กาละแมร์ พัชรศรี : อยากโดนเป็นเจ้าของ

ไม่ได้เขียนเรื่องความรักมานาน

วันนี้ครึ้มใจ ขอนำเสนอสักหน่อย…

เชื่อไหม ทุกวันนี้คนก็ยังอยากรู้อยากเห็น เข้ามาถามไถ่ทั้งต่อหน้าและฝากคนมาถามว่า

“ฉันมีแฟนหรือยัง”

“เมื่อไหร่จะแต่งงาน”

“คบกับใคร คุยกับใครอยู่หรือเปล่า”

“สวยขึ้นเนี่ย มีความรักใช่ไหม”

เฮ้ยๆๆๆ มันอะไรกันเนี่ย มันเป็นเรื่องที่น่าอยากรู้อยากเห็น หรือเป็นเรื่องที่ต้องมีขนาดนั้นเชียวเหรอ

บางคนมาคอมเมนต์ในไอจีว่า “อยากเห็นคุณกาละแมร์แต่งงาน” หรือพอเห็นไปเที่ยวที่สวยๆ แล้วถ่ายรูปคนเดียวก็บอกว่า “ครั้งหน้าขอให้เป็นรูปคู่นะคะ”

เอิ่ม…..

ชีวิตเรายังเป็นของเราอยู่ไหม

แต่สุดท้าย จะกี่คอมเมนต์ จะกี่ความเห็น หรือจะกี่คำถาม ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรกับฉัน

เพราะชีวิตเป็นของเรา เรารู้จักตัวเองดีที่สุด

 

อย่างที่เคยบอก ความสนใจในตอนนี้ไม่ได้อยู่เรื่องแฟนหรือคนรัก มีสิ่งที่น่าสนใจอื่นมากมายให้เราได้เจอและลงมือทำ และเรารู้เลยว่ามันสนุก เร้าใจ ตอบสนองความต้องการในชีวิตมากกว่าเรื่องมีแฟน

ยิ่งนานวันเข้า ยิ่งหาข้อดีของการมีแฟนยากขึ้นทุกวัน

มีแต่คนบอกว่า ฉันคงเคยชินกับการอยู่คนเดียวและมีความสุขแล้ว คงจะยากที่จะมีคนมาอยู่ด้วย

ฉันพยักหน้าหงึกหงักตามนั้น

วันก่อนไปทำเล็บ เก้าอี้ข้างๆ เขามาทัก บอกขอบคุณที่ออกหนังสือมา เพราะแม่เขาลดน้ำหนักไป 10 กิโลแล้ว แล้วฉันก็ได้ยินพนักงานพูดกับลูกค้าว่า

“วันนี้ได้รับอนุญาตให้ทาสีแดงแล้วหรือคะ”

ฉันเลยหันไปสาระแนถามเขาว่า “อ้าว ทำไมไม่ได้ทาสีแดงล่ะคะ”

เขาเลยบอกว่า “แฟนไม่ค่อยชอบค่ะ แต่นี่จะตรุษจีนเลยขอทาสีแดง เขาเลยยอมค่ะ”

ฉันเลยบอกไปเชิงขำๆ ว่า “นอกจากเล็บที่เขาจะเป็นเจ้าของเราแล้ว อย่าลืมบอกว่ารับนิ้วไปดูแลด้วย นิ้วยังว่างๆ ขอแหวนเพชรมาใส่เล่นสักวงสิคะ”

เฝือกเรื่องเขาไปอี๊กกกกกกกกกก

 

ซึ่งเอาจริง เขาอาจจะชอบที่มีใครเป็นเจ้าของชีวิตเขาก็เป็นได้ และอาจจะแอบภูมิใจเล็กๆ นี่มีคนคนนั้นในชีวิต

แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันเป็นคนที่ชอบเป็นตัวของตัวเอง ชอบการตัดสินใจด้วยตัวเอง ชอบเลือกในแบบที่ตัวเองต้องการ รู้จักตัวเองว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร

และที่สำคัญที่สุดคือ ชอบการมีอิสระในการใช้ชีวิต ไม่ต้องการขึ้นอยู่กับอะไร กับใคร ไม่ชอบการบังคับ ไม่ชอบให้ใครมามีอิทธิพลต่อชีวิต มันอึดอัด มันน่าเบื่อ มันบีบคั้น มันไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง

คุณเริ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับฉันบ้างแล้วใช่ไหมคะว่า…

“เออออออออ มรึงอยู่เป็นโสดไปเหอะ”

อยากไปไหนก็ไปอย่างที่ต้องการ อยากใช้เวลานานแค่ไหนกับใครก็ทำได้เลย

 

วันก่อนเพื่อนที่มีผัวอยากไปไหว้พระต่อกับเพื่อน แต่เห็นผัวเริ่มหน้าหงิก ก็เลยอดไป ทั้งๆ ที่ไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่ดีเลย ไม่ได้ไปเที่ยวกินเหล้าเมาแล้วแรดสักหน่อย

ดูเอาเถอะ ทำบุญยังโดนขวาง

อีกรายกลับกัน คนเป็นผัวไปบวช ตอนแรกจะบวช 7 วัน เกิดซาบซึ้งในรสพระธรรมขอบวชต่อ ปรากฏเมียผู้ไม่เคยใช้ชีวิตลำพังโดยไม่มีผัว เกิดลำบากขึ้นมา ไปไหนมาไหนก็ยาก ขับรถไม่เป็น เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน ก็เลยจะไปบอกผัวว่า สึกออกมาเถอะ ไม่ไหวแล้ว

ป้าดโธ่ บาปจะถึงตัวเอา

คนเราพอมีคู่ก็ทำตัวเคยชินกับการที่ต้องอาศัยพึ่งพิงอีกคนตลอดเวลา ขาดเขาแล้วเหมือนจะตายเอา ทำไมไม่คิดว่านี่คงเป็นเวลาฝึกฝนตนเอง ให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เพราะเกิดวันหนึ่งผัวตายขึ้นมา ก็ต้องอยู่ให้ได้อยู่ดี

หรือบางคนผัวเกิดหน้าที่การงานไม่ได้ดั่งที่หวัง ไม่ได้เลื่อนยศ เลื่อนขั้น โดนโยกย้ายไปนั่นนี่ก็เครียด พาลมาถึงเมีย จิตตกยกบ้านไปเลย

ลำพังชีวิตตัวเองก็ต้องยกจิต อัพสเตตัสให้เบิกบานให้ได้ในทุกวันอยู่แล้ว แต่นี่ดันมีอีกคนที่คิดลบ ทดท้อ บั่นทอน ดึงลงทุกเช้าค่ำ มันก็ไม่ค่อยไหวนะ

นี่ยังไม่นับเรื่องการใช้เงินทองอีก ขนาดบางคนหาเงินได้เอง ยังไม่มีอิสระในการใช้เงินที่ตัวเองหา นี่มีผัวหรือติดคุกกันแน่

ดังนั้น อัพเดตสเตตัสของฉันจนถึงนาทีนี้ก็ยังอยู่ที่ “ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว ไม่มีผัวแต่มีเงิน” นะคะ