ถือว่าเป็นจังหวะเหมาะเหม็งกับ “มติชนสุดสัปดาห์” ที่ท่านผู้อ่านกำลังถืออยู่นี้ เพราะเป็นฉบับส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่พอดี “ยานยนต์ สุดสัปดาห์” จึงไม่พลาดที่จะนำข้อมูลรถใหม่ๆ ที่จะอวดโฉมในปี 2560 มานำเสนอเรียกน้ำย่อย และเปิดโอกาสให้คนที่กำลังเล็งซื้อรถใหม่ มีเวลาเตรียมข้อมูลและหยอดกระปุกกัน

สำหรับปี 2560 บรรดาค่ายรถยนต์ต่างๆ รวมไปถึงภาครัฐเอง มีความคาดหวังอย่างสูงว่าจะเป็นปีที่ยอดขายรถยนต์กลับมาผงาดเต็มที่

เนื่องจากสิ้นสุดสัญญาถือครอง “รถคันแรก” ในจำนวนมากพอสมควร

โดย “รถคันแรก” ที่คืนภาษีสรรพสามิตให้สูงสุดคันละ 1 แสนบาท เริ่มช่วงไตรมาส 3 ของปี 2554 แต่ช่วงแรกยอดยังไม่เดินมากนักเพราะเจอภาวะน้ำท่วมถล่มเข้าให้

จนในปี 2555 นั่นแหละที่ยอดขายรถยนต์เมืองไทยบวมปูดกันสุดๆ ถึง 1.4 ล้านคันเศษ เพิ่มจากปี 2554 ถึง 80% ถือเป็นสถิติสูงสุดของยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย จากอดีตจวบปัจจุบัน

แรงซื้อส่วนหนึ่งมาจากรถคันแรก อีกส่วนคือผู้ที่ต้องเสียรถ หรือรถเสียจากพิษ “น้องน้ำ”

จากปี 2555 ที่มียอดขายรถสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มาถึงปี 2560 ครบ 5 ปีการถือครองรถคันแรก เจ้าของสามารถเปลี่ยนมือได้

จึงคาดกันว่าเจ้าของรถจำนวนหนึ่งจะขยับขยายรถให้ใหญ่ขึ้น เนื่องจากเงื่อนไขรถคันแรกให้สิทธิ์กับรถเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1,500 ซีซี ลงมา หลักๆ คือกลุ่มซิตี้คาร์ และอีโคคาร์

ส่วนปิกอัพแม้จะได้สิทธิ์เช่นกัน แต่เนื่องจากเสียภาษีสรรพสามิตน้อยอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อเท่ารถกลุ่มซิตี้คาร์ และอีโคคาร์

คนซื้อรถคันแรกกลุ่มซิตี้คาร์ และอีโคคาร์ เมื่อ 5 ปีก่อนนี่แหละ คือเป้าหมายหลักว่ามีโอกาสเปลี่ยนรถใหม่มากที่สุด

ค่ายแรกที่นำเสนอเป็นใครไม่ได้นอกจากพี่เบิ้ม “โตโยต้า” ที่ครองแชมป์ยอดขายรถสูงสุดในเมืองไทยมาหลายสิบปีต่อเนื่อง

ปี 2560 เป็นปีที่สาวกโตโยต้า น่าจะดี๊ด๊ากันพอสมควรเพราะมีรถใหม่ที่น่าสนใจ แถมเป็นเซ็กเมนต์ใหม่เสียด้วย

เริ่มจาก “ซีเอช-อาร์” (CH-R) รถครอสโอเวอร์ ที่ออกแบบตัวขายใกล้เคียงกับตัวต้นแบบที่เคยนำมาอวดโฉมพอสมควร

“ซีเอช-อาร์” มาเพื่อสกัดดาวรุ่ง “เอชอาร์-วี” (HR-V) ของ “ฮอนด้า” ที่ขายดิบขายดีจนผลิตแทบไม่ทัน

เห็นรูปร่างหน้าตาของรุ่นที่ขายเมืองนอกแล้ว ต้องบอกว่าน่าหวั่นใจแทนค่ายอื่นๆ ในเซ็กเมนต์เดียวกันเหลือเกิน เพราะทั้งหล่อ-เฉี่ยว และสปอร์ตสุดๆ

ดีไซน์ออกสไตล์รถคูเป้ กระจังหน้าขนาดเล็กมีเส้นสายเชื่อมไปถึงไฟหน้าทั้ง 2 ดวงที่ออกแบบได้เฉี่ยวเหลือเกิน ต่ำลงมาเป็นช่องดักลมขนาดใหญ่

ที่เปิดประตูผู้โดยสารตอนหลัง เขยิบขึ้นไปซ่อนอยู่ด้านบนและทำสีให้กลมกลืนจนดูเหมือนรถคูเป้

ด้านท้ายนี่สิน่าสนใจ เพราะไฟท้ายออกแบบเป็นทรง “บูมเมอแรง” มองผาดๆ คล้ายไฟท้ายของเก๋งรุ่นยอดนิยม ค่ายคู่แข่งอยู่เหมือนกัน

ในเมืองนอกนั้น “ซีเอช-อาร์” ใส่เครื่องยนต์บล็อกต่างๆ ถึง 4 รุ่น

แต่สำหรับเมืองไทยนำเข้ามา 2 บล็อก คือเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิด 193 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติ CVT

และรุ่นท็อปที่ค่อนข้างจะแปลกสักหน่อยเพราะใส่เครื่องยนต์ยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร เทอร์โบ ทำงานควบคู่กับระบบไฮบริด เกียร์อัตโนมัติ CVT กำลังสูงสุด 116 แรงม้า แรงบิด 185 นิวตัน-เมตร ถือว่าแรงพอตัวแต่ให้ความประหยัดเหลือเฟือ มีให้เลือกทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ

เทคโนโลยีมาเต็มเหนี่ยว อาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบแจ้งเตือนรถออกนอกเลน ระบบปรับลดไฟสูงอัตโนมัติ ระบบตรวจจับคนเดินเท้า ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ ลดการโคลงของตัวรถ

รถใหม่อีกรุ่นของโตโยต้าที่ไม่พูดถึงไม่ได้

เพราะถึงเวลาโชว์ของหนักในกลุ่ม “อีโคคาร์” 4 ประตู

ที่ผ่านมาโตโยต้า ปล่อยให้คู่แข่งกวาดยอดขายอีโคคาร์ 4 ประตูอย่างจั๋งหนับมาหลายปีแล้ว

ทีเด็ดคือการลดน้ำหนัก “วีออส” ซิตี้คาร์ของค่าย ลงมาเล่นในเซ็กเมนต์นี้

ดีไซน์ใหม่โดยเฉพาะด้านหน้า และไฟหน้าที่ออกแบบให้ใหญ่ขึ้น ส่วนบั้นท้ายใกล้เคียงกับของเดิมเพราะลงตัวอยู่แล้ว

ส่วนเครื่องยนต์ (น่าจะเป็น) 1.4 ลิตร ตามสเป๊กของ “อีโคคาร์ เฟส 2”

ถือว่าน่ากลัวพอสมควรเพราะปกติวีออส เป็นเก๋งที่ขายดีของโตโยต้าอยู่แล้ว แม้ระยะหลังจะโดนคู่แข่งเบียดแซงไปบ้างก็ตาม

วีออส อีโคคาร์ นับเป็นการตามรอยความสำเร็จของ “ซูซูกิ สวิฟต์” และ “มาสด้า 2” ที่นำซิตี้คาร์มาลดน้ำหนักตบเด็ก แถมขายดิบขายดีจนเป็นรถธงของค่าย

จากเทรนด์นำซิตี้คาร์มาทำอีโคคาร์ ทำให้ในอนาคตเชื่อว่ารถเซ็กเมนต์ 1.5 ลิตร หรือกลุ่มซิตี้คาร์ จะค่อยๆ หายไปจากเมืองไทย เพราะค่ายอื่นๆ คงนำซิตี้คาร์มาลดน้ำหนักเช่นกัน

เพราะเครื่องยนต์ที่ต่างกันไม่ถึง 100 ซีซี แต่ราคาห่างกันพอสมควร ทำให้ผู้บริโภคน่าจะเลือกอีโคคาร์มากกว่า

แต่ก็เป็นไปได้ว่าในอนาคตเมืองไทยอาจจะมีรถความจุ 1.6 ลิตร กลับมาทำตลาดอีกครั้ง

เนื่องจากเก๋งกลางในปัจจุบัน อย่าง “ฮอนด้า ซีวิค” หรือ “โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส” ที่ในอดีตยืนพื้นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ขยับไปใช้เครื่องยนต์ 1.8-2.0 ลิตรกันหมดแล้ว

“วีออส” อีโคคาร์ อาจจะมาให้เห็นกันในช่วงไตรมาส 3

มาถึงคู่แข่งในตลาดเก๋งของโตโยต้า คือ “ฮอนด้า” ในปี 2559 สนุกเหลือเกินกับการกวาดยอดขายรถในกลุ่มครอสโอเวอร์ พาเหรดเปิดตัวครบทุกเซ็กเมนต์

ปี 2560 ถึงเวลาของพี่ใหญ่ “ซีอาร์-วี” (CR-V) ใหม่ ขยายตัวถังบ่ะลั่กกักขึ้น แต่เส้นสายและโทนการออกแบบยังเน้นความพลิ้วไหว คงคอนเซ็ปต์เอสยูวีของคนเมืองเหมือนเดิม

ภายในปรับใหม่ให้กว้างขึ้น หน้าจอระบบสัมผัส 7 นิ้ว รองรับระบบนำทาง HONDA LINK ระบบแผนที่โดย GARMIN เชื่อมต่อกับ APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนตามสมัยนิยม

เครื่องยนต์ยังเป็นบล็อกเดิมขนาด 2.4 ลิตร แต่ปรับแต่งกำลังแรงขึ้น

เพิ่มตัวเลือกด้วยเบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ บล็อกเดียวกับที่วางใน “ซีวิคใหม่”

และต้องลุ้นกันว่าจะมีเครื่องยนต์ “ดีเซล” เข้ามาหรือไม่ เพราะทีมวิศวกรฮอนด้า นำเครื่องยนต์ดีเซลมาลองของในบ้านเราแล้ว และยังส่งตัวอย่างน้ำมันดีเซล ที่ขายตามปั๊มต่างๆ ของไทยไปทดสอบด้วย

“ซีวิค” 5 ประตู เป็นอีกรุ่นที่น่ารักน่าลุ้นว่าจะมาหรือเปล่า

เพราะเมื่อครั้งฮอนด้า เปิดตัวซีวิคใหม่ มีเสียงเรียกร้องจากแฟนานุแฟนว่าอยากให้นำรุ่น 5 ประตูเข้ามาด้วย เพราะออกแบบได้สวยลงตัวเหลือเกิน

ถ้ามาจริงเครื่องยนต์คงใช้บล็อกเดียวกันคือ 1.8 ลิตร และ 1.5 ลิตร เทอร์โบ

อีกรุ่นที่อวดโฉมตั้งแต่ต้นปีคือ “ซิตี้ ใหม่” เปิดตัวในวันที่ 12 มกราคม 2560 ออกแบบไฟหน้าเฉี่ยวขึ้น ส่วนไฟท้ายได้อารมณ์ “ซีวิค” อยู่พอสมควร

แค่ 2 ค่ายก็หมดเนื้อที่แล้ว สัปดาห์หน้าต่อกันอีกยกกับค่ายอื่นๆ ที่เหลือ รวมถึงรถจักรยานยนต์ “บิ๊กไบก์” ที่น่าสนใจด้วย