แรงกระเพื่อม ดีลลับ “ภูมิใจไทย” “รั่ว” สปอตไลต์จับ “บิ๊กช้าง” (ว่าที่) แคนดิเดต “พิทักษ์ 1”

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ครั้งประวัติศาสตร์ 5 ปีหลังการรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาล “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” รัฐบาลพรรคเพื่อไทย

นับจากปิดหีบวันที่ 24 มีนาคมเป็นต้นมา จนตอนนี้ แปลกแต่จริง ยังไม่มีความชัดเจนทั้งเรื่องคะแนนแสียง และสูตรการคำนวณ

คะแนนเสียงเพื่อคิดจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ขณะที่บรรยากาศทางการเมืองเริ่มตั้งเค้าความขัดแย้ง ความคิดเห็นของคนในสังคมเริ่มปรากฏเค้าลางแบ่งฝักฝ่าย!!

แม้คะแนนเสียงจำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคจะได้ ยังไม่เคาะสรุป 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็พอเห็นตัวเลขคร่าวๆ ทำให้ตั้งแต่คืนวันที่ 24 มีนาคมเป็นต้นมา

เป็นช่วงเวลาของการเจรจาต่อรองรวบรวมจำนวน ส.ส.ให้ได้มากกว่า 251 เสียง และมากพอของ 2 ขั้วการเมือง ที่ต่างมีเป้าหมายเพื่อจัดตั้งรัฐบาล

ทั้งฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้แต้มคะแนนดิบนำลิ่ว ที่ประกาศชัด ชูสโลแกน “ให้ลุงตู่อยู่ต่อ” ชู “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ต่อเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

ส่วนอีกฟากพรรคเพื่อไทยที่จับมือเหนียวแน่นกับพรรคอนาคตใหม่ ที่มีจำนวน ส.ส.มากกว่า ยังแทงกั๊กใครจะเป็นผู้นำรัฐบาล

ท่ามกลางสารพัดดีล การจับมือตั้งรัฐบาลสารพัดสูตร เกิดข่าวสะพัด “มหาดีล” ว่าพรรคภูมิใจไทย พรรคการเมืองเสียง ส.ส.ในมือเกินครึ่งร้อยและเนื้อหอมที่สุดในช่วงดีลจับขั้วตั้งรัฐบาล

ข่าวหลุดว่า “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ส่งสัญญาณต่อรองโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ ให้คนที่พรรคสนับสนุนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทย 2 กระทรวงเกรดเอ

แพลมชื่อ “บิ๊กสีกากี” แปะป้ายจอง “มท.1” ในนาม “ภูมิใจไทย” โฟกัสจับไปที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือ “บิ๊กแป๊ะ” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่สายสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับนายเนวิน ชิดชอบ ผู้มีบทบาทสำคัญในพรรคภูมิใจไทย ความสนิทสนมกับเสี่ยหนู ก็จัดว่าไม่ธรรมดา

จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 36 ตำแหน่งแรก “หมวดแป๊ะ” นายร้อยหนุ่มชาวชลบุรี ไปบรรจุตำแหน่งแรกรองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.เมืองบุรีรัมย์

นั่นคือจุดกระชับความสัมพันธ์กับคนตระกูล “ชิดชอบ” ในเส้นทางการเมืองของ “เนวิน ชิดชอบ” พึ่งพา เกื้อกูลมาตลอดกับนายตำรวจที่ชื่อ “จักรทิพย์ ชัยจินดา” นายตำรวจผู้เป็นดั่งนักประสานสิบทิศ

ในรัฐบาลปัจจุบัน พล.ต.อ.จักรทิพย์เป็น ผบ.ตร.ที่ถูกเลือกในรัฐบาลนี้ เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และเป็นหนึ่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ความสัมพันธ์กับกองทัพ ไม่ใช่เพียงแค่มีตำแหน่งผู้นำทัพตำรวจ แต่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ถือว่าซี้ปึ้กกับ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการกองทัพบก

ฐานความสัมพันธ์ที่มั่นคงในรัฐบาล คสช. และซูเปอร์คอนเน็กชั่นของนายตำรวจคนนี้ อาจเป็นปัจจัยนำมาสู่ “ซูเปอร์ดีล” ส่งเชื่อมต่อสู่รัฐบาลอย่างสง่างาม ถ้า “บิ๊กแป๊ะ” จะตีตราจองเก้าอี้ใหญ่ “มท.1” ก็ไม่ดูน่าเกลียด

น่าจะติดตรง “บิ๊กแป๊ะ” เกรงใจ “พี่ป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1 คนปัจจุบันอยู่บ้าง

กระแสข่าวนี้ไม่มีใครยอมรับ ยืนยัน แต่แน่นอนสร้างแรงกระเพื่อมไม่น้อย

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อยู่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.เข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว กำหนดเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2563 เหลือเวลาอีกปีกว่าๆ ครบวาระ และจะสร้างประวัติศาสตร์เป็น ผบ.ตร.ที่ครองเก้าอี้ได้นานถึง 5 ปี

ตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร.เมื่อ 1 ตุลาคม 2558 แม้อยู่ในรัฐบาล คสช. แต่ใช่ว่าขาเก้าอี้ ผบ.ตร.ของบิ๊กแป๊ะจะมั่นคงเท่าใดนัก

หลายครั้งสั่นไหวเขย่าแรง มีชื่อรอง ผบ.ตร.ที่ได้รับความไว้วางใจไม่แพ้กันจาก คสช. ขอขึ้นแคนดิเดต แพลมออกมาเป็นระยะ

หลายครั้งที่ปรับคณะรัฐมนตรีแพลมชื่อ “บิ๊กแป๊ะ” ไปติดโผหลายครั้ง ทว่าข่าวลือก็ไม่เกิดขึ้นจริง

ในที่สุด เก้าอี้ ผบ.ตร.ของ “บิ๊กแป๊ะ” ก็เหนียวแน่นมั่นคง หากบิ๊กแป๊ะต้องสละเก้าอี้ผู้นำทัพตำรวจก่อนเวลาอันควร เก้าอี้ใหม่ก็ต้องพรีเมียม!!

หากพรรคพลังประชารัฐจับขั้วตั้งรัฐบาลได้สำเร็จโดยมีพรรคภูมิใจไทยเป็นตัวแปรบวก แน่นอนว่านายกรัฐมนตรีต้องชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และหาก “บิ๊กแป๊ะ” ตกปากรับคำ ถอดเครื่องแบบสีกากีไปนั่งเจ้ากระทรวงคลองหลอด โฟกัสจับที่เก้าอี้ ผบ.ตร.ที่จะว่างลงทันที

หาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ คือผู้นำรัฐบาล ค่อนข้างคาดการณ์ได้ว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ยังคงมีบทบาท เป็นคนสำคัญในรัฐบาล และอิทธิพลของบิ๊กป้อมยังคงครอบคลุมในกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เก้าอี้ ผบ.ตร.ที่ว่าง สปอตไลต์จับไปที่ “บิ๊กช้าง” พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร.ทันที แม้ว่าความอาวุโสจะด้อยกว่าจเรตำรวจแห่งชาติ และรอง ผบ.ตร.คนอื่นๆ

แต่สายสัมพันธ์และคะแนนความไว้วางใจจาก “บิ๊กป้อม” พล.ต.อ.ชัยวัฒน์มีมากกว่าใคร ทุกวันนี้บิ๊กป้อมไปงานไหน ต้องควงบิ๊กช้างน้องรักไปด้วย

ในแวดวงสีกากีทราบดี นาทีนี้ “บิ๊กช้าง” คือน้องเลิฟ ไปไหน “เฮียป้อม” ต้องเรียกหา

บิ๊กช้างใช้เวลาเพียง 2 ปี ขยับจากผู้บัญชาการ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และผงาดนั่งเก้าอี้ “รอง ผบ.ตร.” เก้าอี้ที่มีโอกาสชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. ผู้นำสีกากี ด้วยแรงสนับสนุนจากบิ๊กป้อม และ “บิ๊กแป๊ะ” เพื่อนซี้ ร่วมรุ่น นรต.36

พล.ต.อ.ชัยวัฒน์เป็นนายตำรวจมากฝีมือ เป็นเพื่อนคู่ซี้บิ๊กแป๊ะแต่ไหนแต่ไรมา “จักรทิพย์-ชัยวัฒน์” ควงคู่ บัดดี้ทีมสืบสวน หาก พล.ต.อ.จักรทิพย์สไลด์ไปนั่งเก้าอี้เสนาบดี โอกาสดันเพื่อนรักอย่างบิ๊กช้างก็เหมาะเจาะลงตัว

แต่เรื่องไม่แน่นอนในแวดวงสีกากีเกิดขึ้นได้เสมอ ผู้ถูกเลือกครองเก้าอี้ผู้นำตำรวจต้องผ่านปัจจัยมากมาย อย่าลืมว่าแคนดิเดตคนอื่นๆ ก็ไม่ธรรมดา ทั้ง พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ หรือบิ๊กใหม่ จเรตำรวจแห่งชาติ เพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 อีกคน ที่ชื่อชั้น ฝีมือ และคอนเน็กชั่นไม่ธรรมดา หรือม้ามืด ม้าขยันอย่าง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.นรต.37 ที่มองข้ามไม่ได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม อีกมุมหนึ่งหากรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐมาได้ “ลุงตู่อยู่ต่อ” ตำรวจไทยก็ยากจะสลัดจากวังวนเดิมๆ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ที่สีกากีร้องระงมตลอด 5 ปีที่ผ่านมา