ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ |
เผยแพร่ |
เคยเข้าไปพูดคุยกับผู้ต้องขังในเรือนจำเกี่ยวกับงานวรรณกรรม ซึ่งทางเรือนจำเลือกผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนหนึ่ง หลายคนล้วนมีเรื่องราวอยากระบาย อยากเล่าผ่านข้อเขียนทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง
มีคนหนึ่งกล่าวให้ฟังราวภาษิตคำคมว่า
“ประตูโบสถ์เปิดกว้าง แต่มีคนเข้าน้อยนิด
ประตูคุกปิดสนิท แต่มีคนเข้ามากมาย”
ครั้งสุดท้ายไปเยี่ยมเพื่อนผู้ต้องขังที่เรือนจำคลองเปรม กับคุณรัชนี ธงไชย แห่งโรงเรียนหมู่บ้านเด็กเมืองกาญจน์ เพื่อนผู้ต้องขังเล่าให้ฟังถึงห้องสมุดในเรือนจำว่าน่าจะพัฒนาปรับปรุงได้ดีกว่านี้ ด้วยหนังสือที่มีอยู่ขาดการคัดสรรเท่าที่ควร
ถ้าได้พัฒนาปรับปรุง หนังสือจะสร้างคนดีซึ่งจะช่วยลดภาระให้กับทางเรือนจำได้ไม่น้อยเลย
ที่โรงเรียนหมู่บ้านเด็กมีโครงการตู้หนังสือในบ้านเด็ก โดยให้ครูจากโรงเรียนต่างๆ คัดเลือกเด็กในโรงเรียน เห็นใครรักอ่านจริง ทางมูลนิธิเด็กที่ดูแลหมู่บ้านเด็กจะจัดตู้บรรจุหนังสือที่เหมาะสมตามวัยและความชอบของเด็กไปมอบให้เด็กไว้ที่บ้านของเด็กเองเลย
ไม่ใช่มอบให้หรือมอบไว้ที่โรงเรียน
มีเงื่อนไขว่า เด็กที่ได้ตู้หนังสือต้องชวนเพื่อนมาอ่านด้วย ทางโรงเรียนหมู่บ้านเด็กจะสำรวจความเป็นไป พร้อมจะเปลี่ยนหนังสือให้ใหม่ในระยะเวลาหนึ่งสืบไป
ปัจจุบันมีเด็กอยู่ในโครงการทุกภาคทั่วประเทศแล้วถึงกว่าหนึ่งพันคน กว่าพันตู้
เป็นการสร้างโอกาสการเข้าถึงหนังสือของเด็กผู้ด้อยโอกาส และเป็นการนำหนังสือดีเข้าถึงเด็กผู้ต้องการโอกาสด้วย
เพราะฉะนั้น ความคิดของเพื่อนผู้ต้องขังในเรือนจำเรื่องหนังสือ ห้องสมุดในเรือนจำจึงน่าชื่นชมยิ่ง ด้วยเป็นการสร้างโอกาสเข้าถึงหนังสือของผู้ขาดโอกาสและเป็นการนำหนังสือดีเข้าถึงผู้ต้องการโอกาสนั้นด้วย
เด็กเป็นผู้ด้อยโอกาส
ผู้ต้องขังเป็นผู้ขาดโอกาส
หนังสือที่ดีที่เหมาะสมจะเป็นสิ่งเติมเต็มให้แก่เขาได้อย่างดียิ่ง
เรานำเรื่องนี้มาคุยกันเชิงเสวนาโดยมีเจ้าหน้าที่เรือนจำร่วมด้วย เห็นพ้องต้องกันว่าควรเป็นโครงการที่ต้องดำเนินให้เป็นรูปธรรม คือนอกจากคัดสรรหนังสือดีเข้าห้องสมุดเรือนจำแล้วควรมีกิจกรรมร่วมอ่านหนังสือคือ นอกจากอ่านแล้วยังร่วมพูดคุยถึงสิ่งที่ได้จากหนังสือนั้นๆ ด้วย เป็นกลุ่มอ่านหนังสือนั่นเอง
เพราะหนังสือเปลี่ยนชีวิตคนให้ดีขึ้นได้จริง
ขอยกตัวอย่าง ผู้ขาดโอกาสคนหนึ่ง เธอเป็นหญิงสาวตาบอดข้างเดียวมาแต่กำเนิด เพราะคลอดก่อนกำหนด ต้องเข้าตู้อบ ทำให้ตาข้างซ้ายบอดสนิท ฟังเธอเล่าดีกว่า
“…แต่ฉันก็ไม่ลำบากอะไรกับการมองโลกด้วยดวงตาข้างเดียว ฉันเรียนวิ่งเล่นอย่างเพลิดเพลินและสดใสในวัยเด็ก เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นฉันเริ่มวาดฝันอนาคต ฉันมักจะสมมุติว่าตัวเองได้ทำอาชีพต่างๆ ฉันจะมีชีวิตอย่างไร เป็นครู เป็นหมอ เป็นพยาบาล กระทั่งจินตนาการไปถึงอาชีพนักบินอากาศ
แต่ฉันก็ถูกความเป็นจริงกระชากให้ตื่นจากฝันงดงาม เมื่อวันหนึ่งฉันลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ตนเองกลายเป็นคนตาบอดสนิทไปเสียแล้ว
“เมื่อโลกภายนอกดับมืดลง ครูสอนวิชาภาษาไทยจูงมือฉันให้ออกเดินทางสำรวจโลกภายในผ่านเสียงอ่านหนังสือบทกวี เล่มแล้วเล่มเล่า ฉันค้นพบดวงไฟขาววิสุทธิ์ที่ถูกซุกซ่อนอยู่ในตน
ฉันใช้แสงสว่างนี้นำทาง พาตนเองก้าวเดินมาจนจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง นิเทศศาสตร์ (ประชาสัมพันธ์) มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม”
เธอใช้นามปากกาเขียนกวีว่า “รินศรัทธา กาญจนวตี” ชื่อเล่นที่เราเรียกกันคือน้อง “ลูกหมู”
นี่คือกลอนบทหนึ่งที่เธอเขียนไว้ในหนังสือ “ทุกขณะกระจ่างรัดสัมผัสใจ”
โลกความจริงมืดยิ่งกว่า “หลับตาสนิท”
ยังมีสิทธิ์เห็นความงาม ความสดใส
เมื่อตาหลับกลับสว่าง กว้างและไกล
ฉันมี “โลกดวงใหญ่” อยู่ในนั้น ฯ
โลกดวงใหญ่ของน้องลูกหมูคือ โลกของการอ่านและเขียนหนังสือ อันเป็นดั่งดาวฤกษ์ส่องแสงได้ในตัว ให้สว่างทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น
เธอมีโอกาสได้อ่านหนังสือทั้งจากเสียงและจากสื่อพิเศษสำหรับคนพิการทางสายตา หนังสือได้สร้างชีวิตใหม่ให้กับเธอได้จริง
นี่คือบทพิสูจน์ว่า หนังสือเปลี่ยนชีวิตคนให้ดีกว่าเดิมได้
ผู้ต้องขังในเรือนจำไทยว่าเวลานี้มีถึงเกือบสี่แสนคน นับเป็นผู้ขาดโอกาสที่ดูเหมือนจะเป็นภาระทั้งแก่รัฐและสังคม การสร้างโอกาสให้เขาได้พัฒนาชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากกระบวนการทั้งหลายบรรดามีนั้นแล้ว การให้เขาได้เข้าถึงหนังสือ และกิจกรรมเกี่ยวกับหนังสือตามเหมาะสม ควรเป็นกระบวนการหนึ่งที่ต้องทำ
โครงการหนังสือในเรือนจำกำลังเริ่มแล้ว
มีคำกล่าวว่า “คนรู้หนังสือ แต่ไม่อ่านหนังสือ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนไม่รู้หนังสือ” เวลานี้มีคนไม่รู้หนังสืออยู่มากมาย เพราะไม่อ่านหนังสือ
เหตุสำคัญประการหนึ่งที่คนไม่อ่านหนังสือทั้งที่รู้หนังสือ ก็คือ โอกาสที่คนจะเข้าถึงหนังสือกระทั่งรักการอ่านหนังสือนั้นมีน้อยเกินไปหรือแทบไม่มีเลย จนมีคำเปรียบเปรยว่า
ห้องสมุดคือคุกขังหนังสือ
ช่วยกันเปิดประตูคุกให้หนังสือได้เข้าถึง
ดวงตาที่เรือนจำไม่อาจจำจองกันเถิด