คนของโลก : คริสต์มาสสุดท้ายของ ‘จอร์จ ไมเคิล’

AFP PHOTO / MIGUEL MEDINA

จอร์จ ไมเคิล ซึ่งเสียชีวิตขณะมีอายุได้ 53 ปีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นขวัญใจวัยรุ่นที่กลายมาเป็นนักร้องนักแต่งเพลงระดับซูเปอร์สตาร์ ผู้ซึ่งเสียงร้องอันนุ่มนวลของเขาขัดแย้งกับชีวิตส่วนตัวที่ถูกทอดเงาปกคลุมไปด้วยปัญหายาเสพติดและความผิดหวัง

ในการเป็นครึ่งหนึ่งของวงดูโอบอยแบนด์ “แวม!” และต่อมาในฐานะศิลปินเดี่ยว ไมเคิลสร้างสรรค์บทเพลงจำนวนหนึ่งที่ถือได้ว่าฮิตที่สุดในช่วงยุคทศวรรษที่ 1980 ซึ่งรวมถึง “แคร์เลส วิสเปอร์” และ “เฟธ” จำหน่ายผลงานอัลบั้มไปได้มากกว่า 100 ล้านชุดในอาชีพการเป็นนักดนตรีที่ยาวนานเกือบ 4 ทศวรรษ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไมเคิลไม่ค่อยปรากฏตัวในที่สาธารณะมากนัก

โดยมักจะตกเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ในเหตุการณ์แปลกๆ ที่บางครั้งเชื่อมโยงกับยาเสพติดมากกว่าในเรื่องผลงานเพลง

img_4444

แต่ไมเคิล ที่เปิดเผยตนเองว่าเป็นเกย์ เมื่อปี 1998 หลังถูกจับกุมในข้อหาทำอนาจารในห้องน้ำสาธารณะในนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ไม่เคยหลีกหนีในการตอบคำถามเรื่องชีวิตส่วนตัวเมื่อเขาถูกสัมภาษณ์

“ผู้คนต้องการมองผมในมุมที่น่าเศร้า ทั้งเป็นพวกรักร่วมเพศและเสพยา ซึ่งสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากจะเป็น และผมคิดว่ามันทำให้คนอื่นไม่อิจฉาริษยาคุณเมื่อได้เห็นจุดอ่อนของคุณ” ไมเคิลกล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดียน เมื่อปี 2009 และว่า

“ผมไม่เห็นสิ่งเหล่านี้เป็นจุดอ่อนอีกต่อไป มันเป็นสิ่งที่ผมเป็น”

ไมเคิล มีชื่อแต่กำเนิดว่า จอร์จิออส คีเรียกอส พานาโยตู เกิดในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 1963 มีพ่อเป็นลูกครึ่งกรีก-ไซปรัส ส่วนแม่เป็นคนอังกฤษ

เขาพบกับ แอนดรูว์ ริดจ์ลีย์ ที่โรงเรียนมัธยมปลาย หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ตั้งวงดนตรีดูโอชื่อ “แวม!” ด้วยกันเมื่อปี 1981

ด้วยความที่ทั้งคู่เป็นคนหน้าตาดี มีผิวสีแทนโดยธรรมชาติ ย้อมสีผม และมีภาพลักษณ์เป็นคนเจ้าสำราญ ทั้ง 2 สามารถยึดกุมความมีชีวิตชีวาที่เข้ากับจิตวิญญาณของยุคสมัย

ทำให้ แวม! กลายเป็นหนึ่งในวงดนตรีป๊อปที่โด่งดังและประสบความสำเร็จมากที่สุดของอังกฤษภายในชั่วเวลาไม่นานด้วยเพลงฮิตอย่าง “คลับ ทรอปิคานา” และ “เวก มี อัพ บีฟอร์ ยู โก โก”

AFP PHOTO / Daniel LEAL-OLIVAS
AFP PHOTO / Daniel LEAL-OLIVAS

ชื่อเสียงของพวกเขาขจรขจายไปทั่วโลก และในปี 1985 แวม! กลายเป็นวงดนตรีตะวันตกวงแรกที่ได้มาเปิดการแสดงคอนเสิร์ตในจีน

พวกเขาแยกวงในปีต่อมา หลังจากมีซิงเกิลขึ้นอันดับ 1 ชาร์ตเพลงขายดีของอังกฤษ 4 เพลง และไมเคิลได้เดินหน้าเป็นศิลปินเดี่ยวต่อหลังจากนั้น โดยจับกลุ่มผู้ฟังที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

อัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของไมเคิล “เฟธ” ที่ออกวางจำหน่ายในปี 1987 แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่เปลี่ยนไป ภาพปกอัลบั้มเป็นไมเคิลในสภาพที่มีหนวดเคราเล็กน้อย สวมเสื้อแจ๊กเก็ตหนังและตุ้มหู 1 ข้าง

ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มนี้ชื่อเพลงว่า “ไอ วอนต์ ยัวร์ เซ็กซ์”

เฟธ กลายเป็นอัลบั้มฮิตถล่มทลาย ได้รับคำวิจารณ์ในทางชื่นชมและขายไปได้หลายล้านชุดทั่วโลก เพลงชื่อเดียวกับอัลบั้มกลายเป็นหนึ่งในเพลงดังที่สุดเพลงหนึ่งของไมเคิล

หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการเดินสายโปรโมตอัลบั้มแรก ไมเคิลใช้เวลา 3 ปีถึงจะเริ่มทำงานเพลงอัลบั้มที่ 2 คือ “ลิสซึ่น วิธเอาต์ พรีจูไดซ์ โวล.1”

AFP PHOTO / Daniel LEAL-OLIVAS
AFP PHOTO / Daniel LEAL-OLIVAS

ไม่กี่ปีต่อมา อันเซลโม เฟเลปปา แฟนหนุ่มชาวบราซิลของไมเคิลเสียชีวิต ทำให้เขาตกอยู่ในอาการโศกเศร้า และเขาต้องพบกับการสูญเสียอีกครั้งเมื่อแม่ของเขาเสียชีวิตลงในปี 1997

ไมเคิลเพิ่งจะออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนว่าเขาเป็นเกย์ เมื่อปี 1998 โดยเขาบอกในภายหลังว่าไม่อยากออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ในขณะที่แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่

ไมเคิลยังคงสร้างผลงานเพลงฮิตออกมาตลอดช่วงยุคทศวรรษที่ 1990 ถึงต้นทศวรรษที่ 2000 โดยหนึ่งในนี้มีเพลงที่เป็นประเด็นให้เกิดข้อขัดแย้งเป็นอย่างสูงอย่าง “ชู้ต เดอะ ด็อก” เพลงต่อต้านสงครามอิรัก เมื่อปี 2004 ที่มิวสิกวิดีโอล้อเลียน จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดีสหรัฐ และ โทนี่ แบลร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษในขณะนั้นด้วย

ขณะที่อัลบั้มล่าสุด “ซิมโฟนิกา” ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2014 ขึ้นถึงอันดับ 1 ในชาร์ตขายดีเช่นกัน

ไมเคิลได้รับรางวัลมากมายตลอดอาชีพการเป็นศิลปิน อาทิ รางวัลบริตอวอร์ดส์ 3 ครั้ง แกรมมี่อวอร์ดส์ 2 ครั้ง รวมถึงไอวอร์ โนเวลโลอวอร์ดส์ ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้สำหรับนักแต่งเพลงยอดเยี่ยม 4 ครั้ง

“ลาสต์ คริสมาสต์” เพลงสุดคลาสสิคในยุคสมัยใหม่ประจำช่วงเทศกาลคริสต์มาส คงจะได้รับการเปิดอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีในวันคริสต์มาส

โดยที่หลังจากนี้ ความสำคัญของเพลงนี้นอกจากจะเข้ากับช่วงเวลาแล้ว ยังเป็นการรำลึกถึง จอร์จ ไมเคิล เจ้าของผลงานที่จบชีวิตลงในวันเดียวกันด้วย