ทราย เจริญปุระ | ทุกคนไปไหนกันหมด

“ไปไหนกันหมดน่ะ”

ก่อนหน้านี้สักสิบหรือยี่สิบปี ฉันคงอยากเกิดมาเป็นแม่ฉันมากๆ

ใช่ว่าชีวิตแม่จะไร้ทุกข์อย่างสิ้นเชิง แต่เท่าที่ดูๆ ก็รู้สึกว่าคุ้มค่าน่าแลกกันอยู่ เป็นแม่ เป็นเมีย ไม่ต้องคิดอะไร มีเงินให้จับจ่ายใช้สอย อยากไปไหนก็ไปได้ อยากทำอะไรก็ทำ

ถ้าชีวิตของมนุษย์เรามีแค่นั้นก็คงจะดี

ฉันเป็นเด็กไม่มีความฝัน ประเภทที่ว่าออกไปใช้ชีวิต หรือซักวันฉันจะ…ไม่มีอะไรแบบนี้

ซักวันฉันจะอะไรล่ะ ไม่มีจะอะไรทั้งนั้นในชีวิต อยู่กันไปแบบนี้

แล้วการออกไปใช้ชีวิตนี่คืออะไรกัน? ก็ที่หายใจอยู่ทุกวันนี่ไม่เรียกว่าใช้ชีวิตหรือไร

ฉันมีความต้องการอย่างตื้นที่สุด และน่าดูถูกที่สุดถ้าพูดออกมาดังๆ

-ฉันอยากมีเงินเยอะๆ แล้วก็ได้เป็นเจ้าชีวิตตัวเอง-

ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่ปรารถนาสิ่งนี้

แม่ฉันก็ต้องการ ความต้องการของแม่เข้มข้นรุนแรงจนกลายเป็นปณิธานสูงสุดที่ตั้งไว้ โดยมีฉันเป็นผู้ทำให้ความฝันนั้นเกิดขึ้นจริง

มันน่าตื่นเต้นมากๆ เวลาแม่ลากฉันเข้าไปในร้านยี่ห้อดังๆ ชี้กระเป๋าใบนั้น ลองรองเท้าคู่นี้ แล้วทุกคนก็กุลีกุจอทำให้

บางทีแม่ก็ไม่ทันลองอะไรด้วยซ้ำ เดินไปชี้กระเป๋า แล้วก็รูดบัตรจ่ายเงิน เดินออกมาจากร้าน หันมาบอกฉันว่ามันสวยอย่างไร

“ถือว่าพี่ทรายซื้อให้แม่เนอะ”

มันคือท่าทางและน้ำเสียงที่แสดงความมั่นใจแบบที่คนมีเงินเท่านั้นจะทำได้

แม่ชอบไปธนาคาร แม่เป็นคุณเป็นท่าน ทุกคนให้แม่นั่งเฉยๆ ขณะวุ่นทำนั่นทำนี่แทนแม่อยู่รอบตัว

แม่ฉันไม่เคยต้องกรอกเอกสารเบิกเงิน ถอนเงิน หรือฝากเช็คด้วยตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“แม่ผมอายุหกสิบห้าและเปล่าเปลี่ยว แม่โสดสนิท แต่กระนั้น ถึงแม้จะรู้อย่างนี้ ก็ยังทำใจยากอยู่ดี ผมยืนอยู่ที่บันไดขั้นบนสุด มือยังจับราว มองชายคนนั้นจูบแม่อย่างดูดดื่มขึ้นเรื่อยๆ แม่จูบเขากลับ ทีวียังเล่นอยู่ที่อีกฟากห้อง วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ เวลาประมาณห้าโมงเย็น คนในอาคารห้องชุดหลังนั้นต่างพากันลงไปที่สระว่ายน้ำหมด ผมเดินลงบันไดและกลับออกไปขึ้นรถ

เกิดอะไรขึ้นมากมายหลังบ่ายวันนั้น…”

ฉันไม่ได้ยึดติดว่าความรักนั้นจะต้องยืนยงคงอยู่แบบเดียวไปตลอดกาล หลังจากพ่อตาย แม่ก็คงเหงา ฉันไม่ได้แปลกใจอะไรที่วันหนึ่งแม่ก็พาผู้ชายเข้ามาในบ้าน ฉันแค่รู้สึกอึดอัดที่แม่ทำตัวน่ารักกับฉันผิดปกติ แม่บอกให้ฉันเดินไปหยิบเบียร์ในตู้เย็น ทั้งที่ปกติเกลียดกระทั่งจะรับรู้ว่าฉันโตพอจะดื่มของมึนเมาแบบนี้ได้แล้ว

“หยิบมาเผื่ออาจารย์เค้าด้วยนะ”

วันนั้นน่าจะเป็นวงกินเบียร์ที่เงียบที่สุดในชีวิตฉัน

ฝ่ายชายนั่งจิบเบียร์ไปเรื่อยๆ และมองแม่ฉันอย่างลุ่มหลง แม่เล่านั่นเล่านี่ไปเรื่อยแบบที่ปกติไม่เป็น เหมือนอยู่ๆ แม่ก็มีปุ่มสัพเพเหระมาติดตั้งในตัว

“กินสิขนมจีนซาวน้ำ ที่ตลาดนัดเค้าทำขาย จำได้ว่าพี่ทรายชอบ”

มันคือขนมจีนซาวน้ำที่เศร้าที่สุดในโลก ขนมจีนเย็นๆ จับหนึ่งถูกวางมาในถุงพลาสติก ขิงหั่นหยาบใหญ่ กุ้งแห้งที่ควรจะถูกตำจนละเอียดเป็นปุยก็มาแบบร่วนๆ สับปะรดนั่น ลูกชิ้นปลากรายนั่น กะทินั่น

เสียงหัวร่อต่อกระซิกนั่น

ก็ดี, ฉันคิด

แม่จะได้ไม่มายุ่งอะไรกับฉัน

ถึงแม้ฉันจะต้องหาเงินเพิ่มเพื่อจ่ายให้แม่และคู่รักได้ไปสร้างรังรักด้วยกันก็เถอะ

แม่ก็ต้องการแค่นั้น

ฉันก็ให้แม่ได้แค่นั้น

ก็ยุติธรรมดี

ทุกวันนี้บางทีแม่ก็คุยโทรศัพท์กับจินตนาการของตัวเอง ฉันไม่แน่ใจนักว่าปลายสายในความว่างเปล่านั้นเป็นใคร แม่เออๆ ออๆ พูดชื่อบางชื่อ เล่าเรื่องบางเรื่องทั้งที่ร่างกายยังอยู่บนเตียง

บางทีก็ยากที่จะนั่งมองแม่เป็นแบบนี้

บางทีก็ยากที่จะจัดเวลา จัดคนมารับมือกับแม่

มีคนบอกฉันว่าขอบคุณมากที่ไม่พาแม่ไปอยู่ศูนย์ดูแล

เอาจริงๆ ฉันก็ไม่รู้ว่ามันดีกว่าหรือแย่กว่า

และไม่รู้ว่ามันซาบซึ้งตรงไหน กับการให้แม่นอนอยู่ในห้องแบบนี้ มีคนดูแล มีฉัน มีน้องฉัน

ฉันไม่รู้ว่าแม่อยู่คุกแดนไหนในความทรงจำของตัวเอง

บางวันยายก็มาทำให้ทุกอย่างยากเพิ่มขึ้นไปอีก ฉันคิดว่ายายคงไม่ชินกับการเห็นลูกสาวคนโตของตัวเองเป็นแบบนี้ ยายยังเชื่อว่าทุกคำพึมพำ ทุกการร่ำไห้ของแม่นั้นนับเป็นเรื่องจริงจัง และก็คอยคุยคอยทำอะไรให้ตามสั่งทั้งที่ยายก็แก่มากและไม่แข็งแรงแล้ว ยายป้อนข้าวแม่ตอนตีหนึ่ง ป้อนยาแม่ตอนตีสี่ ลากถูลู่ถูกังกันไปเข้าห้องน้ำทั้งที่ทุกคนห้าม และสุดท้ายก็พากันไปไม่ไหว กองทิ้งแม่ไว้แค่ปากทางเข้าห้องน้ำ แล้วก็เรียกหายาดม

ครั้นทุกคนทำตามตารางที่วางเอาไว้ในการดูแลแม่ ยายก็เป็นน้ำหูน้ำตา ว่าทำไมมันช่างดูแห้งแล้ง ทำไมไม่มานั่งดู พัดวี พูดคุย

ฉันหงุดหงิดนะ แต่ฉันก็เข้าใจ เพราะในช่วงแรกฉันก็คิดแบบนั้น ว่ามันคงจะช่วยได้ คงเป็นทางออก

แต่มันก็ไม่ได้หรอก จะให้ฉันนั่งเฝ้าแม่ตลอดเวลาก็ได้ ก็คงได้ความรู้สึกหรือภาพสวยๆ ถ้าจะ “บังเอิญ” มีใครบันทึกภาพและเผยแพร่ออกไป

แต่ความรู้สึกมันจับต้องไม่ได้

ฉันเลยออกไปทำงาน

มีเงิน

แบบนี้สินะ, การเป็นเจ้าชีวิตของตัวเองและมีเงินใช้

ฉันเดินเข้าร้านที่แม่เคยเข้า จับจ่ายง่ายๆ หัดซื้อเสื้อผ้าทีละยี่สิบตัวแบบที่เห็นแม่เคยซื้อ

แต่มันก็เท่านั้น

ฉันไม่รู้แล้วว่าฉันเป็นอะไรกันแน่ ฉันรู้สึกดีกับตัวเองเต็มที่ได้หรือยัง ก็นี่ไง เงิน ชีวิต อิสระ

“ไปไหนกันหมดน่ะ”

แม่พึมพำถามขึ้นมาในวันร้อนระอุวันหนึ่ง

ยายก็มา เพื่อนแม่ก็มา ฉันกำลังจะเดินออกจากห้องแม่ ทิ้งให้เขาฟูมฟายน้ำตากันเสียให้พอ ก็มาได้ยินเสียก่อน

“ไปไหนกันหมดน่ะ”

เออ มันคงเป็นคำนี้แหละ

สุดท้ายก็ไม่มีใคร ไม่มีอะไร

ฉันสงสัยการมีอยู่ของตัวเอง

ที่มีอยู่นี่มันดีเหรอ หรือไม่ได้ต่างอะไรจากการไม่มี

-ทุกคนไปไหนกันหมด-*

เพราะสุดท้ายเราก็จากกัน

ฉันเชื่อว่าเมื่อถึงวันที่แม่ตาย ฉันจะไม่มีอะไรติดค้างใจ

เอาจริงๆ ฉันก็ไม่ใช่ลูกที่ดีตามอุดมคติหรอก ฉันไม่นุ่มนวล และเวลาเห็นรูปใครๆ ในสื่อล้างเท้าแม่ เอาน้ำล้างเท้ามาลูบหน้าลูบผม ฉันก็รู้สึกว่า หรือนี่มันคือคำตอบที่แท้จริงที่ทุกคนคาดหวังว่าจะได้เห็น ที่ยายหวังว่าฉันจะทำ

อีกอย่างที่เปลี่ยนไป คือฉันเกลียดขนมจีนซาวน้ำไปเลย

เกลียดทุกฉากทุกตอนในวันนั้น

เกลียดแววตากระหายรักแกมอิ่มเอมใจที่ถูกจุดขึ้นในแววตาแม่

ฉันทำให้แม่รู้สึกแบบนั้นไม่ได้

ทำได้แค่ให้เงินทั้งหมดที่หาได้

แต่ก็ดูเหมือนจะสู้ใครไม่ได้เลย

“มือสมัครเล่น” (Beginners) รวมเรื่องสั้นของ Raymond Carver แปลโดย ภชภร ด่านวิรุฬหวณิช ฉบับพิมพ์ครั้งแรกโดย สำนักพิมพ์บทจร, 2562

*ชื่อเรื่องสั้นจากในหนังสือ