อนุสรณ์ ติปยานนท์ : หมอกทะมึนกลืนเมือง

เมืองในหมอก (1)

มีหมอกลงหนักตั้งแต่เมื่อคืน

ในตอนแรกหมอกทำหน้าที่คล้ายดังการปกคลุมเมืองเล็กๆ แห่งนี้

แต่หลังจากนั้นมันก็เปลี่ยนไป หมอกเริ่มทำหน้าที่กัดกิน มันชอนไชผ่านไปทางหน้าต่าง แทรกซึมเข้าไปทางประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้

บุกรุกอย่างช้าๆ และเงียบเชียบไปตามอาคารบ้านเรือน อาคารบ้านเรือนทั้งที่เป็นอาคารพักอาศัยธรรมดา และทั้งที่เป็นอาคารพักอาศัยตามอาคารสูง

การบุกรุกของมันเป็นไปอย่างทรงประสิทธิภาพราวกับมันได้ตระเตรียมแผนการมาเนิ่นนาน

ไม่ช้านัก เมืองทั้งเมืองก็ตกเป็นทาสของหมอกสีเทา

ข่าวพาดหัวของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเช้าวันรุ่งขึ้นล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ทุกข่าว ทุกการพาดหัวพูดถึงหายนภัยของหมอก

รถบริการสาธารณะตกอยู่ในสภาวะสับสนท่ามกลางหมอกควันหนาทึบ

บางคันแล่นสวนทิศทาง บางคันตกจากขอบถนน และหลายคันพุ่งเข้าชนกันอย่างหมดหนทางป้องกัน

ในขณะที่รถยนต์ส่วนตนก็ตกอยู่ในสภาวะเลวร้ายไม่ต่างกัน ชายเจ้าของรถคันหนึ่งอยู่ในสภาพคลุ้มคลั่ง เขาขับรถขึ้นไปบนทางด่วน ไล่ชนทุกการเคลื่อนไหวเบื้องหน้าก่อนที่น้ำมันจะหมดลง มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

แต่ร่างของพวกเขาเหล่านั้นกลับถูกทอดทิ้ง แม้แต่รถกู้ภัย แม้แต่รถพยาบาลก็ไม่อาจทำการได้ตามปกติ

พวกเขาได้แต่เฝ้ารอนาทีที่หมอกสีเทาจากไป

 

แต่หมอกสีเทาไม่เคยจากไป หากแต่กลับทวีความเข้มข้นขึ้น

จากสีเทาจางเป็นสีเทาเข้ม

จากแสงสว่างที่ผ่านพ้นได้รำไรเป็นแสงสว่างที่แทบทะลุผ่านไม่ได้

ข่าวพาดหัววันต่อมาและต่อๆ มาไม่มีข่าวอื่นนอกจากหายนภัยของหมอก

ไม่ว่าจะเป็นข่าวของคนที่พลัดตกจากอาคารเพราะคิดว่าอากาศเวิ้งว้างเบื้องล่างนั้นมีบันได

ข่าวของคนที่ไอและจามจากพิษของหมอกจนหลอดลมทะลุผ่านลำคอ

ข่าวของต้นไม้ที่โน้มกิ่งก้านลงดินเพราะพบว่าพื้นดินมีแสงสว่างมากกว่าผืนฟ้า

ข่าวของโรงงานผลิตหน้ากากที่ถูกปล้นชิงโดยคนที่ไม่มีเงินพอจะซื้อหน้ากากไว้สับเปลี่ยนอีกแล้ว

คำสารภาพของผู้ต้องหาคือ เขาขายทรัพย์สมบัติทุกชิ้นที่มี นำมันไปซื้อปืนและบุกเดี่ยวเข้าไปในโรงงานแห่งนั้น

เขาวาดหวังจะได้หน้ากากใหม่ติดมือมาสักร้อยชิ้น จำนวนที่เขาคิดว่ามากพอที่จะทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้อย่างน้อยสามปี เวลาจำนวนนั้นมนุษย์น่าจะค้นพบวิธีกำจัดหมอกมฤตยูที่มีสีเทาได้แล้ว

แต่การปล้นของเขาไม่สำเร็จ นอกจากธนาคารกลางของประเทศแล้ว โรงงานผลิตหน้ากากคือสถานที่ที่มีการป้องกันแน่นหนาที่สุด มันคือตัวแทนของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต หุ้นของโรงงานเหล่านี้ทะยานขึ้นทุกวัน กำลังการผลิตถูกเพิ่มไปอย่างที่ดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด ชายผู้เป็นจำเลยผ่านพ้นไปได้เพียงประตูหน้า หลังจากนั้นเขาถูกล้อมด้วยหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงงานที่ซ่อนใบหน้าอยู่ภายใต้หน้ากากระดับเอบวก

เขาถูกส่งตัวไปยังคุกที่หมายถึงการถูกพิพากษาให้จบชีวิตลง

เพราะคุกเหล่านั้นคือสนามหญ้าโล่งแจ้งที่บรรดานักโทษจะถูกปล่อยให้เผชิญหมอกอย่างปราศจากเครื่องป้องกัน

 

โทษภัยและการลงโทษเช่นนี้ทำให้ผู้คนพากันหวาดกลัว แม้จะเป็นเพียงโทษจองจำธรรมดา แต่การถูกทิ้งให้เผชิญกับหมอกโดยตรงคือการพิพากษาประหารชีวิตนั่นเอง อาชญากรรมเล็กน้อยค่อยๆ หายไป ตามด้วยอาชญากรรมระดับกลางจนถึงอาชญากรรมหนัก ดูเหมือนจะไม่มีใครคิดทำผิดคิดร้ายอีกต่อไป ทุกคนล้วนตกอยู่ภายใต้ชะตากรรมเดียวกัน และทำให้ทุกคนเกิดความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน

แต่การเห็นใจซึ่งกันและกันนั้นเป็นเพียงการบรรเทาความรู้สึกผิดทางศีลธรรม หมอกสีเทาได้แบ่งแยกผู้คนอย่างชัดเจน สำหรับบุคคลชั้นสูง บุคคลที่มีฐานะ พวกเขาขังตนเองอยู่ในอาคารที่ปลอดภัย กำแพงหนาหนักพอที่จะป้องกันการบุกรุกของหมอก เครื่องฟอกอากาศชั้นดีที่จะทำให้ทุกพื้นที่หายใจได้อย่างสะดวก พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่เหล่านั้น สั่งอาหารและบริการต่างๆ ผ่านตัวแทน กำหนดและบริหารกิจการงานต่างๆ ผ่านตัวแทน ไม่มีความจำเป็นสำหรับพวกเขาที่จะออกมาเผชิญชีวิตในโลกภายนอก

ดังนั้น หนึ่งปีหลังการบุกรุกของหมอก พวกเขาก็เป็นกลุ่มคนที่ถูกลืม ไม่มีใครได้เห็นพวกเขาอีก และพวกเขาก็ไม่ปรารถนาจะติดต่อกับใครอีกเช่นกัน พวกเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของหมอกที่ไม่มีใครมองเห็นได้อย่างสะดวกอีกต่อไป

 

คงเหลือเพียงชนชั้นกลางและชนชั้นล่างเท่านั้นที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง

ไม่ใช่รถยนต์ ไม่ใช่อาคารบ้านเรือน ไม่ใช่อาหาร ไม่ใช่เสื้อผ้าที่แบ่งแยกพวกเขาออกจากกัน หากแต่เป็นหน้ากากป้องกันหมอกที่ทำหน้าที่แบ่งแยกเช่นนั้น

ผู้ที่ใช้หน้ากากที่ทำจากวัตถุดิบคุณภาพดี มีไส้กรองที่กรองฝุ่นและควันได้อย่างละเอียด มีสีสันที่ทำให้เห็นได้แม้ในอากาศซึมเซา

ผู้คนเหล่านั้นจะถูกยกย่องให้แตกต่างจากคนอื่น

พวกเขาสามารถซื้อหาอาหารได้ก่อนใคร สามารถเดินเข้าสถานีรถไฟก่อนใคร

สามารถเลือกบริโภคและเลือกสัญจรได้ก่อนใคร

ไม่ใช่เพราะการที่พวกเขามีทรัพย์สินมากกว่า แต่เพราะการที่พวกเขามีหน้ากากป้องกันที่ดีกว่าทำให้พวกเขาเป็นพวกที่แข็งแรงกว่าบุคคลอื่น

และการมีสุขภาพที่เเข็งแรงกว่าบุคคลอื่นในยามที่หมอกสีเทารุกเร้าสังคมอยู่นี้ ย่อมหมายถึงการมีทรัพย์สินจำนวนมากเป็นทุนเดิมอยู่ในมือแล้ว

การมีสุขภาพที่ดีคือต้นทุนทางสังคมที่เหนือกว่าบุคคลอื่นอย่างชัดเจน

สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะโรงพยาบาลได้กลายเป็นสถานที่ร้างไปเสียแล้ว

ผู้ป่วยไข้ด้วยโรคภัยไข้เจ็บอย่างอื่น อาทิ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน จนแม้กระทั่งโรคทางเดินอาหาร เมื่อผนวกรวมเข้ากับอาการป่วยจากโรคทางเดินหายใจ อาการของพวกเขาย่อมทรุดหนักลงโดยปริยาย เช่นเดียวกับนักโทษในคุกกลางแจ้ง ผู้ป่วยจากโรคทุกโรคที่ถูกแทรกซ้อนด้วยผลจากหมอกย่อมมีความตายรออยู่เบื้องหน้า เพียงแต่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ไม่มีการรักษาอีกต่อไปในหมู่คนป่วยเหล่านั้น และนั่นทำให้โรงพยาบาลจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่อันห่างไกลต้องปิดตัวลง คุกกำลังขยายตัวมากขึ้นตามจำนวนผู้ถูกกระทำผิด แต่โรงพยาบาลกลับลดจำนวนลงตามจำนวนผู้ป่วย ไม่น่าเชื่อว่าในที่สุดปัญหาพื้นฐานของสังคมสองข้อใหญ่ก็ถูกกำจัดไปด้วยหมอก ไม่มีใครอยากกระทำผิด อาชญาวิทยาเป็นศาสตร์ที่ไม่พัฒนาอีกต่อไป ไม่มีใครอยากเป็นผู้ป่วย งานบริการด้านสาธารณสุขไม่มีการพัฒนาอีกต่อไปเช่นกัน สังคมที่ปราศจากทั้งอาชญากรและผู้เจ็บไข้ได้ป่วยดูเสมือนจะเข้าใกล้สังคมอุดมคติเข้าทุกที

เว้นเพียงแต่ว่าในสังคมอุดมคติที่ใฝ่ฝันมาเนิ่นนานนักนั้นไม่เคยรวมการเกิดขึ้นของหมอกไว้ในนั้นด้วยเลย

 

ในสภาพการณ์ของหมอกมีบุคคลสองกลุ่มที่ทรงอิทธิพล พวกเขาทำงานที่ทรงคุณค่าให้กับสังคม ไม่ใช่ทหาร เพราะไม่มีสงครามอีกต่อไป

ศัตรูที่รุกรานสังคมมีเพียงหมอกซึ่งไม่อาจใช้กำลังทหารเข้าจัดการ

ไม่ใช่ตำรวจเพราะอาชญากรรมจบสิ้นไปแล้ว

ไม่ใช่ครูหรืออาจารย์ เพราะไม่มีใครยอมฝ่าหมอกไปเรียนหนังสือ อาชีพสำคัญอื่นๆ ถูกลดทอนและทำให้สูญหายไปจากสังคม หลงเหลือเพียงบุคคลสองประเภทที่จำเป็นสำหรับการต่อสู้กับหมอก บุคคลประเภทแรกคือลูกจ้างในโรงงานผลิตหน้ากากป้องกันหมอกควันและโรงงานผลิตเครื่องฟอกอากาศ พวกเขามีจำนวนมากตามปริมาณโรงงาน ดังที่กล่าวว่ากำลังการผลิตถูกเพิ่มขึ้นไปอย่างไม่สิ้นสุด

ดังนั้น ผู้คนจำนวนมากจึงเปลี่ยนอาชีพตนเองจากอาชีพเดิมมาสู่ลูกจ้างและคนงานของโรงงานดังกล่าว

ลูกจ้างที่มีฝีมือจะเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่นจากโรงงานผลิตหน้ากากป้องกันหมอกคุณภาพต่ำไปสู่โรงงานผลิตหน้ากากป้องกันหมอกคุณภาพสูง ลูกจ้างที่มีฝีมือจะเปลี่ยนงานจากโรงงานผลิตเครื่องฟอกอากาศแบบธรรมดาไปสู่โรงงานที่ผลิตเครื่องฟอกอากาศแบบซับซ้อน

อาชีพดังกล่าวนี้เป็นอาชีพยอดปรารถนาของทุกคน

การได้ทำงานในสภาพบรรยากาศที่ปราศจากหมอก มีเครื่องป้องกันหรือเครื่องฟอกอากาศที่หยิบฉวยมาใช้ได้ไม่จำกัดคือการรับประกันถึงคุณภาพชีวิตที่ดี อัตราการเปลี่ยนงานในอาชีพดังกล่าวนี้เท่ากับศูนย์

และมีแนวโน้มที่จะเป็นอาชีพหลักขนาดใหญ่ของสังคมในไม่ช้า

 

ในขณะที่อาชีพในโรงงานผลิตหน้ากากและเครื่องฟอกอากาศกำลังเป็นอาชีพที่ขยายตัว บุคคลอีกกลุ่ม บุคคลอีกอาชีพที่ทรงอิทธิพลในสังคมแต่ทว่ากลับมีปริมาณจำนวนน้อยกว่าอาชีพแรกอย่างมากคือเหล่านักวิจัยในโครงการต่อสู้กับหมอก

มีโครงการที่ว่านี้นับหมื่น นับพัน ในทุกพื้นที่ของเมืองเล็กๆ แห่งนี้

มีตั้งแต่โครงการที่แลดูเป็นไปได้อย่างโครงการสร้างตาข่ายนาโนที่ปล่อยหมอกออกไปจากเมืองและป้องกันไม่ให้หมอกกลับมาได้อีก

ไปจนถึงโครงการที่ฟังดูเพ้อฝันอย่างโครงการเพาะพันธุ์พืชที่กลืนกินหมอกไม่ต่างจากต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่กลืนกินแมลง

มีตั้งแต่โครงการที่ฟังดูเป็นวิทยาศาสตร์อย่างโครงการเปลี่ยนหมอกให้เป็นพลังงานพลาสม่าชนิดหนึ่งไปจนถึงโครงการที่ฟังดูเป็นไสยศาสตร์

อย่างโครงการสร้างภูตล่องลอยที่เกิดจากการรวมหมอกที่ชั่วร้ายเข้าด้วยกันและอบรมสั่งสอนให้ภูตหมอกเหล่านั้นกลับใจ

โครงการวิจัยเหล่านี้ไม่ว่าจะฟังดูมีเหตุผลหรือไร้เหตุผลเพียงใดก็ล้วนมีกองทุนสนับสนุนจำนวนมาก

สาเหตุหนึ่งมาจากความสิ้นหวังของผู้คนที่พร้อมจะลงทุนในทุกทางเลือกที่คิดว่าจะเป็นทางรอด

จำนวนนักวิจัยในโครงการเหล่านี้แม้จะไม่มากเท่าจำนวนคนงานหรือพนักงานหรือลูกจ้างในโรงงานผลิตหน้ากากป้องกันหมอกและเครื่องฟอกอากาศ แต่พวกเขาก็มีจำนวนไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน

ตัวละครเอกของเราสองคนอยู่ในบุคคลกลุ่มนี้เอง