ขอบคุณข้อมูลจาก | พิชญ์เดช แสงแก่นเพ็ชร |
---|---|
ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 24 - 30 พฤษภาคม 2562 |
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
5ปีที่ผ่านมา มันนานกว่าที่คาดคิด เป็น 5 ปีแห่งการรอคอย ที่บอกว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” แต่ว่าใช้มาถึง 5 ปี ถามว่าเสียดายอะไรหรือไม่ ก็เสียดายหลายเรื่อง ส่วนตัวคิดว่ามันดันเกิดแต่สิ่งที่เราไม่อยากจะให้เกิดมากกว่า มองดูแล้วพบว่าความรู้สึกของผู้คนที่คาดหวังว่าหลังการยึดอำนาจจะได้เดินหน้าสู่ประชาธิปไตยให้มันดีขึ้น แต่ความเป็นจริงมันกลับกลายเป็นว่า “การยึดอำนาจเขามาแล้ว” กลับนำพาไปสู่หนทางที่ตรงข้ามกว่าประชาธิปไตยอีก ก็เสียดายเวลา ทั้งที่เขามีอำนาจรัฐและอำนาจต่างๆ การปฏิรูปก็ไม่เกิดขึ้น มีแต่เรื่องหนักหนากว่าเดิม กว่ายุคที่ผ่านๆ มาด้วยซ้ำ การเล่นพรรคเล่นพวกก็มากมาย อะไรที่เคยไปต่อว่านักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเขาไว้ กลายเป็นว่า คสช.เข้ามาก็ทำเหมือนกันหมด
นี่คือมุมมอง 5 ปีที่ผ่านมาของ คสช. จาก รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง
รศ.สุขุมมองว่า ถ้าให้ประเมินในช่วงขวบปีแรกของ คสช. จากวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คิดว่าเขาไม่ได้คิดหรือวางแผนว่าจะอยู่มายาวนานถึงขนาดนี้ อาจจะคิดแค่เข้ามา 1-2 ปี แต่ไปๆ มาๆ 5 ปี “ไม่ว่าใครก็ตามอยู่ในอำนาจมันเพลินทั้งนั้นนะคุณ”
วิเคราะห์รัฐบาลหน้า เสียงปริ่มน้ำ-อายุสั้น?
ผมมองว่าอาจจะอยู่แบบกระเสือกกระสน ต้องดิ้นรนในแต่ละครั้ง กว่าจะผ่านกฎหมายอะไรต่างๆ ได้ แต่ยังไงผมเชื่อว่าก็อยู่ได้ข้ามปีแน่นอน เพราะว่านักการเมืองยังเข็ดจากการเลือกตั้งอยู่ ยังไงก็ไม่ถึงขั้นแตกหักถึงขนาดที่ว่าอยู่กันต่อไปไม่ได้
ต้องยืนยันอีกครั้งว่ายังไงก็ข้ามปี นักการเมืองกลัวการยุบสภา กลัวการเลือกตั้ง รวมทั้งตัวของกลุ่มผู้มีอำนาจอยู่ใน คสช.ด้วย
แต่ถ้าหากเกิดกรณีที่ไปต่อไม่ได้ อาจจะเป็นเรื่องของการลาออก-ปรับรัฐบาลใหม่มากกว่า การเลือกใช้แนวทางการยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ หรือกระทั่งตัวคุณประยุทธ์หากไปต่อไม่ไหวแล้ว ก็เปลี่ยนตัวนายกฯ ได้เพราะว่าอำนาจ ส.ว. 250 เสียงยังคงหนุนและมีสิทธิ์ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีอยู่ตลอดช่วงการดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา
ที่สำคัญ รศ.สุขุมยืนยันด้วยเสียงที่หนักแน่นว่า เหตุการณ์ทางการเมือง ณ วันนี้ “ผมไม่มีวันเว้นเปอร์เซ็นต์ของความเป็นไปได้อย่างอื่น ที่นายกฯ คนต่อไปจะไม่ใช่คุณประยุทธ์ ผมเชื่อว่า 100% คุณประยุทธ์กลับมาแน่นอน!”
ส่วนการที่มีชื่อคนนอก-คนกลางโยนหินถามทางออกมาก่อนหน้านี้ เราไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัว เวลาคนวิเคราะห์นั่งพูดกันอาจจะสนุก ว่าคนนั้นคนนี้จะมีโอกาสหรือเปล่า ส่วนตัวผมเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย
คุณสังเกตสีหน้าคุณประยุทธ์ในช่วงที่ผ่านมามันไม่ใช่สีหน้าของคนไม่มีความสุข หรือคนที่กำลังจะหมดอำนาจนะ แต่มันกลับกลายเป็นภาพของคนที่จะกำลังจะบรรลุอะไรบางอย่าง
ฉะนั้น การที่ลือกันมีการนำเอาชื่อองคมนตรีต่างๆ ปล่อยเข้ามาในกระแสข่าว ผมก็มองว่านั่นแหละคือการปล่อยข่าวจากกลุ่มคนที่ไม่อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ แล้วคนพวกนั้นก็เป็นคนพวกเดียวกันด้วยนะ เขาพยายามที่จะชี้ให้เห็นว่ามันมีทางเลือกทางอื่นๆ อีก
แต่ผมบอกเลยว่า “ยาก”
ประยุทธ์ ประวิตร อนุพงษ์
3 ป.บูรพาพยัคฆ์ตียังไงก็ไม่แตกแยกไม่ได้?
เท่าที่ผ่านมาถ้าพูดกันตรงๆ ผมมองว่า อย่างคุณประวิตรแล้วไม่น่าจะเอาไว้ แต่ถ้าไม่มีสองคนนี้คุณประยุทธ์เองอาจจะขึงขังน้อยกว่านี้ ขาดขวัญกำลังใจ ที่สำคัญคือพอหมดเป้าจาก 2 คนนี้ก็จะเข้ามาถึงตัวเองไวขึ้น แล้วมันเป็นเรื่องของจิตวิทยาด้วย
ซึ่งหลายคนก็บอกว่า คุณประวิตรเป็นคนที่มี Connection เป็นคนที่มีเครือข่ายมาก และมีส่วนในการที่ประสานระหว่างนักการเมืองกับกลุ่มกองทัพ จึงมีความจำเป็นที่คุณประวิตรจะต้องอยู่
และส่วนตัวผมก็มีความเชื่อว่าคุณประยุทธ์ต้องการ 2 คนนี้ ทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประวิตร ในแง่ของการทำงานว่าทำแล้วเกิดความอุ่นใจว่าเป็นพวกเดียวกัน สายเลือดเดียวกัน เป็นขวัญกำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งสองคนนั้นถ้าเขาจะหยุดเขาก็คงต้องหยุดเอง เช่น คุณประวิตรอาจจะไม่ไหวมีปัญหาสุขภาพ
แต่ผมเชื่อว่าคุณประยุทธ์จะเอาทั้งสองคนนี้ไว้ตลอด
มอง “พลังประชารัฐ”จะเป็นพรรคระยะยาว-พรรคเฉพาะกิจ?
ยังมองไม่เห็นว่าอีกหน่อยเขาจะกลายไปสู่อะไร
แต่ว่าวันนี้เขารวมตัวกันเพื่อเข้ามาต่อรองอำนาจกับ คสช. วันหน้าถ้า คสช.วางมือจริงๆ รูปแบบการต่อสู้ในสภาก็จะต้องเปลี่ยนไป จะไม่มีกลุ่มอำนาจอะไรเข้ามาตรงนี้แล้ว มันก็ต้องเป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมืองด้วยกัน
อนาคตคนที่เข้ามาร่วมเป็นพลังประชารัฐ ที่เราเห็นๆ อยู่ว่ามาจากหลากหลายพรรค ก็อาจจะแตกกลับไปเหมือนเดิมอีกก็ได้ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น มันต้องดูหลายปัจจัย
ถ้า คสช.ยังอยู่ พลังประชารัฐก็อาจจะต้องอยู่ จริงๆ จึงอาจจะนิยามได้ว่าเขาเป็น “พรรคเฉพาะสถานการณ์”
การปรับตัวของเพื่อไทย-อนาคตใหม่
การที่เพื่อไทย-อนาคตใหม่มีฐานของคนอุดมการณ์ใกล้เคียงกัน ผมมองว่า ณ วันนี้ มันอยู่ที่บทบาทของ ส.ส. เพราะต้องยอมรับว่าคนหลายคนไปเลือกอนาคตใหม่ เพราะเขาเบื่อนักการเมืองหน้าเก่าๆ ที่คิดแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของเพื่อไทยหรือตรงข้ามก็ตาม
ปัจจัยตรงนี้ถ้าพลังประชารัฐไม่ปั้นนักการเมืองหน้าใหม่ๆ ไม่สร้างบทบาทการเมืองในมิติใหม่ๆ เช่นกัน มองว่าอนาคตใหม่ในวันข้างหน้า อาจจะเข้ามาเป็นความหวังของคนเพิ่มมากขึ้นอีก แทนกลุ่มอำนาจเก่าๆ ที่เขาเคยได้รับความนิยม เช่น แนวทางแบบเพื่อไทยเดิม
ส่วนถ้าอนาคตใหม่ไม่มีธนาธรและปิยบุตรในวันข้างหน้า ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง-กฎหมาย ต้องบอกว่าผมเองไม่รู้จักธนาธรมาก่อนเลย แต่ช่วงเวลาไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้ง ผมทึ่ง! แล้วก็เห็นว่ามีฝีมือ ผมก็เชื่อว่าคนรุ่นใหม่ๆ ที่อยู่ในพรรคเขาอีกหลายคนที่เรามีโอกาสฟังจากเวทีต่างๆ ไม่ได้มีของแค่เพียงเฉพาะคนสองคนนี้
อย่างโฆษกของพรรค คุณช่อ พรรณิการ์ วานิช ก็มีความสามารถ เพราะฉะนั้น คนอย่างนี้มันก็จะมีเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ อย่าไปคิดว่า ถ้ามีตัวตายแล้วจะไม่มีตัวแทน
จากการสำรวจผู้คนใกล้ๆ ตัวก็ล้วนเบื่อนักการเมืองหน้าเดิม แล้วเขาก็ดูว่าพรรคนี้น่าจะเข้าท่า แม้ว่านาทีนี้จะโดนสารพัดมรสุมถาโถมใส่ บางคนวิเคราะห์ว่าอาจทำให้กระแสดร็อปลงไป แต่ผมมองว่าเหมือนกระท้อนยิ่งทุบยิ่งอร่อย!
ถ้าอนาคตใหม่ไปทำหน้าที่บทบาทฝ่ายค้าน แล้วไม่เจอปัญหาอย่างที่โดนโจมตีมาทุกวันนี้ จนต้องลุกขึ้นออกมาปกป้องตอบโต้ เราก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นบทบาทของพวกเขา
สิ่งเหล่านี้ทำให้เขายิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น คนจับตาดูมากขึ้น มีความศรัทธามากขึ้นด้วยซ้ำ แต่ถ้าเขาเป็นฝ่ายค้านที่ไม่มีปากมีเสียงก็จบชีวิตทางการเมืองเหมือนกัน
ก้าวต่อไปของประชาธิปัตย์?
เชื่อว่ามีขึ้นมีลง ประชาธิปัตย์เคยสูญเสียที่นั่งในกรุงเทพฯ หรือเหลืออยู่คนหนึ่งก็เคยมาแล้ว ในอนาคตเขาอาจจะกลับมาได้อีก
สมัยหนึ่งเขาเคยขึ้นไปถึงร้อยกว่าๆ อีกสมัยหนึ่งเหลือ 30 กว่า นี่คือความเก่าแก่ของพรรคการเมือง ที่มันยังอยู่ในใจของคนบางรุ่น บางพวก แล้วมันก็เป็นเรื่องปกติที่ในพรรคจะมีมุ้งอยู่เยอะ
แต่ ปชป.เขามีความเป็นสถาบันการเมืองสูง และมีระบบการเลือกหัวหน้าพรรคที่ดูว่ามีความมั่นคงและเป็นสถาบันพอสมควร
ผมจึงไม่เชื่อว่าในพรรคจะหนักถึงมีความแตกแยกกัน โฟกัสมาที่คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคคนใหม่ ยังต้องจับตาดูอีกที
ซึ่งคุณต้องไม่ลืมว่าเขาเองก็เป็นเด็กของประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ต้น อยู่พรรคเดียวมายาวนานหลายสิบปี
บทบาทของคุณอภิสิทธิ์ก็เช่นกัน เขาก็จะยังคงอยู่ในวงการเมืองต่อไป เพราะคนอย่างเขายังมีประโยชน์ในทางการเมืองอยู่
และถือว่าเป็นแม่เหล็กคนหนึ่งของพรรค เขาไม่ใช่คนไร้น้ำยา ก็ต้องดูกันต่อยาวๆ…
ชมคลิป สุขุมวิเคราะห์