ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 มกราคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
เป็นความเคยชินของทุกปีแล้วครับ
ที่ช่วงปีใหม่จะต้องไปขวนขวายหาหนังสือ The World in … ปีนั้นปีนี้ของ ดิ อีโคโนมิสต์ มาอ่าน
ด้วยเหตุผลสองสามข้อด้วยกัน
อย่างแรกคือเพราะเชื่อว่าเป็นหนึ่งในหนังสือที่มีประโยชน์สำหรับคนทำอาชีพสื่อ
เนื่องจากรวบรวมเอาเหตุการณ์แทบทุกด้านและทั่วโลกมาสรุป วิเคราะห์ และคาดการณ์เอาไว้
จะการเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ วิทยาการ กีฬา วรรณกรรม บันเทิง ฯลฯ
มีหมด
ข้อต่อมาก็คือ ทุกครั้งที่อ่านแล้วก็เหมือนได้เตือนตัวเองว่า
เมื่อเทียบกับโลกที่กว้างใหญ่ เหตุการณ์และการเปลี่ยนแปลงมโหฬารทั้งหลาย
ประเทศไทย สังคมไทยก็แค่ปลายอ้อปลายแขมดีๆ นี่เอง
ต้องหมั่นแง้มกะลาออกมาดูฟ้ากว้างบ่อยๆ
จะได้ไม่เข้าใจตัวเองผิด
หรือไม่หมกมุ่นกับตัวเองมากเกินไป
อย่าง The World in 2017 นี่เขาอุทิศหน้าปกให้ โดนัลด์ ทรัมป์
ในฐานะผู้มีสิทธิ์จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกได้อย่างมหาศาลในปีนี้
ถึง ดิ อีโคโนมิสต์ จะคิดว่าทรัมป์อาจไม่สามารถทำทุกอย่างแบบที่หาเสียงเอาไว้
แต่แค่ “ท่าที” ของท่านผู้นำเบอร์หนึ่งเบอร์สองของโลกที่เปลี่ยนไป
ประเทศ องค์กร และคนอื่นต้องปรับตัวกันจ้าละหวั่น
และไม่รู้ด้วยว่าปรับแล้วจะเดินขึ้นสวรรค์หรือกอดคอกันลงเหว
อย่างไรก็ดี โลกนี้ไม่ได้มีแค่ทรัมป์หรือสหรัฐ
ยังมีคนอื่นๆ และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย
2017 คือวาระครบรอบ 150 ปีการพิมพ์หนังสือที่ถือเป็นคัมภีร์เล่มหนึ่งของลัทธิคอมมิวนิสม์อันได้ Capital ของ Karl Marx
คือปีครบรอบหนึ่งศตวรรษที่พรรคบอลเชวิกล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟในรัสเซีย
และสถาปนารัฐคอมมิวนิสต์ขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก
เป็นวาระครบ 50 ปีการจากไปของ เช กูวารา
นักปฏิวัติสังคมที่อาจจะมีผู้รู้จักมากที่สุดในโลก
ไม่ใช่จากการค้นคว้าประวัติการต่อสู้
แต่จากบนเสื้อยืดและท้ายรถ 10 ล้อ
อีโคโนมิสต์ฉบับพิเศษนี้ยังมีการเชิญบุคลที่น่าสนใจมาเป็น “นักเขียนพิเศษ”
เขียนเรื่องที่ตัวเองรู้ลึกรู้จริงให้คนอื่นได้อ่าน
อย่างปีนี้เขารวบรวมคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่นักคอมพิวเตอร์ นักลงทุนในธุรกิจสตาร์ต-อัพ นักเคลื่อนไหวการเมือง ศิลปิน ฯลฯ มาเขียนบทความสั้นๆ ถึงแนวโน้มของโลกอนาคต
ในส่วนที่ตั้งชื่อให้ว่า Generation Prophet แปลไทยเชยๆ ได้ว่า “ประกาศแห่งยุคสมัย”
อ่านไปแล้วสองคน ก็ต้องบอกว่า
จริงของเขา
หนึ่งคือ แซม อัลต์แมน ประธานบริษัทวาย คอมบิเนเตอร์ ผู้ลงทุนในสตาร์ต-อัพชั้นดีทั่วโลก
เขียนเรื่อง Building the future หรือก่อร่างสร้างอนาคต
หนึ่งคือ โจชัว หว่อง นักศึกษา-นักเคลื่อนไหวการเมืองชาวฮ่องกง
ที่เคยถูกห้ามเข้าเมืองไทย
เพราะผู้บริหารการเมืองไทยกลัวจะไปสะกิดผิวสะกิดใจพี่ใหญ่จีน
เขียนเรื่อง Challenging China หรือท้าทายจีน
เนื้อหาเป็นอย่างไร ไม่บอกละครับ
เดี๋ยวสะเทือนใจกันอีก
ฮา
ถามว่าแล้วมีเรื่องเมืองไทยไหม
มีครับ
อยู่ในส่วนของการพยากรณ์เศรษฐกิจ
ที่เขาจะคัดประเทศสำคัญๆ มา 70-80 ประเทศทุกปี
แล้วถามว่าเขามองเมืองไทยอย่างไร
คำตอบคือทุลักทุเล
และเขาพยากรณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเราเอาไว้แค่ร้อยละ 3
ขณะที่คาดการณ์อัตราการเติบโตของประเทศรอบข้าง
ไม่ว่ามาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เอาไว้ร้อยละ 6-7
แม้แต่อินโดนีเซียที่มีปัญหายังโตร้อยละ 5.3
ตรงนี้ไม่มีความเห็นเพิ่มเติมครับ
เดี๋ยวสะเทือนใจกันอีกรอบ
(ฮา-อีกที)
แต่มีข้อสังเกตว่าในขณะที่เราหมกมุ่นกับปัญหาสารพัดในบ้าน
โลกนี้เขาวิ่งไปข้างหน้าทุกวินาที
และยิ่งนานก็ยิ่งทิ้งไกล
เขาไม่ได้เห็นหัวหรือให้ความสำคัญเราอย่างที่เราพยายามปลอบใจกันเอง
ดูจากสัดส่วนของเนื้อหาที่พูดถึง
หรือจากการที่ไม่เคยมีคนไทยรุ่นไหนได้รับเชิญไปเขียนอะไรให้โลกขบคิดเลย
นี่กำลังคิดว่า
ถ้าปีหน้าอีโคโนมิสต์เกิดเชิญ “คุณเจ้ย” อภิชาตพงศ์ วีระเศรษฐกุล ไปเขียนให้บ้าง
ในฐานะที่เป็นคนไทยซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากลมากที่สุด
กบทั้งหลายจะร้องออกมาเป็นเสียงอะไร?