ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 22 - 28 มีนาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
เลือกตั้ง สำคัญ
ก้าวแรกของการต่อสู้
กับระบอบ คสช.
ไม่ว่าผลการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม จะออกมาในรูปแบบใด นั่นก็คือ ชัยชนะอย่างท่วมท้นเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ
หรือเป็นของพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่
แต่ก็ต้องยอมรับว่า บรรยากาศทางการเมืองนับแต่เมื่อเดือนธันวาคม 2561 กระทั่งมาถึงเดือนมีนาคม 2562 มีความคึกคักเป็นอย่างสูง
ความเป็นจริงต่างๆ ในทางการเมืองได้รับการนำเสนอ วิพากษ์วิจารณ์
ไม่ว่าจะเป็นความจริงจากทางด้านของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็นความจริงจากทางด้านของพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่
เป็นความจริงในลักษณะ 2 ด้าน เป็นความจริงอันมีความแตกต่างกัน
รัฐธรรมนูญที่เคยถูกมองว่าเป็นของสูง ไม่มีใครกล้าแตะต้อง เมื่อวางแบอยู่ ณ เบื้องหน้าประชาชน ก็มีความเห็นไปหลายหลาก และความรู้สึกร่วมก็คือ มีเสียงเรียกร้องต้องการให้มีการแก้ไข เพียงแต่จะแก้ไขโดยทันทีหรือว่ากำหนดมาตรการและขั้นตอนอย่างไร
ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับร่วมกันว่าก็คือ แนวโน้มและทิศทางในทางการเมืองส่อความเรียกร้องต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง
มีความเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คือก้าวแรกไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญ
2 เหตุ 2 ปัจจัย
การเปลี่ยนแปลง
นํ้าหนักของการเปลี่ยนแปลง 1 ซึ่งสำคัญเห็นว่ากระแสในทางสังคมทั้งในทางความคิด ทั้งในทางการเมือง ทั้งในทางวัฒนธรรมจะเป็นปัจจัยสำคัญให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เริ่มจากความคิด “ประชาธิปไตย” อันเป็นกระแสหลักในทางสากล
ตามมาด้วยข้อเปรียบเทียบระหว่างการเมืองไทยนับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมาเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับท่าทีในต่างประเทศ ไม่ว่าจะจากสหภาพยุโรป ไม่ว่าจะจากสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะจากกลุ่มอาเซียนด้วยกัน
ยิ่งกว่านั้นยังเห็นนวัตกรรมใหม่ในทางเทคโนโลยีจะทำให้การเมืองภายในเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทบาทของอินเตอร์เน็ต ออนไลน์
การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ที่มีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือได้ก่อกระแสในทางความคิด ในทางการเมือง และนำไปสู่การจัดตั้งผ่านรูปแบบต่างๆ หลากหลาย ได้กลายเป็นตัวอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนโฉมในทางการเมือง
ขณะเดียวกัน ปัจจัย 1 ซึ่งดำรงอยู่ในสังคมไทยก็คือ ความอึดอัดคับข้องของประชาชนต่อระบอบการปกครองอันเป็นผลมาจากรัฐประหาร อันเป็นผลมาจาก คสช.
นี่ย่อมเป็นปัจจัยภายในของประเทศ ปัจจัยของสังคมไทย
รัฐประหาร เผด็จการ
สถานะ ระบอบ คสช.
ถามว่ากระแสเรียกร้องต้องการประชาธิปไตยที่ขึ้นสูงเป็นอย่างยิ่งทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์การดำรงอยู่ของระบอบการปกครองอันเป็นผลพวงจากการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ของ คสช.เป็นอย่างสูง มีมูลเหตุมาจากอะไร
คำตอบ 1 คือเป็นกระแสกดดันจากปัจจัยในทางสากลอันเป็นเรื่องทางการเมือง และปัจจัยในทางเทคโนโลยีทำให้การดำรงอยู่ของระบอบ คสช.ขัดแย้งกับความเป็นจริงในทางสากลที่ต้องการประชาธิปไตย
คำตอบ 1 คือความพยายามอย่างเต็มกำลังของ คสช.ในการจัดวาง “ระบอบ” ทางการเมืองการปกครองโดยผ่านประกาศและคำสั่ง ผ่านการยกร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านการยกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ กระทั่งก่อรูปขึ้นเป็น “ระบอบ คสช.”
และที่สุดก็ใช้กลไกเหล่านี้ผ่านกระบวนการของการเลือกตั้งเพื่อสร้างความชอบธรรมผ่านกระบวนการสืบทอดอำนาจ
คำประกาศของพรรคประชาธิปัตย์ในการไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่พร้อมอ้าแขนรับและร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย คือความพยายามในทางยุทธวิธีที่จะช่วยให้ได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง
สถานีสุดท้ายของคำประกาศเช่นนี้ก็คือ การต่อเนื่องและสืบทอดอำนาจของ “ระบอบ คสช.” ให้ดำรงคงอยู่ต่อไป
เลือกตั้ง 24 มีนาคม
เปิดประตู ประชาธิปไตย
บทบาทและความหมายของการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม คือบทบาทและความหมายในการเหยียบบาทก้าวแรกไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยในทางความคิด ในทางการเมืองและในทางการจัดตั้ง
ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ได้ชัยชนะ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ได้ชัยชนะ
ชัยชนะเหล่านี้เสมอเป็นเพียงขั้นตอนเบื้องต้น เพราะในที่สุดแล้วทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังภายใต้โครงครอบแห่งระบอบ คสช.ที่บงการผ่านรัฐธรรมนูญ ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะมีเสถียรภาพ ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะดำรงอยู่อย่างยาวนาน
การเลือกตั้งครั้งต่อไปต่างหากจะเป็นจังหวะก้าวอันทรงความหมายยิ่งและจะนำการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงมายังสังคมประเทศ