ประกวดเรื่องสั้นทั่วไป : เสือท่านผู้นำ

โดย จันทร์ เดือนแรม

เรื่องราวอันพิลึกพิลั่น ทั้งยังดูเหลวไหลเหลือเชื่ออยู่ไม่น้อย แต่เดาว่าคุณคงไม่เคยได้ยินเรื่องเล่านี้มาก่อนอย่างแน่นอน และเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในประเทศที่คุณอาจไม่เคยได้ยินชื่อ แน่นอนว่าเรื่องมันไม่ธรรมดาอย่างเรื่องสารพัดผีอย่างที่คุณเคยได้ยินมาจนชินหูแน่ๆ

ผู้คนในเมืองนั้นรู้ดีว่าเรื่องทั้งหมดเริ่มต้นยาวนานก่อนหน้านั้นหลายปี จนกระทั่งถึงช่วงกลางฤดูร้อนอันกราดเกรี้ยวของเช้าวันที่มีหมอกหนาปกคลุมเมืองใหญ่ไว้อย่างอ้อยอิ่ง และผู้คนทั้งเมืองกำลังหลับใหลอยู่ในนิทรา ท่านผู้นำปรากฏกายขึ้นหน้าตึกที่ทำการรัฐบาลท่ามกลางสายหมอกบางเบาพร้อมเหล่าทีมบริหารประเทศ

และราวกับถูกร่ายเวทมนตร์จากปีศาจร้าย ภาพที่เห็นคือภาพของเมืองซึ่งดูเงียบสงัดราวป่าช้า ประชาชนในเมืองนั้นยังคงหลับอยู่ในบ้าน โดยไม่มีท่าทีว่าจะตื่นมาตามเวลาปกติ

ยังไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้ ท่านผู้นำเองก็ไม่เอะใจใดๆ การตื่นเช้ากว่าคนอื่นเป็นปกติของท่านอยู่แล้ว งานท่านล้นมือ มีภารกิจล้านแปดที่ต้องสะสางให้เสร็จในแต่ละวัน ไม่นับที่ต้องตอบคำถามนักข่าวซึ่งคอยจี้ถาม ประเด็นที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้ท่านวางมือทางการเมือง เพราะบริหารประเทศมายาวนานหลายปี ทีมบริหารขาดความเป็นมืออาชีพ ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในสายตาต่างชาติตกต่ำมากสุดในรอบหลายปี จนไม่มีประเทศไหนเข้ามาลงทุนทางเศรษฐกิจ ส่งผลร้ายทั้งทางสังคม และทางเศรษฐกิจโดยรวม

อย่างไรก็ตาม ท่านผู้นำก็ยังตั้งหน้าตั้งตาทำงานจนไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ท่านมักพูดติดตลกกับนักข่าวเสมอ ทำนองว่า

“ผมยังแข็งแรงดี ให้ไปฆ่าเสือที่ไหนผมก็ยังไหว”

ทีมอารักขาและรัฐมนตรีต่างออกมายืนรออยู่หน้าตึกที่ทำการโอ่อ่า ขบวนรถหรู จอดยาวเหยียดสะท้อนเงาแดดมัวหม่นในท่ามกลางสายหมอกเย็นเยือก

ภารกิจของท่านผู้นำในวันนี้คือเป็นประธานศูนย์การเรียนรู้เกษตรแนวใหม่เพื่อพัฒนาอาชีพของเกษตรกรในยุคที่นายทุนเข้ากว้านซื้อที่ดินทำอุตสาหกรรมการเกษตรแบบก้าวหน้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรแบบดั้งเดิม ชาวบ้านเริ่มละทิ้งถิ่นฐาน แห่เข้าเมืองไปหางานทำ เป็นแรงงานที่บ่อยครั้งก็สร้างปัญหาสารพัด ทั้งยาเสพติด และเป็นชุมชนแออัด สร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีแก่ประเทศชาติ ทั้งหมดเป็นปัญหาระดับชาติที่รัฐบาลต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนนั่นเอง

แต่ขณะขบวนของท่านผู้นำเตรียมพร้อมออกเดินทาง รัฐมนตรีผู้ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า วิ่งแจ้นลงมาจากรถคันหน้า เข้ามารายงานถึงความผิดปกติอะไรบางอย่าง ด้วยสีหน้ากังวล

“ท่านครับ ผมคิดว่าภารกิจสำคัญของท่านคงต้องชะลอไว้ก่อน ข่าวว่าที่นั่นมีเสือมาเพ่นพ่าน ทำร้ายชาวบ้านบาดเจ็บกันเป็นแถว”

ทีมอารักขาสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ท่านผู้นำ ต่างมองหน้ากันไปมาด้วยสีหน้างงงันราวกับได้ยินเรื่องเล่าถึงผีที่ไม่เคยมีตัวตน

“หา…เสืออะไรที่ไหน ประเทศนี้มันมีเสือหลงเหลือให้ออกมาเพ่นพ่านขนาดนั้นเลยหรือ แล้วข่าวนี่มาจากไหน” ท่านผู้นำพูดเสียงดัง

“ท่านครับ เราอยู่ในโลกที่แปลกประหลาดครับ มีคนเล่าว่ามนุษย์กลายเป็นเสือได้ เพราะพวกมันบูชาผีที่เชื่อกันว่าจะปกปักรักษาป่าต้นน้ำได้ แต่เข้าใจว่าคงมีใครสักคนไปลบหลู่ เลยเกิดเรื่องแบบนี้เข้า นี่ทางทีมงานที่โน่นเพิ่งโทร.มายืนยันตะกี้เองครับ” รัฐมนตรีคนเดิมรายงานเพิ่มเติม คราวนี้มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเบาๆ ทีมอารักขาสองคนยกมือปิดปาก กลั้นหัวเราะจนน้ำตาเล็ดลงบนใบหน้า ทั้งที่ก่อนนี้ทั้งคู่ดูเคร่งขรึมยังกับเพชฌฆาตลานประหาร

“ไปกันใหญ่แล้วท่าน นี่ผมแต่งตั้งท่านมาช่วยบริหารประเทศนะ ไม่ใช่ให้ท่านมาเล่านิทานหลอกเด็ก” ท่านผู้นำกุมขมับ แล้วพลันเปลี่ยนมาหัวเราะจนน้ำตาเล็ดไปอีกคน

“ท่านผู้นำครับ ท่านมองไปสิครับ เรื่องผิดปกติมันอยู่ตรงหน้าท่านตั้งแต่เช้านี้แล้วนะครับ” รัฐมนตรียังไม่ลดราวาศอก พูดพลางชี้มือไปยังถนนกลางเมือง “ดูสิครับ ดูดีๆ เมืองเราเป็นอะไรไปไม่รู้ ตอนนี้ก็เช้าแล้ว ไม่มีคนออกมาบนถนนเลยสักคน ผมออกจากบ้านมาก็ไม่เห็นรถแล่นสวนแม้สักคัน แม่ค้าข้างถนนก็ไม่มี ทุกคนหลับไม่ยอมตื่น ขนาดเมียผมกับลูกยังไม่ตื่นมาส่งผมทำงานเหมือนทุกวันเลย” ถอนหายใจยาวจังหวะหนึ่ง แล้วพูดอีก “โทษนะครับ แล้วเมียท่านผู้นำล่ะครับ ตื่นรึยัง”

ได้ฟังเพียงเท่านั้น ท่านผู้นำถึงกับหน้าถอดสีลงทันที “มันก็จริงนะ ผมก็รีบมาจนลืมสังเกตไปว่าบ้านเมืองเราเช้านี้มันเป็นยังไง เมียผมเหรอ ผมก็ไม่รู้หรอก เมื่อคืนผมกลับดึก ไม่อยากรบกวน ก็เลยหลบไปหลับอีกห้อง”

ทีมอารักขาสองคน ซึ่งยืนฟังมาตลอดก็เริ่มขยับตัวอึดอัด แต่ยังคงสีหน้าดูฉงนไว้ ราวกับกำลังลุ้นว่าเรื่องประหลาดเช้านี้มันจะเป็นยังไงต่อ และลงเอยแบบไหน

“ท่านครับ เราต้องอยู่ที่นี่ ยกเลิกภารกิจวันนี้ เรื่องเกษตรแนวใหม่มันเรื่องเล็กน้อย เรายังมีเวลาครับ แต่ผมว่าเรื่องใหญ่ตอนนี้คือการที่ประชาชนในเมืองหลับไม่ตื่นครับ”

“ผมไม่ได้อยากเชื่อเรื่องเหลวไหลนี้หรอกนะท่าน แต่ผมควรทำไงต่อ นอนรออยู่ที่นี่ หรือทิ้งปัญหาทั้งหมดไว้ให้มันคลี่คลายไปเอง แล้วไปปลุกเมียขึ้นจากที่นอน จากนั้นก็เดินสายไปปลุกคนทั้งเมืองด้วยตัวเอง” ท่านผู้นำพูดเสียงอ่อย สีหน้าเคร่งเครียด

“ผมคิดว่าเรื่องทั้งหมดต้องเกิดจากเสือตัวนั้น มันรู้ว่าท่านจะไปที่นั่น เลยออกมาท้าทายอำนาจท่าน ทำนองว่ามันมีอำนาจเหนือกว่าอะไรแบบนั้น” รัฐมนตรีผู้ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าวิเคราะห์ถึงสาเหตุของความไม่ปกติอย่างคนมีจินตนาการ “คิดง่ายๆ เลยครับ ถ้าเราปราบเสือได้ บ้านเมืองถึงจะปกติ ท่านผู้นำคิดเหมือนผมมั้ยครับ”

ท่านผู้นำยิ้มกริ่ม ยกมือไปตบบ่ารัฐมนตรีผู้ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า ทำนองว่า ที่คุณวิเคราะห์มาทั้งหมดเข้ามีเหตุผล และผมไม่ผิดหวังในตัวคุณเลยแม้แต่น้อย

“เอาอย่างงี้ ผมจะไปพิสูจน์มันด้วยตัวเอง จัดขบวนให้พร้อม ถ้าเป็นไปได้ ผมจะล่าเสือตัวนั้นด้วยตัวเอง” ท่านผู้นำพูดเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ

“จะดีหรือครับท่าน” เสียงคนรอบข้างพูดขึ้นพร้อมกัน

“ก็ผมเป็นผู้นำประเทศ ผมต้องแก้ปัญหาทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเหลวไหลไร้สาระแค่ไหนก็ตาม”

เพียงเท่านั้น ทุกคนก็กรูกันขึ้นรถ ก่อนที่ขบวนรถจะวิ่งออกไปบนถนนอันร้างไร้ผู้คน

รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่ากดโทรศัพท์สั่งการไปยังผู้นำชุมชนให้เตรียมต้อนรับ “ตามหาพรานในหมู่บ้านที่รู้จักป่าที่นั่นมา เตรียมอาวุธครบมือ ใครมีคาถาอาคมก็เชิญมา ท่านผู้นำจะไปล่าเสือด้วยตัวเอง”

รัฐมนตรีคนเดิมพูดกรอกใส่โทรศัพท์ด้วยเสียงดังฟังชัด

ลานโล่งใจกลางหมู่บ้านคึกคักไปด้วยชาวบ้านนับร้อย ก่อนที่ฝุ่นจะอวลตลบขึ้นจากขบวนรถของท่านผู้นำ ซึ่งเรียงแถวเข้าจอดอย่างพร้อมเพรียง

ทันทีที่ท่านผู้นำลงจากรถ ผู้นำชุมชนก็เข้ามาทักทาย พร้อมแนะนำตัวพรานหนวดเฟิ้มวัยกลางคน ซึ่งยืนสะพายปืนลูกซองยาวบนบ่า ทั้งหมดเข้าจับมือทักทายกันพอเป็นพิธี ก่อนที่ผู้นำชุมชนจะเข้ารายงานสถานการณ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

แดดบ่ายร้อนแรง แต่เหมือนบรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยความหม่นมัว ผืนป่าที่อยู่เบื้องหน้าเงียบสงัด มีเพียงลมบางเบาพัดกิ่งไม้ไหวพะเยิบ เสียงนกบางตัวร้องดังมาราวป่า เหมือนเป็นสัญญาณเริ่มต้นการไล่ล่า ท่านผู้นำกระชับปืนลูกซองยาวในมือ ดวงตาจ้องผืนป่าเขียวครึ้มไม่กะพริบ

การเตรียมทีมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะหากล่าช้าไปฟ้าจะมืดค่ำ

“ห้ามสบตาเสือตัวนั้นเป็นอันขาด เพราะมันจะทำให้พวกคุณกลายเป็นเสือไปในทันที ไม่มีเวทมนตร์ใดจะล้างอาถรรพ์ได้ ครบหนึ่งวันคนที่สบตาเสือถึงจะคืนร่างกลับเป็นมนุษย์ได้ มันทรมานมากที่คุณต้องกลายเป็นคนในร่างเสือแล้ววิ่งขย้ำเหยื่อที่เป็นพวกเดียวกันเอง” เสียงของพรานวัยกลางคนพูดขึ้นต่อหน้าทีมล่า

ชาวบ้านต่างร้องฮือ กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดฝืนที่ได้ยินเสียงพรานพูด พวกเขาบางคนในนั้นเคยถึงขั้นยิงญาติตัวเองบาดเจ็บมาแล้วเมื่อสองวันก่อน หลังญาติคนหนึ่งเผลอไปสบตาเสือตอนเดินเข้าหาของป่า

ทีมอารักขาสองคนพร้อมปืน 9 ม.ม. ท่านผู้นำที่กระชับปืนแน่นมือจนเหงื่อแตกเต็มง่ามนิ้ว และผู้นำชุมชนพร้อมปืนลูกซองยาวพาดเฉียงบ่า ทั้งหมดเดินตามพรานวัยกลางคนผู้มีลูกซองยาวลงอาคมในมือไปอย่างช้าๆ ก่อนจะถูกป่าทั้งผืนกลืนหายไปจากสายตาของชาวบ้านนับร้อย

รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าถอนหายใจยาวอยู่กลางลานโล่งหน้าหมู่บ้าน ซึ่งตอนนี้ชาวบ้านพากันเข้ามาทักถามพูดคุยตลอดเวลา และต่างกล่าวยกย่องความกล้าหาญของท่านผู้นำที่ออกไปล่าเสือด้วยตัวเอง

“ผมก็เป็นเสือตัวหนึ่งนะท่านรัฐมนตรี อย่ากังวล ผมจะสยบอำนาจ หรือแม้แต่อาถรรพ์เวทมนตร์ของเสือตัวนั้นให้ได้ เราต้องทำให้คนในเมืองตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุขเหมือนเดิม คุณไม่ต้องห่วงว่าผมจะเป็นอะไรไป การจะลงจากหลังเสือ มันต้องฆ่าเสือให้ได้เสียก่อน”

รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่านั่งทบทวนคำพูดของท่านผู้นำที่ได้กล่าวไว้กับตนก่อนเดินหายไปในป่าอย่างครุ่นคิด

ทีมอารักขาสองคน เดินขนาบข้างท่านผู้นำช้าๆ พรานวัยกลางคนกับผู้นำชุมชนเดินย่องเงียบสะกดรอยเท้าเสือ ทิ้งระยะห่างเห็นเพียงเงาไหวๆ หลังพุ่มไม้

ครั้นแล้วเสียงปืนนัดแรกก็ดังขึ้นสะเทือนกึกก้องจนฝูงนกแตกตื่นบินหนีพรึบๆ เงาของพรานวัยกลางคนกับผู้นำชุมชนวูบไหวรวดเร็วอยู่ท่ามกลางเงากิ่งไม้หนาทึบ ควันปืนลอยขึ้นกลางอากาศร้อนอ้าว

ท่านผู้นำกระชับปืนในมือวิ่งตามไปทางเสียงปืนอย่างรวดเร็ว ทีมอารักขาสองคนวิ่งตามไปติดๆ พลางหยุดตะโกนเรียก “ท่านครับ ระวังตัวด้วย ผมเห็นเงาเสือตัวใหญ่วิ่งอยู่ตรงหน้าไม่ไกล มันน่าจะโดนกระสุนของพรานแล้ว หยุดเถอะครับท่าน”

เหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นในเสี้ยวนาทีที่เมฆก้อนหนึ่งเข้าบดบังแสงอาทิตย์ ทีมอารักขารู้ตัวอีกทีก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของท่านผู้นำเสียแล้ว แต่ทั้งคู่ยังคงสอดสายตาไปยังพุ่มใบรกครึ้มไม่ลดละ

นาทีนั้นเองที่เมฆเคลื่อนออกจากการบดบังแสง เสือตัวหนึ่งก็พลันมาปรากฏตัวยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าทีมอารักขาเสียแล้ว โดยไม่ทันได้จ้องตา พวกเขาชิงไหวพริบลั่นไกอย่างรวดเร็วไปยังร่างเสือโคร่งขนาดใหญ่หลายนัดซ้อน จนร่างใหญ่ของเสือลายพาดกลอนล้มลงนอนหมดซึ่งท่วงท่า และอำนาจอันน่าเกรงขาม ห่ากระสุนเจาะร่างของมันจนพรุน รวมถึงกะโหลกที่มีกระสุนฝังอยู่อย่างน้อยสามนัด

ทีมอารักขาล้มตัวลงนอน เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ และเศษใบไม้ที่ร่วงปลิวลงมาจากราวกิ่งรกเรื้อ พวกเขาหลับตาหลบแสงอาทิตย์เจิดจ้า ลืมตาอีกครั้งก็มองเห็นร่างเงาของพรานวัยกลางคนและผู้นำชุมชนยืนถือปืนอยู่ตรงปลายเท้านั่นแล้ว

“มีเสือสองตัวในป่านี้ ไม่น่าเชื่อ ข้าเองก็ยิงมันไปตัวหนึ่ง แต่คงไม่โดนเข้าจุดสำคัญ มันเลยหนีหายไปทางโน้น ออ…แล้วนี่ท่านผู้นำหายไปไหน”

ได้ยินเพียงเท่านั้น ทีมอารักขาก็ดีดตัวลุกขึ้นมองร่างเสือตัวที่นอนหายใจแผ่วๆ ใกล้ตายอยู่ตรงหน้า นาทีถัดมา โดยไม่ได้นัดหมายทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ต่างเดินไปยังร่างเสือตัวนั้นด้วยท่าทางของคนหมดแรง เปลือกตาเสือหรี่ลงช้าๆ กรงเล็บแหลมคมกลายเป็นอาวุธที่ไร้ซึ่งน้ำหนัก ลมหายใจเนิบช้า และอวลกลิ่นคาวเลือด

ในความเงียบที่เหมือนถูกเวทมนตร์สะกด ยังมีเพียงนกบางตัวและลมที่พัดผ่านใบไม้เท่านั้นที่เคลื่อนไหว “ผมต้องตามเสือตัวที่บาดเจ็บไป ต้องซุ่มดูมันจนกว่าจะครบสองวัน” จู่ๆ พรานวัยกลางคนก็พูดขึ้น

ทีมอารักขาสองคน กับผู้นำชุมชนช่วยกันหามร่างเสือออกมาจากป่าราวกับเสือตัวนั้นไร้ซึ่งน้ำหนัก ทั้งสามก็ไม่คาดคิดว่าเสือร่างใหญ่ขนาดนั้น พอตายลงน้ำหนักกลับลดหายไปกว่าครึ่ง

ทันทีที่พวกเขาปรากฏกายขึ้นในแสงยามเย็น พร้อมร่างของเสือตัวหนึ่ง ชาวบ้านต่างไชโยโห่ร้องดีใจที่ได้เห็นว่าเสือโดนสยบลงได้ในที่สุด และเมื่อไม่เห็นท่านผู้นำกลับออกมาจากป่าพร้อมทีมอารักขา ชาวบ้านทุกคนก็ต่างพากันเงียบราวกับถูกสะกดด้วยเวทมนตร์ที่ไม่รู้ที่มา

เหตุการณ์ยังไม่คลี่คลาย เสือตัวหนึ่งยังคงซ่อนตัวบาดเจ็บอยู่ในป่า ความซับซ้อนของเรื่องเกิดขึ้นอย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึง ไม่มีใครโยนความผิดให้ใคร ได้แต่พากันนั่งถามตัวเองอยู่ในใจว่าท่านผู้นำพลาดท่าเสือตัวนั้นได้อย่างไร ถึงได้ไปสบตามันเข้า

คล้ายว่าเสือตัวนั้นได้ขุดหลุมพรางไว้อย่างแนบเนียน และทุกคนก็พลาด

ขบวนรถติดตามท่านผู้นำกลับถึงเมืองในค่ำวันนั้น ขณะที่ผู้คนตื่นขึ้นจากหลับใหลยาวนาน และต่างออกมาใช้ชีวิตปกติกันหมดแล้ว ท้องถนนจอแจ ด้วยยวดยานสัญจร พระจันทร์เหนือยอดตึกสาดส่องเจิดจ้า

ที่น่าแปลกคือชาวเมืองทุกคนต่างไม่รู้ตัวว่าได้นอนหลับยาวนานกว่าทุกวัน

แต่ที่หมู่บ้านอันห่างไกล เหตุการณ์ยังไม่คลี่คลาย

ใจกลางป่าลึกลับ พรานวัยกลางคนยังคงเดินตามรอยเสืออีกตัวอยู่ในป่าอย่างไม่ลดละ เขาปลดปืนลงจากบ่า และคิดในใจว่าหากเจอเสือ ก็คงไม่ได้ใช้มันอีก นิ้วมือที่เคยสอดเข้าโกร่งไก บัดนี้พิกลพิการไปแล้วอย่างสิ้นเชิง

ค่ำคืนดึกอันสงัดเงียบ ตรงลานโล่งหน้าหมู่บ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าพร้อมทีมอารักขา นั่งล้อมวงกันอยู่ ทุกคนเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร ริมฝีปากซีด ท่าทางดูอ่อนแรง ขมวดคิ้วเข้าหากัน ปล่อยดวงตาจ้องนิ่งไปยังร่างโชกเลือดของเสือตัวหนึ่งตรงหน้า

สิ่งเดียวที่พวกเขาทำในนาทีนี้คือภาวนาว่ารุ่งขึ้นอีกวัน เมื่อครบเวลาคลายคำสาปแล้ว เสือตัวที่นอนจมกองเลือดอยู่นั้นคงไม่ใช่ร่างท่านผู้นำ