ในวันที่ผู้อาวุโสชวน หลีกภัย

ใช้เวทีประชุม ส.ส.ประชาธิปัตย์ 52 คน เป็นครั้งแรก

กรีดนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ฐานโพสต์เฟซบุ๊กกระทบกระทั่ง “ผู้มากบารมี”

แม้จะไม่ระบุชื่อ

แต่นายชวนยืนยัน สังคมทราบว่าหมายถึงใคร

จึงใช้สิทธิถูกพาดพิง

ในวันนั้น นอกจากนายพีระพันธุ์จะเป็นตัวละครเอกที่ถูก “กรีด” แล้ว

ยังมีตัวละครหลายตัวที่นายชวนกล่าวถึง

ซึ่งน่าสนใจทีเดียว

เพราะได้ให้ความนัย ระหว่าง “กรีด”

อย่างยากที่คนนอกพรรคจะทราบ หรือเข้าใจ

ตัวละครหนึ่ง ที่นายชวนกล่าวถึงคือ ม.จ.จุลเจิม ยุคล

ที่เป็นประหนึ่งตัวแทนของฝ่าย “อนุรักษ์” เข้มข้น

ซึ่งดูเหมือนนายชวนค่อนข้างจะแคร์ ถึงขนาดบอกว่าทำหนังสือไปชี้แจง

กรณี ม.จ.จุลเจิมพาดพิง ปชป. ว่ามีอีแอบอยากเปลี่ยนแปลงสถาบัน

เป็นอีแอบ “ทั้งหัวหงอก หัวขาว หัวดำ”

และระบุว่า ถ้านายกรณ์ จาติกวณิช หรือนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นหัวหน้าพรรค “สถาบัน” จะอยู่ในช่วงอันตราย

เพราะคนรุ่นใหม่ของ ปชป. มีแผนเปลี่ยนแปลงสถานภาพสถาบันชั้นสูงเป็นแบบของประเทศญี่ปุ่น

ขนาดถึงขั้นไปดูงานที่ญี่ปุ่นมาแล้ว

นายชวนบอกว่า คำสัมภาษณ์นี้กระทบพรรคและคนในพรรคทุกคน

แต่แปลกตรงที่เชียร์นายพีระพันธุ์ว่า หากได้นายพีระพันธุ์เป็นหัวหน้าย่อมดีกว่าคนรุ่นใหม่ในพรรค

นายชวนมองว่า เรื่องนี้คล้ายมีเบื้องหลัง

ซึ่งก็คงไล่เบี้ยกันในพรรคเอาเอง

แต่สำหรับคนนอกพรรค

ที่น่าสนใจก็คือ ขนาดชื่อนายกรณ์ นายอภิรักษ์ ถูกขานอยู่ในโผ ผู้มีแนวคิด “อันตราย”

แสดงว่าปัจจุบันกระแสอนุรักษ์เข้มข้น พุ่งกระฉูดสูงยิ่ง

จึงไม่น่าแปลกใจ เมื่อมองข้ามไปยังพรรคน้องใหม่ อย่าง “อนาคตใหม่”

ถึงมีคำตอบว่า ไฉนพรรคนั้นจึง “ระเนระนาด”

และอยู่ในเป้าหมาย “กำกัด-จำกัด-ขจัด” อย่างชัดแจ้ง

อนาคตใหม่ต้องถูกปิดสวิตช์ ไม่มีทางเลือก!

อนึ่ง อีกตัวละครหนึ่งที่น่าสนใจ

คือ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.

ที่นายชวนรับว่าโทรศัพท์ไปหา

และถามตรงๆ ถึงการเลือกหัวหน้าพรรค ปชป.ว่า

มีข่าวว่าเงินผ่านมาทางคนของ กทม.บางคนหรือไม่

ซึ่ง พล.ต.อ.อัศวินปฏิเสธไม่รู้

ดูคล้ายจะจบ แต่สำหรับเรา คนวงนอก ก็ถึงบางอ้อ อีกอ้อหนึ่ง

จากเดิมเข้าใจว่า “เงิน” ที่เข้ามา “โม่แป้ง” ใน ปชป.คงผ่านมาทาง กปปส.

แต่จับความจาก “การข่าว” นายชวน แสดงว่าเงินผ่านมาโดยตรง

และผ่านช่อง กทม.

ถามว่า แล้วใครมีบารมี หรือมีมือไม้เข้าไปเกี่ยวข้องกับ กทม.มากในระยะหลัง

ไม่ยากในการหาคำตอบใช่ไหม