปลี่ยนแปลงของเขา

ในยามนี้สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่เพียงการจับจ้องมองหญิงสาวผู้นั้น หากแต่ยังเป็นบทสนทนาของทั้งคู่ด้วย

 

ชายชราผู้นั้นเล่าถึงเรื่องราวภายในหนังสือ โลกยุคใหม่ที่ถูกแบ่งออกเป็นเขตและแดนต่างๆ โลกที่ผู้คนสิ้นไร้ซึ่งเสรีภาพ โลกที่ผู้คนถูกจับตามองโดยใครสักคนที่เรียกขานกันในนามของ Big Brother หรือพี่ใหญ่หรือพี่เบิ้ม โลกที่เต็มไปด้วยการสอดส่อง จับตา โลกที่ใครต่อใครไม่อาจไว้ใจใครต่อใครได้ โลกที่ความลับมีไว้ขาย โลกที่มิตรภาพไม่อาจเกิดขึ้นได้ โลกที่ทุกคนมีอำนาจในการต่อรองและจัดการชีวิตตนเองน้อยเต็มที

นายหมอกสีเทาขบคิดถึงบทสนทนาที่เขาได้ยิน แทนการหลุดลอยไปตามเรื่องเล่าเหล่านั้น นายหมอกสีเทากลับคิดถึงการมาถึงของหมอกควัน

หาก Big Brother มีอยู่จริงในเรื่องเล่า 1984 หากพี่ใหญ่คือผู้ที่สอดส่อง จับตา บุคคลอื่น หากพี่เบิ้มคือผู้ที่ปกครองและทำให้ทุกคนปราศจากเสียซึ่งเสรีภาพ ตัวแทนและสัญลักษณ์ที่ว่านี้สามารถทดแทนได้ด้วยหมอกควันในเมืองนี้

หมอกควันที่สอดส่อง จับตาทุกผู้คนในเมือง

หมอกควันที่ทำให้ผู้คนทั้งหลายสิ้นสูญซึ่งเสรีภาพ

หมอกควันที่ทำให้ทุกคนไม่อาจมีมิตรภาพและสิ่งอื่นได้อีกเลย

 

เมื่อคิดเช่นนี้ นายหมอกสีเทาก็ถอนใจ

นี่เขามาทำอะไรอยู่ที่นี่ มาทำอะไรอยู่ในร้านกาแฟแห่งนี้ ในสถานที่ที่เขาไม่ได้รู้จักผู้ใดเลย เขาถอนใจรอบแล้วรอบเล่า เขาควรอยู่ในที่ทำงาน คิดค้นหน้ากากป้องกันมลพิษให้ดียิ่งขึ้นยิ่งขึ้นจนผู้คนสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้

หรือไม่เขาก็ควรหมกตัวอยู่ในห้องของตนเอง เหม่อมองท้องฟ้า หลีกหนีมัน หลบหลีกจากมัน ไม่ให้มันมองเห็นหรือจับตาเขาได้ชัดเจนเช่นนี้ เขาควรทำตัวอ่อนน้อมต่อ Big Brother เขาควรทำตัวสยบยอมต่อพี่ใหญ่หรือพี่เบิ้ม การท้าทายมันเป็นสิ่งอันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อมีเขาเพียงผู้เดียวที่โดดเดี่ยวต่อการต่อสู้ครั้งนี้

เป็นความคิดที่สิ้นหวัง ชวนให้หดหู่เสียจริง นายหมอกสีเทาคนกาแฟในแก้วไปมา เราในฐานะมนุษย์ผู้น้อย ผู้เจียมตน ทำได้เพียงเท่านี้เอง

แต่ในท่ามกลางความหดหู่นั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของหญิงสาวผู้นั้น

เสียงหัวเราะที่ปลุกเขาให้ตื่นจากความหดหู่

เสียงหัวเราะที่ปลุกเขาให้ตื่นจากความอ่อนล้าและความสิ้นหวัง

 

เขามองไปที่หญิงสาวผู้นั้น รอยยิ้มของเธอ สีหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความแจ่มใสร่าเริง

นี่สินะ สิ่งที่ Big Brother ไม่ต้องการจะเห็น

นี่สินะสิ่งที่พี่ใหญ่หรือพี่เบิ้มไม่ต้องการให้มี ความเป็นปกติ ความมีชีวิตชีวา ความไม่แยแสต่ออำนาจเหนือที่ยิ่งใหญ่กว่า

การต่อสู้กับอำนาจที่ยิ่งใหญ่ต้องเริ่มจากการปราศจากความกลัวต่ออำนาจที่ว่านั้น การต่อสู้กับพี่เบิ้มที่สอดส่อง จับตาเรา ไม่ใช่การหลบหนี หรือการปลีกตัวออกไป หากแต่เป็นการเดินอย่างองอาจ ผ่าเผย ปราศจากความยำเกรงไปตามสถานที่ต่างๆ การใช้ชีวิตอย่างปกติ

ทำราวกับอำนาจนั้นไม่มีตัวตน การแสดงพลังของปัจเจกชนหรือมนุษย์ตัวเล็กจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นทวีคูณต่างหากคือการต่อสู้ที่แท้จริง

เขามีหน้ากากป้องกันมลพิษอยู่ในโรงงานนับร้อย นับพัน

เขามีหน้ากากป้องกันมลพิษที่มีคุณภาพกว่าที่ปรากฏในท้องตลาด

เขาผู้มีความเข้าใจมลพิษจากหมอกควันสีเทามากกว่าผู้ใด

แต่เหตุใดไฉนเล่าที่เขาไม่ฉกฉวยโอกาสนี้แสดงเสียซึ่งพลังของผู้คนตัวน้อย หากเขาเริ่มต้นด้วยการใส่หน้ากากนั้นเดินทางไปมาตามสถานที่ต่างๆ ไปยังสวนสัตว์ที่เขาไปในยามเช้า ไปว่ายน้ำในสระว่ายน้ำที่รกร้าง ไปวิ่งในสนามกีฬาที่ไร้ผู้คน

ในชั้นแรกเขาคิดว่าบุคคลทั่วไปย่อมคิดว่าเขามีอาการผิดปกติทางสมอง

แต่หากกาลเวลาผ่านไป เขาจะกลายเป็นตัวแทนของบุคคลที่ชักชวนผู้อื่นให้กลับมาใช้ชีวิตปกติ

เขาเพียงคนเดียวย่อมเหนี่ยวนำจิตใจใครได้สักคน

และใครเหล่านั้นย่อมเหนี่ยวนำจิตใจบุคคลอื่นได้ต่อไปเช่นกัน

 

นายหมอกสีเทามองไปรอบๆ ร้านกาแฟ นี่เป็นสถานที่ดีที่สุดที่จะเริ่มต้น

ผู้คนในที่นี้คือบุคคลที่ไม่ยอมจำนน พวกเขายังคงรักษาที่มั่นตรงนี้ไว้ได้

เขาเสียอีกควรเป็นบุคคลที่ขอบคุณผู้คนเหล่านี้แทนการเฝ้ามองพวกเขาแบบไร้คุณค่า

ถ้ามีร้านกาแฟอย่างนี้มากสถานที่ขึ้นเล่า ถ้ามีโรงเรียน ร้านหนังสือ และอีกหลายสถานที่ที่ทุกคนหลงลืมไปแล้วเล่า อะไรจะเกิดขึ้น เราต้องสร้างชุมชนที่ปราศจากความกลัวให้มากขึ้นและมากขึ้น

เราต้องสร้างชุมชนที่ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจในตนเอง Big Brother อาจมีอยู่ พี่ใหญ่หรือพี่เบิ้มอาจมีอยู่ แต่เราก็มีอยู่เช่นกัน เราในฐานะมนุษย์ตัวเล็กก็มีพื้นที่ของเราอยู่เช่นกัน

บทสนทนาของทั้งคู่ ของหญิงสาวผู้นั้นและชายชราผู้นั้นยังคงดำเนินไป แต่นายหมอกสีเทาตัดสินใจลุกออกจากที่นั่งของเขา เขามองใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นอีกครั้งเพื่อจดจำเธอ นี่ไม่ใช่การจากลาชั่วนิรันดร์แต่เป็นเพียงการบอกลาชั่วคราว

เขาดีใจที่การติดตามเธอมานำพาเขามาสู่สิ่งที่เรียกว่าการเปลี่ยนแปลง

เขาก้าวออกจากร้านกาแฟแห่งนั้น เขาเดินไปที่ท้องถนน ตรงกลับไปที่โรงงานของเขา ที่นั่นเขาจะเก็บข้าวของส่วนตัวทั้งหมดออกจากที่ทำงาน

เขาจะไปยังที่ทำงานของเขาเพื่อทำการบอกลามัน เขาจะไปยังโรงงานและที่ทำงานของเขาเพื่อบอกลาชีวิตแบบเดิมไปตลอดกาล