วิเคราะห์ : ข่าวระทึก 24 มี.ค. กระแส ‘ดุ’ โค้งสุดท้าย ลุ้น ‘ผล’ จากคูหา

แมลงวันในไร่ส้ม

ข่าวระทึก 24 มี.ค.

กระแส ‘ดุ’ โค้งสุดท้าย

ลุ้น ‘ผล’ จากคูหา

 

การเลือกตั้งล่วงหน้า 17 มีนาคม ผ่านไปด้วยตัวเลขสวยงาม ประชาชนออกมาใช้สิทธิถึง 87%

จากจำนวนผู้ลงทะเบียน 2.6 ล้านคน

แล้ว 24 มีนาคม กระแสประชาชนจะไหลทะลักหรือไม่ และมาโหวตให้ใคร

คะแนนจะเป็นของใคร ต่างคนต่างเคลม ต่างฝ่ายต่างตีความ

 

เปลว สีเงิน เขียนคอลัมน์ในไทยโพสต์ เมื่อ 18 มีนาคม เรื่อง “แค่ ‘ล่วงหน้า’ ก็รู้ว่า ‘ใครร่วง'” ระบุว่า เซียนเลือกตั้งบอกว่า ไม่ต้องรอหีบใหญ่วันที่ 24 มีนาคมหรอก แค่ “รินถ้วย-ฟังเสียง” เมื่อวาน 17 มีนาคม แทง “ยกเค้า” ได้เลย!

เพราะการตื่นตัวออกมาใช้สิทธิ์ของคนไทยทุกวัย-ทุกเพศอันไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์เลือกตั้ง อย่างที่เห็นไม่ต้อง exit poll ก็แหงแก๋!

ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด  51 ล้านคน มาลงทะเบียนใช้สิทธิ์ล่วงหน้ากัน 2.6 ล้านคน แนวโน้มวันเลือกตั้งจริง 24 มีนาคม “ทั่วประเทศ” 350 เขต คนจะทะลักออกมาใช้สิทธิ์กัน รวมแล้วไม่น่าต่ำกว่า 40 ล้านขึ้น จะขึ้นถึง 85-90% ด้วยซ้ำ!

เปลววิเคราะห์ว่า ผู้มาใช้สิทธิเที่ยวนี้ เป้าหมายหลัก เลือกตัว “นายกฯ” มากกว่า

ถ้าคนมาใช้สิทธิ์เรต 55-70% อย่างที่ผ่านๆ มา จะเป็นประเภท “มาตามนัด” พรรคใคร-พรรคมัน มาเลือกเสาไฟฟ้า เลือกพระเอกยี่เกไปตามเรื่อง

แต่ถ้าคนออกมามาก ถึงขั้นเกิน 80% ขึ้นไป จะเป็นกลุ่ม “พลังเงียบ” เมื่อออกมา แสดงว่าเขา “ปักใจ” ออกมาเลือกคนที่ “ไม่ใช่พวกคุณ” โดยตรงอยู่แล้ว ที่ว่า “พลิกล็อกถล่มทลาย” ก็แบบนี้แหละ!

และเสนอให้จับตา “คะแนนสตาร์ต” ตอนเปิดหีบ พอเปิดหีบ “ขานคะแนน” ปั๊บ ซัก 5-10 นาที อย่างสูงไม่เกินครึ่งชั่วโมง รู้แล้วว่าพรรคไหนจะได้ ส.ส.มากเป็นอันดับ 1 พรรคที่จะชนะ จะนำแต่ออกสตาร์ต ธรรมชาติเป็นอย่างนี้

สังเกตเมื่อวาน “ตลาดเลือกตั้งแตก” แต่ปรากฏว่า “ไม่มีสัญญาณกระดี๊-กระด๊าจากไอ้สันดานแดนไกล” เลย!

ก่อนจะยกเอาความเห็นของสมเกียรติ โอสถสภา “Somkiat Osotsapa” โพสต์ก่อนวันเลือกตั้งล่วงหน้า ระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ดีมากครับ ผมติดตามด้วยความรู้สึกปีติ เต็มตื้น อิ่มอกอิ่มใจ

ประเทศไทยของผม ของเรา เริ่มกลับมาเหมือนเดิม คุ้มค่าที่นั่งทำงานหนักมาหกปี กลัวประเทศจะพัง

และอีกตอน นายสมเกียรติระบุว่า หลังเลือกตั้ง พรรคที่ร่วมรัฐบาลต้องมาทำนโยบายคิดเงินร่วมกัน จะได้ปาล์มสิบบาทไหม ยางแปดสิบไหม ข้าวหนึ่งหมื่นขึ้นไหม ค่าแรงเท่าใด อย่าลืมสินค้าควบคุม 22 ชนิดด้วยนะ

ตอนนี้เลือกพรรคที่ชอบ ยังไม่ต้องห่วงเรื่องเงินครับ

เรามีอะไรจะบอกรัฐบาลลุงตู่เยอะเหมือนกัน รอตั้งรัฐบาลใหม่ก่อน ขี้เกียจทะเลาะด้วยตอนนี้ เพราะเสียเปรียบ

พร้อมกับเสนอให้เชิญบุคคลต่างๆ มาร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น หม่อมเต่า ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล, นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์

โดยระบุว่า คนที่ดีที่สุด อยู่ที่พรรคคุณสุเทพ

ดึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายกรณ์ จาติกวณิช แต่ไม่เอา นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มาก็ไม่เป็นไร

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย

ไม่ต้องห่วงเรื่องตั้งรัฐบาล หุ้นขึ้นแน่นอน ส่วน “เพื่อไทย” แพ้ไปเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เรียบร้อย

โดยสรุป มีความเชื่อมั่นอย่างสูงว่า เพื่อไทยแพ้ไปแล้ว รัฐบาลลุงตู่จะกลับมา ส่วน ครม. ให้เชิญทุกฝ่ายเข้าร่วม

เป็นกระแสความเชื่อในกลุ่มสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์และ คสช. ที่ย้ำว่า พรรคพลังประชารัฐจะได้จัดตั้งรัฐบาลแน่นอน

ซึ่งเข้าใจได้ เพราะรัฐธรรมนูญออกแบบไม่ให้มีพรรคใหญ่ที่ได้เสียงเด็ดขาด

ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ขึ้นกับเสียง ส.ว.จากการแต่งตั้งของ คสช. 250 คนเป็นสำคัญ

 

อีกกระแสที่มาแรง คือการต่อต้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคอนาคตใหม่

กระแสต้านแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่คะแนนนิยมของพรรคพุ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

มีการหยิบยกเรื่องเก่าเรื่องใหม่มาตั้งคำถาม ขณะที่พรรคการเมืองหลายพรรคเริ่มหาเสียงโจมตีพรรคนี้

ในการหาเสียงของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังมีการโจมตีนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ไปพร้อมกัน โดยนำไปเชื่อมโยงกับข้อกล่าวหาต่างๆ

นักเขียนดังอย่างศัลยา สุขะนิวัตติ์ ก็เคยหยิบเอาคำสัมภาษณ์ของธนาธรกับนิตยสารฉบับหนึ่ง ในปี 2560 เรื่องของ “Land of smile”

ระบุว่า “ธนาธร” กล่าวถึง Land of smile วิจารณ์การยิ้มของคนไทย ซึ่งศัลยาได้เขียนถึงเรื่องนี้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

“ลักษณะนิสัยประจำชาติ (National Characteristic) ไม่ใช่เรื่องพูดได้เล่นๆ ตามใจคิด ต้องผ่านกระบวนการเก็บข้อมูลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า ‘การวิจัย’ เพราะฉะนั้น จึงไม่ง่ายด้วยเหตุว่ามีตัวแปรมากมายที่ต้องควบคุมให้นิ่งจึงจะสรุปผลได้”

พร้อมกับระบุว่า การที่นายธนาธรสรุปนิสัยประจำชาติของคนไทย ทำให้เราเทคุณแน่นอนแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีการใช้สื่อออนไลน์ สื่อหนังสือพิมพ์ โจมตีนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่อย่างต่อเนื่อง

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด เคยโพสต์ทวิตเตอร์แสดงความเห็นถึงกรณีกระแสวิจารณ์ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่า “กระแสต้านธนาธร มีฐานที่มั่นมาจากปีกฝ่าย กปปส.เก่า พรรคของสุเทพนั่นแหละ ดันเอนกออกมาเปิดงานก่อน แล้วเสรี วงษ์มณฑา ตามมาซ้ำ เล่นเป็นลูกคลื่น ตั้งใจเบรกกระแส #ฟ้ารักพ่อ แต่ฝืดเต็มทน”

และ “ตอน อ.เอนกออกมาวิจารณ์ธนาธรพร้อมกราฟิกเป็นชุดๆ แสดงให้เห็นว่านี่เป็นการเดินเป็นขบวน ทีแรกคิดว่าออกมาแก้เกี้ยวเรื่องสุริยะใสติดคุก”

บ.ก.ลายจุดระบุด้วยว่า จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กของเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ช่วงนี้ก็มักโพสต์วิจารณ์หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง 24 มีนาคม จึงดุเดือดเลือดพล่านเป็นพิเศษ

ใครจะชนะการเลือกตั้ง ระหว่างขั้วพรรคเพื่อไทย กับขั้วพรรคพลังประชารัฐ เป็นคำถามสำคัญ และชี้ขาดล่วงหน้ายาก เพราะต่างได้เปรียบเสียเปรียบคนละอย่าง

และพรรคอนาคตใหม่จะฝ่าด่านสกัดของสารพัดเฮตสปีชและวาทกรรมกล่าวหา เข้ามาได้มากน้อยแค่ไหน

งานนี้อาจจะมีการหักปากกาเซียน แต่ชาวบ้านจะไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก