รายงานพิเศษ / ส่องโผทหาร ส่งท้าย คสช. ‘บิ๊กแดง’ จัดทัพ รับเปลี่ยนผ่าน จัดแถวกองพลปฏิวัติ ตรวจแถว ‘ขุนพลแตงโม’ สู้ศึกเลือกตั้ง ‘3 ป.’

รายงานพิเศษ

 

ส่องโผทหาร ส่งท้าย คสช.

‘บิ๊กแดง’ จัดทัพ รับเปลี่ยนผ่าน

จัดแถวกองพลปฏิวัติ

ตรวจแถว ‘ขุนพลแตงโม’ สู้ศึกเลือกตั้ง ‘3 ป.’

ฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายทหารกลางปี เริ่มขึ้นแล้ว ด้วยเพราะกองทัพมีงานสำคัญรออยู่เบื้องหน้ามากมาย

ทั้งการเป็นกำลังหลักของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยของ คสช. ในการดูแลทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562

ทั้งยังเป็นกำลังหลักในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทั้งการดูแลความปลอดภัย และการริ้วขบวนเฉลิมพระเกียรติ ตามโบราณราชประเพณีต่างๆ และการถวายพระเกียรติของทั้ง 3 เหล่าทัพ

รวมทั้งการเป็นประธานอาเซียน ที่ต้องเป็นเจ้าภาพการประชุมกว่า 180 การประชุม ทั้งการอารักขาดูแลผู้นำ และการดูแลความสงบเรียบร้อยในการประชุม

โดยที่กลาโหมต้องรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน หรือ ADMM และการประชุม ผบ.เหล่าทัพอาเซียน

จึงทำให้บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณให้ ผบ.เหล่าทัพจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายกลางปีให้เสร็จภายในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพราะโผนี้จะส่งให้นายกรัฐมนตรีเพื่อนำเข้าขั้นตอนการทูลเกล้าฯ ในต้นเดือนมีนาคม เพราะต้องประกาศ และมีผล 1 เมษายน 2562

แม้จะเป็นโผกลางปี ที่เป็นการรองรับนายทหารชั้นนายพลที่จะเกษียณราชการเท่านั้นก็ตาม แต่เพราะปีนี้จะมีนายพลหลายคนลาออกเพื่อไปเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ด้วย จึงอาจทำให้มีการขยับมากกว่าโผเมษาฯ ตามปกติ

โดยเฉพาะที่ ทบ. แม้บิ๊กตู่น้อย พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผช.ผบ.ทบ. จะเคยยืนยันแล้วว่า ไม่เคยคิดจะลาออกเพื่อไปเป็น ส.ว. แต่ก็ยังมีข่าวลือสะพัด ทบ.ว่า ถูกผู้ใหญ่เสนอชื่อให้เป็น ส.ว.

อาจเพราะมีแรงกดดันให้มีการจัดทัพบกในระดับหัวใหม่ เพราะเมื่อ 5 เสือ ทบ.ว่างลง ก็จะมีการขยับได้หลายตำแหน่ง แต่อยู่ที่ว่า บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. จะเลือกสูตรไหน

 

นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์ เดินทางไปต่างประเทศระยะหนึ่ง ที่นอกจากเรื่องการฝึก การปรับโครงสร้างกองทัพบกแล้ว ก็มีเรื่องการจัดทัพ จัดโผทหาร เพราะบางตำแหน่งอยู่นอกเหนือการจัดวางของกองทัพ

เพราะ 1 เมษายน 2562 นี้ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ก็จะมาเป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 1 จากที่เคยเป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ขึ้นตรงกับ ผบ.ทบ.

เพราะ พล.ม.2 รอ. ได้ชื่อว่าเป็นกองพลทหารม้ารถถังปฏิวัติ ที่ใช้เป็นกำลังหลักในการรัฐประหารทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะมีกำลังทั้งในกรุงเทพฯ สนามเป้า เกียกกาย และสระบุรี

ขณะที่กองพันทหารม้ารถถังปฏิวัติ อย่าง ม.พัน 4 รอ. นั้น เป็น “ม้านอกกองพล” เพราะไปขึ้นตรงอยู่กับกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) มายาวนานแล้ว จนทำให้ พล.1 รอ. ได้รับฉายาว่าเป็น กองพลปฏิวัติ นั่นเอง

แต่ทว่า พล.1 รอ. ก็มีการปรับเปลี่ยน โดยที่ ร.1 รอ. และ ร.11 รอ. กำลังรบหลัก ได้โอนย้ายไปเป็นกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ และกรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ของ ทม.รอ.แล้ว

โดยที่ พล.1 รอ. และ พล.ม.2 รอ. ก็ขึ้นตรงกับแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ปัจจุบันคือ บิ๊กบี้ พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ นายทหารสายวงศ์เทวัญ ที่คาดว่าจะขยับขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.อภิรัชต์ ตุลาคม 2563 พอดี

ยกเว้นในเวลานั้น ข้อเสนอของสภาปฏิรูปฯ ที่ให้ยืดอายุเกษียณราชการ จาก 60 เป็น 63 ปี จะผ่านการพิจารณาและมีผลบังคับใช้ ที่จะทำให้ พล.อ.อภิรัชต์เกษียณกันยายน 2565

แต่กระนั้นก็เชื่อกันว่า ไม่ว่าจะเกษียณราชการจาก ทบ.ในปีใดก็ตาม พล.อ.อภิรัชต์คงจะได้รับหน้าที่สำคัญทำงานต่อหลังจากนั้น แบบไม่มีวันเกษียณราชการ

พล.อ.นเรนทร์ สิริภูบาล
พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา (ขวา)

ในการโยกย้ายทหารครั้งนี้ ยังคงมีข่าวสะพัดว่า จะมีนายทหารหลายคนที่ได้รับการเสนอชื่อจากองค์กร ให้ไปเป็น ส.ว. ทั้งที่ บก.กองทัพไทย ที่มีข่าวว่า บิ๊กเจอร์รี่ พล.อ.ดร.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) น้องรักของ พล.อ.ประวิตร ที่กำลังจะเกษียณกันยายน 2562 นี้

แม้ว่า พล.อ.ธนเกียรติจะยังมีความสุขกับการทำงานในการช่วยเหลือประชาชน ในฐานะทหารพัฒนา นักรบสีน้ำเงิน อยู่ก็ตาม ทั้งการสร้างบ้านให้ชาวใต้ที่โดนพายุปาบึก และการส่งรถฉีดน้ำออกตระเวนทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลมาตลอด 3 สัปดาห์ และไปซ่อมสร้างบ้านให้ชาวมอร์แกน

ทั้งนี้ มีชื่อของทั้งบิ๊กกวาง พล.ท.สัณฑัศน์ นนทิภาคย์หิรัญ รอง ผบ.นทพ. และบิ๊กแขก พล.อ.นเรนทร์ สิริภูบาล ผบ.สปท. เตรียมทหาร 21 เป็นแคนดิเดต ที่พร้อมเสียบเป็น ผบ.นทพ.แทน

ขณะที่ ทบ. ยังมีข่าวลือสะพัดว่า บิ๊กตู่ พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผช.ผบ.ทบ. น้องรักของ พล.อ.ประวิตร และบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. จะลาออก เพื่อไปเป็น ส.ว. ทั้งๆ ที่ พล.อ.กู้เกียรติได้เคยยืนยันแล้วว่า ไม่เคยคิดเรื่องลาออก และยังมีอายุราชการถึงกันยายน 2563

แต่ก็ยังไม่อาจสยบข่าวลือได้ จนทำให้เกิดความหวังว่า จะมีการขยับในระดับ 5 เสือ ทบ.ใหม่ หากเก้าอี้ว่างลง

โดยเฉพาะกระแสข่าวที่จะดัน พล.ท.ณรงค์พันธ์ จากแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นมาเป็น 5 เสือ ทบ. เพื่อเตรียมจ่อเป็น ผบ.ทบ.ไว้เลย ทั้งๆ ที่ พล.อ.อภิรัชต์ยังไม่เกษียณราชการ เพราะ พล.ท.ณรงค์พันธ์สามารถขึ้นเป็นพลเอก 5 เสือ ทบ. ในการโยกย้ายตุลาคมนี้ได้ เพื่อเตรียมจ่อเป็น ผบ.ทบ.ได้ ไม่ต้องรีบ แต่กล่าวกันว่า อาจเป็นเรื่องนอกเหนือการตัดสินใจของบิ๊กแดง

ขณะที่ข่าวอีกกระแสคือ พล.อ.อภิรัชต์จะดันบิ๊กแก้ว พล.ท.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ รอง เสธ.ทบ. ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. หรือ เสธ.ทบ.คนใหม่ กลายเป็น เสธ.ทบ.คู่ใจ ผบ.ทบ. เพราะมีความสนิทสนมกันอย่างมาก เพราะเป็นรุ่นน้อง ตท.21 ที่ พล.อ.อภิรัชต์ ซึ่งเป็น ตท.20 สนิทสนมตั้งแต่สมัยเรียน

อีกทั้ง พล.ท.เฉลิมพลเป็นนายทหารม้าที่มีบทบาทสำคัญใน คสช.มาตลอด ตั้งแต่เป็น ผบ.พล.ม.2 รอ. และจนวันนี้ เป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ. 904 ช่วยงาน พล.อ.อภิรัชต์ ที่เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ. รวมทั้งได้เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลอาร์มี่ ยูไนเต็ด อีกด้วย

แต่หาก พล.อ.กู้เกียรติไม่ลาออก ก็คงต้องรอโยกย้ายใหญ่ปลายปี ในยุครัฐบาลใหม่เลย

พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์

ขณะที่กองทัพเรือนั้นมีรายงานว่า บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. จะดันบิ๊กแก๋ง พล.ร.ท.สิทธิพร มาศเกษม ผบ.ทัพเรือภาคที่ 3 น้องรักที่ถูกโฉลกต้องชะตากัน ขึ้นเป็นพลเรือเอกในโผนี้ เพื่อครองอาวุโสไว้ชิงเก้าอี้ 5 ฉลามทัพเรือ ในโยกย้ายปลายปี

เพราะหากเป็นเช่นนั้น ย่อมสะท้อนว่า พล.ร.อ.ลือชัยเตรียมวางตัว พล.ร.ท.สิทธิพร แกนนำเตรียมทหาร 20 คนนี้ ไว้ชิงเก้าอี้ ผบ.ทร.คนใหม่ แทนตนเอง ที่จะเกษียณกันยายน 2563 ด้วยอีกคน

จากที่เดิม แม้จะมีบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน เสธ.ทร. เป็นแคนดิเดตอยู่ในห้าฉลาม ทร.อยู่แล้ว และเป็นแกนนำคนเก่งของเตรียมทหาร 20 รุ่นเดียวกับ พล.ร.ท.สิทธิพรด้วยก็ตาม

แต่ก็ถือว่า โผนี้จะเป็นโผโยกย้ายนายพลโผสุดท้ายของรัฐบาล คสช. โผสุดท้ายของ พล.อ.ประวิตรในฐานะ รมว.กลาโหม หลังจากที่จัดโผนายพลมา 9 โผ ตั้งแต่หลังรัฐประหารมา เพราะรัฐบาลใหม่ ที่ก็อาจเป็น พล.อ.ประยุทธ์อีกครา

พล.ร.ท.สิทธิพร มาศเกษม
พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน

จะเห็นได้ว่า สถานการณ์การเมือง และการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 นี้ ทำให้นายทหารเก่า ทหารแก่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นทหารแตงโม ที่ใกล้ชิดกับอดีตนายกฯ ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งเครือญาติ เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 และในเครือข่าย กระโดดลงสู่สนามการเมืองกันมากขึ้น ทั้งการเป็นสมาชิกพรรค และการลงเลือกตั้ง

เพราะเมื่อเชื่อกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในนามของ 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ จนถูกเรียกว่าเป็นพรรคทหาร พรรค คสช. มาสู้ศึกการเมือง เพื่อครองอำนาจต่อ โดยยกทีมเพื่อนเตรียมทหาร 12 มาช่วยงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง โดยมีบิ๊กฉัตร พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เคียงข้าง

แถมยังมี พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ และบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่รองแห่งบูรพาพยัคฆ์ เป็นกำลังหลักสำคัญ

นายทหารเก่า ทหารแก่ ฝ่ายตรงข้าม ก็กระโดดลงสนามการเมืองกันอุตลุด จากที่ไม่เคยมีทีท่าว่าอยากจะเล่นการเมือง แต่ก็ตัดสินใจลงมาเพื่อสู้กับ พล.อ.ประยุทธ์และพลพรรค

จนอาจกลายเป็นศึกสายเลือดเตรียมทหาร และสายเลือด จปร. ระหว่าง คสช.และทหารแตงโม

แม้แต่ “บิ๊กแอ๊ด” พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม ที่โดนรัฐประหารปี 2549 ก็ยังมารับตำแหน่งประธานกำหนดยุทธศาสตร์ในการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคพลังไทยรักไทย

แม้จะอายุ 80 แล้ว แต่ด้วยความเป็นนายทหารหน่วยข่าว และทำงานทั้งบนดินใต้ดินมาตลอดการรับราชการทหาร จึงทำให้ คสช.ต้องจับตามอง

รวมถึงอดีตนายทหารยังเติร์ก จปร.7 ที่มากประสบการณ์ทางการเมืองอย่าง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี วัย 82 ปี ที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และมีชื่อในปาร์ตี้ลิสต์ด้วย

แม้แต่บิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ และอดีต ผบ.ทบ. วัย 86 ปี ที่แม้ครั้งนี้จะไม่ได้ประกาศตัวว่าลงพรรคไหน และเคยมีคนเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ของพรรคเพื่อชาติก็ตาม แต่ พล.อ.ชวลิตก็ขอที่จะช่วยอยู่เบื้องหลัง

ขณะที่บิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.ทบ. ญาติผู้พี่ของอดีตนายกฯ ทักษิณนั้น ก็รับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรคพลังปวงชนไทย ที่ก็ถูกมองว่าเป็นพรรคในเครือข่ายของพรรคเพื่อไทย

เพราะ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ตท.5 นั้น ยังมีเรื่องคาใจกับ พล.อ.ประวิตร รุ่นหลัง ตท.6 เมื่อครั้งที่นายทักษิณตอนเป็นนายกฯ สั่งเด้ง พล.อ.ชัยสิทธิ์จาก ผบ.ทบ. ไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.ประวิตร จาก ผช.ผบ.ทบ. ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ ทั้งๆ ที่ใครๆ ก็คิดว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์จะเป็น ผบ.ทบ. 2 ปียันเกษียณ

เพราะเป็นญาติผู้พี่ของนายกฯ ทักษิณในเวลานั้น ที่เคยทวีตแฉบิ๊กป้อม “เกาะโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ.” เมื่อไม่นานมานี้

 

ไม่แค่นั้น ยังมีเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 ของนายทักษิณ เช่น บิ๊กโอ๋ พล.อ.พฤณฑ์ สุวรรณทัต อดีต ผบ.พล.1 รอ. ที่โดนรัฐประหารปี 2549 จนลดบทบาทตัวเองมาตลอด จนยุค คสช. แต่ที่สุดก็เพิ่งมาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

ขณะที่บิ๊กติ๋ม พล.อ.อ.สมชาย เธียรอนันต์ เพื่อนซี้นายทักษิณ และใกล้ชิดบ้านจันทร์ส่องหล้า ที่ก็เงียบหายไปนาน แต่ที่สุดก็มาเป็นสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมกับ เสธ.ยอร์ช พล.อ.ยศนันท์ หร่ายเจริญ อดีตรอง ผบ.ทหารสูงสุด และเตรียมทหาร 16 ที่ผิดหวังกับกองทัพ

แต่ที่สุดก็ต้องยุติงานทางการเมือง ลาออก และกลับมาใช้ชีวิตของทหารเกษียณ และไปพักผ่อนที่ จ.เชียงรายบ้าง บ้านเกิดที่ฉะเชิงเทราบ้าง แต่ก็ยังไปร่วมงานของกองทัพบ้าง และยังไปช่วยงานฟุตบอลของธรรมศาสตร์ ในฐานะที่เคยเรียนปริญญาโท ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง

โดยเฉพาะ พล.ท.ดร.พงศกร รอดชมพู อดีตรองเลขาธิการ สมช. ที่ถูก พล.อ.ประยุทธ์เด้งเพราะมองว่าเป็นทหารแตงโม ที่ตอนนี้มาเป็นรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ประกาศตัวพร้อมที่จะเป็น รมว.กลาโหม

รวมทั้งบิ๊กแมว พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาฯ สมช. และแกนนำเตรียมทหาร 14 ก็เข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและพร้อมทำงานด้านความมั่นคง

เหล่านี้คือบรรดาขุนพลฝ่ายทักษิณ ที่เปิดหน้าลงสนามการเมือง พร้อมที่จะสู้ศึกกับ “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” และนายทหารในสาย คสช. ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้

ไม่ว่าฝ่ายใดชนะในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ก็คาดว่า อีกฝ่ายหนึ่งก็พร้อมเป็นฝ่ายตรงข้ามในทุกสนาม และพร้อมงัดทุกวิชาที่ร่ำเรียนและฝึกกันมา ต่อสู้กันเต็มที่

  นี่แหละที่กล่าวกันว่า การเมืองที่มีศึกสายเลือดทหารแฝงเร้นอยู่ด้วย ย่อมจะเป็นการเมืองที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก