ฟ้า พูลวรลักษณ์ : หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (147) : มีคนบอกว่าสิ่งต่อไปนี้เป็นอดีต

ฟ้า พูลวรลักษณ์

มีคนบอกว่าสิ่งต่อไปนี้เป็นอดีต

๑ การปิดประเทศ

๒ ลัทธิชาตินิยม

๓ การปิดกั้นทางการค้า

๔ ความรังเกียจคนต่างชาติ

๕ ความคลั่งศาสนา

๖ การเหยียดผิว

๗ การกดขี่ทางเพศ

แต่สิ่งเหล่านี้ฝังตัวอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์ มันเพียงขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจ หากชาติใดเศรษฐกิจดี สิ่งเหล่านี้ก็จะค่อยๆ ลดน้อยลง พวกมันยังไม่ได้สูญหายไปไหน ฝังตัวลึกลง หมอบลง แต่วันใดเศรษฐกิจไม่ดี มันก็ชะโงหัวขึ้นมาใหม่ เติบใหญ่

แม้แต่ในอเมริกา หากเศรษฐกิจของเขาไม่ดี พวกเขาก็ไม่ต่างจากชาวแอฟริกัน

ในมุมกลับกัน หากชาวตะวันออกกลาง เศรษฐกิจดี พวกเขาก็ไม่ต่างกับชาวยุโรป ผู้ก่อการร้ายจะลดน้อยลง และหายไปเอง

ดังนั้น ที่บอกว่าเป็นอดีต ก็ไม่จริง เราเพียงคิดไปเอง

สิ่งนี้คือนิรันดร ที่ขึ้นกับเศรษฐกิจ

มนุษย์เราอุดมสมบูรณ์ไปด้วย

๑ อคติ

๒ ความเจ็บแค้น

๓ ความฝังใจ

๔ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

๕ ความกลัว

๖ การฉวยโอกาส

๗ การหาข้อแก้ตัว

ดังนั้น เราจึงไม่ไปไหน

เพราะเราเอาชนะสิ่งอื่นใด แต่เอาชนะตัวเองไม่ได้

ความแปลกอย่างหนึ่งในชีวิตฉันคือ คนทุกคนที่ฉันรู้จัก ไม่มีแม้แต่คนเดียว ที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นจิต ไม่มีใครเลยที่คิดว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์ ไม่มีใครคิดว่าตัวเองเป็นคอมพิวเตอร์ หรือความรักเป็นเพียงสิ่งที่เกิดจากสารเคมี ทุกคนก็ยอมรับว่าตัวเองมีจิตใจ และไม่คิดท้าทายเกินกว่านั้น ทุกคนให้ค่าจิตใจ

มันเรียบง่ายดี

แม้ในทางทฤษฎีจะเป็นไปได้ ที่เราเป็นเพียงหุ่นยนต์ชนิดหนึ่ง แต่มีเพียงคนแปลกมากๆ ที่จะคิดเช่นนั้นจริงๆ และถึงมีคนแบบนี้ ก็เป็นข้อยกเว้น คงเป็นเพียงหนึ่งในแสน ในล้าน ซึ่งก็คือไม่มี มวลชนยังคงเป็นจิต

มนุษย์ประหลาดที่คิดว่าตัวเองเป็นคอมพิวเตอร์ คงน่าสนใจมาก หากฉันได้เจอ แต่ฉันก็ไม่เคยเจอเลย

แต่ที่แปลกคือ เวลาเรามองคนอื่น เวลาเราคิด เราชอบมองข้ามจุดนี้ไป ยิ่งในทางการเมือง เรามองข้ามมันไปอย่างสนิท ยิ่ง คาร์ล มาร์กซ์ ยิ่งไปกันใหญ่ ข้ามไปไกลมาก กลายเป็นเพียงเรื่องของชนชั้น นี้เป็นความคิดที่มีพลัง แต่น่ากลัวยิ่งนัก ช่างเป็นยอดนักคิด แต่ทำลายล้าง เพราะมันข้ามจิต

มันไม่เพียงข้ามระบบทุนนิยม แต่มันข้ามจิต

นั่งตรวจสอบคลิปทางการเมืองนับร้อยนับพัน ที่แปลกใจคือ พวกเขาพูดคุยได้ทั้งวัน แต่พูดบนพื้นฐานของอคติ การคาดเดา การได้ยินมา การขยายข่าวลือ และทันใดนั้นเองสิ่งเหล่านี้ก็กลับคืนมา

๑ อคติ

๒ ความเจ็บแค้น

๓ ความฝังใจ

๔ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

๕ ความกลัว

๖ การฉวยโอกาส

๗ การหาข้อแก้ตัว

มันพยายามข้ามจิต

มันคือการครอบงำคนอื่นด้วยหลักการ ความคิด

บางคนอาจคิดว่า เราถูกครอบงำได้ด้วยเผด็จการ

แต่ที่จริงมันเป็นได้ทั้งสองทาง เราถูกครอบงำด้วยประชาธิปไตยด้วยก็ได้ หากเราข้ามจิต

ก็หากเรามองคนอื่นไม่ใช่มนุษย์ ตัวเราเองก็ไม่ใช่มนุษย์ไปด้วย หากเรามองไม่เห็นอดีตของคนอื่น เราก็ไม่มีอดีตด้วย

หากฉันคิดถึงใคร วิธีการคิดของฉันคือ การสมมุติว่าตัวเองเป็นเขา ทันใดนั้นฉันก็นิ่งอึ้งไปเลย เพราะฉันไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของเขา ไม่เข้าใจเขา ไม่ล่วงรู้ความรู้สึกของเขา

คนเดียวที่ฉันคิดได้ คือการคิดว่าตัวฉันคือฉัน แม้อย่างนั้นก็ยังยากมาก ชีวิตแต่ละวันที่ฉันอยู่ ยังยากเหลือแสน การจะใช้ชีวิตยังไง เอาตัวรอดยังไง ทำตัวยังไง

ในคลิปการเมือง พวกเขาจะคิดแทนคนอื่น อย่างฉาบฉวย ราวกับตัวเองเป็นพระเจ้า และเรามีพระเจ้านับพันล้านองค์ ทันใดนั้นโลกก็เข้าสู่หายนะ เพราะโลกที่มีพระเจ้าพันล้านองค์ มันร้อนรุ่ม ไม่รู้จะอยู่ยังไง

หากมนุษย์ยอมรับในจิตของคนอื่น เราจะตัวเล็กลงๆ จนกลายเป็นเพียงเด็กอนุบาล

ฉันมีชีวิตมาถึงวันนี้ ก็ยังอยู่อนุบาลหนึ่ง หลายสิบปีมาแล้ว ก็ขึ้นชั้นไม่ได้

เราไม่ยอมรับว่าคนอื่นเป็นจิต แต่ยอมรับว่าตัวเองเป็นจิต เหมือนที่ว่า เรายอมรับว่าชีวิตนี้ไม่เที่ยงแท้ แต่ก็พร้อมจะโกงกิน เรายอมรับในความจริง แต่ก็พร้อมจะพูดโกหก

เราพร้อมจะว่าคนอื่น แต่ก็พริบตาเดียว ตัวเองก็โกง

ชีวิตจึงกลายเป็นความขัดแย้ง และเราไม่สามารถเปลี่ยนคำจำกัดความของชีวิตตรงนี้ได้

บางคนอาจคิดว่าปัญหาเหล่านี้ยากเกินไป เป็นนามธรรมเกินไป เป็นเรื่องของปรัชญา

แต่นั่นคือการปฏิเสธจิต เนื่องจากจิต ที่จริงก็คือจักรวาลนั่นเอง มันลึกล้ำ กว้างใหญ่ มีหลายมิติ หากคุณยอมรับ คุณก็ต้องยอมรับคุณสมบัติเหล่านี้ด้วย ไม่อาจรับครึ่งเดียว

รับครึ่งเดียว ก็คือ ศรีธนญชัย

คือรับว่าตัวเองเป็นจิต แต่ไม่ยอมรับคนอื่น

นี้คือรับครึ่งเดียว และเป็นครึ่งที่ดีที่สุด

นี้คือการเข้าไปกินอาหารในภัตตาคาร แล้วไม่จ่ายตังค์

ประเด็นของบทความของฉัน คือการบอกว่า สิ่งนี้ไม่ใช่ปรัชญา แต่เป็นชีวิตจริง

อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องของเวลา

อดีตคือต่างประเทศ

ประโยคนี้ซึ้งใจฉัน

หมายถึงโลกในอดีต แตกต่างจากวันนี้ ในหลายสิ่ง ราวกับว่าเราอยู่ในอีกประเทศหนึ่ง เช่นเมืองไทยเมื่อห้าสิบปีก่อน ก็คืออีกประเทศหนึ่ง ไม่ใช่วันนี้

นักคิด นักวิจารณ์มากมายที่ไม่มองประเด็นนี้

สิ่งที่ซึ้งใจฉันเสมอในคนโบราณ คือฟัน

เพราะฟันของคนโบราณผุพัง บิดเบี้ยว

มันห่างไกลจากฟันของคนยุคนี้มาก เพราะโลกสมัยใหม่ หมอฟันพัฒนาไปไกลมาก เรามีการอุดฟัน ขูดหินปูน มีการวางรากฟันเทียม มีแม้แต่การดัดฟัน การขัดฟัน

คนโบราณไม่มีสิ่งนี้เลย เพียงแค่วัยกลางคน ฟันก็เสียเกือบหมดปากแล้ว

๑๐

มามองย้อนหลัง ก็ง่าย เช่น หากอเมริการู้อนาคต ว่าประเทศเวียดนามที่จริงแล้ว คือชาตินิยม การเลือกพรรคคอมมิวนิสต์เป็นเพียงความสะดวก รู้ด้วยว่า แต่ละประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ก็แตกต่างกัน แม้แต่จีนและรัสเซีย สองพี่ใหญ่ ก็แตกต่างกันมาก เป็นพืชสองชนิด ที่ไปด้วยกันไม่ได้เลย การรวมกันเพียงเกิดจากความกลัวโลกเสรี แต่โดยตัวมันเอง เป็นสองเผ่าพันธุ์ เกาหลีเหนือ เวียดนามเหนือ ล้วนแตกต่างออกไปอีก ไม่มีใครเหมือนใคร เช่นเดียวกับโลกเสรี แต่ละประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ก็ไม่เหมือนกัน ใครคิดว่าอังกฤษ กับฝรั่งเศสเหมือนกัน ก็เข้าใจผิดไปไกลมาก

หากมองทะลุดังนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องทำสงครามเวียดนามเลย ไม่ต้องเสียเงินทองมหาศาล เสียชีวิตนับแสนนับล้าน หากมองทะลุว่าเวียดนามเหนือก็แค่ชาตินิยม หากสหรัฐเอาเงินที่ใช้ในสงคราม มาบูรณะประเทศเวียดนาม กลายเป็นชาติที่เจริญยิ่งนัก ชาวเวียดนามจะเป็นเพื่อนตายของสหรัฐ ต่อให้เป็นคอมมิวนิสต์ ก็เป็นคอมมิวนิสต์อีกแบบ แบบที่เป็นเพื่อนตายของสหรัฐ นี้คือความแปลกใหม่ และลึกซึ้งยิ่ง เพราะชีวิตสำคัญกว่า ชาวเวียดนาม ที่จริงต้องการให้ชาติของตนแข็งแรง เจริญก้าวหน้า พวกเขาไม่ได้สนใจสิ่งอื่น สิ่งอื่นเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อ

ในฉับพลัน เวียดนามจะเป็นกำแพงกั้นจีน ที่แข็งแกร่งยิ่งนัก เพราะเป็นคอมมิวนิสต์เหมือนกัน แต่ก็ไม่เหมือน และเป็นเพื่อนตายของสหรัฐ

ที่ฉันพูดมานี้ถูกต้องทุกอย่าง แต่ใครจะมองเห็น ในสมัยนั้นฉันก็มองไม่เห็น

โลกยุคนั้น เรายังแต่งตัวเชยๆ ความคิดยังคับแคบ ใจยังหวาดหวั่น ทรงผมก็น่าขัน

ฉันไม่ได้ว่าคนในยุคนั้น แต่ว่าคนในยุคนี้ ที่บางครั้งมองอดีต แต่ไม่ให้คุณค่าสภาพแวดล้อมของอดีต ไม่เข้าใจข้อจำกัดของคนในอดีต

บางคนพูดถึงเมืองไทยในสมัยห้าสิบก่อน โดยเอาหลักเกณฑ์ของโลกาภิวัตน์ของวันนี้ มันใช้กันไม่ได้

๑๐

จิตก็ไม่ได้

กาลเวลาก็ไม่ได้

ยุคสมัยก็ไม่ได้

เหลือเพียงความคะนองทางความคิด ความถูกต้องทางความคิด แต่ชีวิตหายไปไหน

พวกเขาวันนั้นยังเดินเตาะแตะอยู่เลย พวกเขาผิดตรงไหน