กรรม(เวร)-กำ(ปั้น) โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

—————–

กรรม(เวร)-กำ(ปั้น)

———————-

อย่างที่รู้ๆกัน

มีความพยายาม สะกัดกั้น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ อย่างต่อเนื่อง

แม้แต่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า ยังส่งตัวแทนฝ่ายกฎหมายเข้าไปแจ้งความเอาผิดหลายคดี

ถือเป็นคู่กรณี ดังที่เป็นกับ ทักษิณ ผีทักษิณ ระบอบทักษิณ ก่อนหน้า

แต่ อย่างที่เห็น จนบัดนี้ ยังเอาชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่ได้

ยืดเยื้อ คาราคาซัง ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

ยังมีคนอย่างนายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ เพิ่มเข้ามาอีก

และมีแนวโน้ม จะขยายใหญ่ ไม่ต่าง”ทักษิณ” หรืออาจจะล้ำหน้าไปแล้วด้วยซ้ำ

แน่นอน ย่อมเป็นเรื่องยุ่งยาก ในการ”ขจัด”

หมายมั่นจะดีไซน์รัฐธรรมนูญและกลไกต่างๆเพื่อสลายทักษิณ

แต่ รัฐธรรมนูญดังกล่าว กลับไปเปิดช่องให้ พรรคอนาคตใหม่และนายธนาธร เติบโตขึ้นมา”ท้าทาย”เสียอีก

คราวนี้นี่มิใช่เพียง ทุนนิยมสามานย์ เท่านั้น

หากแต่เป็น สิ่งใหม่ ทั้งในแง่อุดมการณ์ แนวคิด วิธีการ ทุน และเทคโนโลยี่

โดยเฉพาะเทคโนโลยี่นั้นทำให้ ภูมิทัศน์ใหม่ทางการเมือง เปลี่ยนแปลงใหม่ไปแบบพลิกโฉม

สร้างความสั่นสะเทือนอย่างสูง ให้กับการเมืองเก่าที่ยึดมั่นแนวคิดอนุรักษ์ และอำนาจนิยมเข้มข้น

ในวันนี้ แม้ สื่อมวลชน จะพาดหัว ในทำนองว่า “ประยุทธ์ ยิ้มแป้น” ที่สามารถกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่2 ได้สำเร็จ

แต่เอาเข้าจริง เบื้องหลังการ”ยิ้มแป้น” ดังกล่าว

มีความพยายาม”แสยะยิ้ม”แฝงอยู่ด้วยหรือไม่ ไม่ทราบ

แต่สิ่งที่ คณะรัฐประหารทุ่มเทไป เพื่อจะปรับโฉมตนเอง ไปสู่การเป็นประชาธิปไตย นั้นมากมายขนาดไหน ทุกคนย่อมทราบดี

ทั้งทุน ทั้งการออกแบบกฏหมาย ทั้งการใช้กลไกต่างๆที่มี ทั้ง.. ฯลฯ

น่าจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้อย่างราบคาบ และง่ายดาย

แต่ อย่างที่เห็น กว่าจะได้นายกฯ ก็แสนเหน็ดเหนื่อย

กว่าจะได้รัฐบาล ก็เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ

แถมยังมาหน้าดำคร่ำเครียด แบ่งสรรเก้าอี้กันอีก

ซึ่งหากไม่ลงตัว หรือเป็นไปโดยไม่สมัครใจ

เผลอๆจะมีการเอาคืน ต้องหวาดระแวงกันทั้งในสภาและในครม.

เวลาที่จะเอาไปกำจัดศัตรูทางการเมือง ไม่ว่า ทักษิณ หรือที่เพิ่มเข้ามาอย่างเหนือความคาดหมาย อย่าง ธนาธร ก็แทบไม่หรือ

ทักษิณ จึงคงกระพันมากว่า 10 ปี

ส่วน ธนาธร แม้จะกำเนิดขึ้นมาแค่ปีเดียว แต่กลับสามารถ “เขย่า”ฝ่ายมีอำนาจเดิม ได้อย่างถึงแก่น ถึงราก

ฝ่ายมีอำนาจแม้จะสร้าง”เงื่อนไข”จนทำให้นายธนาธร ไม่สามารถเข้าสภาได้

แต่ เอาเข้าจริง ในสภากลับมี”โคลน”นายธนาธร เข้าไปเพ่นพล่านเขย่า พล.อ.ประยุทธ์ และบัลลังก์อำนาจเก่า อย่างที่เห็น

ขณะเดียวกัน เวทีนอกสภา เทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ ทำให้ นายธนาธร สามารถแสดงวิสัยทัศน์ การเป็นแคดิเดตนายกฯได้อย่างไร้ข้อจำกัด

กลายเป็นอีกสมรภูมิหนึ่ง ที่ทำให้ ฝ่ายกุมอำนาจปัจจุบันต้องเหลียวไปมองอย่างหวาดระแวง

เพราะคงไม่สนุกนักหากมี เวทีสภาบนถนน คู่ขนานไปกับสภาที่ไร้เสถียรภาพ

ในนาทีนี้ นายธนาธร จึงถือเป็นดัง “คู่เวรคู่กรรม”ทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ ไปเรียบร้อยแล้ว

และอาจกดดันให้ผู้คุ้นเคยกับ”อำนาจนิยม” ต้องแสวงหาแนวทางใหม่มากทดแทนอำนาจเหล็กอย่างมาตรา 44 ที่ต้องยกเลิกไป

ซึ่งก็มีทางเลือกไม่นัก

นั้นคืออาจเปลี่ยนคู่กรรม ให้กลายเป็น คู่”กำ”–ที่ควงกำปั้มเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม

เพื่อหวังอย่างที่เรา เห็นนักกิจกรรมการเมืองเริ่มเจอกำปั้นถี่ขึ้นในพักหลังนี้

และหวังว่า คงไม่ลามเข้าไปในสภา จนเป็นอีกสมรภูมิเดือดอีกสมรภูมิหนึ่ง