ความในใจ “เกรท วรินทร” กับสิ่งที่สอนใจตัวเองมาตลอดเวลาแสดง

ถึงจะแค่ 10 วินาที แต่ปล่อยผ่านไม่ได้ มาตรฐานและความในใจ “เกรท วรินทร”

“มายฮีโร่” กับ “ปี่แก้วนางหงส์” เพิ่งออกอากาศไปไม่ทันไร เกรท-วรินทร ปัญหกาญจน์ ก็มีผลงานเรื่องใหม่ “เขาวานให้หนูเป็นสายลับ” มาให้ถ่ายทำ

ครั้นพอแซวว่า งานเยอะขนาดนี้ ต้องเรียกว่าเป็น “พระเอกยืนหนึ่ง” ซะแล้ว เจ้าตัวรีบห้าม “อย่าเรียกว่ายืนหนึ่งเลย”

“เรียกว่ายืนด้วยกันนั่นแหละ ทุกคนมีละครเล่นเท่าๆ กัน เพียงแต่ว่าจังหวะออกอากาศมันไม่ได้ต่อเนื่องกันเท่านั้น”

อย่างเขาเองก็มีช่วงที่ติดๆ กันอย่างที่เห็น รวมถึงมีช่วงที่หายๆ ไป ซึ่งเอาเข้าจริงในฐานะนักแสดงไม่ต้องคิดอะไรในเรื่องนี้มาก นอกจากรับงานที่ช่องเลือกมาให้ แล้วทำให้ดีที่สุดก็พอ

“ถ้าเราเป็นนักแสดงนำ เต็มที่เลย 1 ปี รับได้แค่ 3 เรื่อง” เพราะมากกว่านี้ก็เหนื่อยหนัก ด้วยถ้าถ่าย 2 เรื่องพร้อมกัน คิวมักจะเป็นจันทร์ถึงพุธเรื่องหนึ่ง และพฤหัสบดีถึงอาทิตย์อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งสำหรับเขาคิดว่าหากถ่ายทีละเรื่อง เพื่อมีเวลาพักสัปดาห์ละ 3-4 วันจะกำลังดี

เขายังว่า ตลอด 10 กว่าปีที่เข้าวงการและมีบทหลากหลายให้แสดงถือเป็นช่วงเวลาที่ดี “เป็นการทดสอบตัวเอง ทำให้เราเห็นหลายๆ อย่างว่าอันไหนเป็นจุดแข็ง จุดอ่อน อะไรที่ต้องพัฒนา”

“การแสดงของผมทุกวันนี้ยังมีมุมที่ต้องพัฒนาอีกเยอะ เพราะทุกเรื่องเราได้รับบทบาทแตกต่างกันไป ที่สำคัญ ผมว่ายุคสมัยนี้ผู้บริโภคจะดูละครในอีกรูปแบบหนึ่ง ละครที่ผมเล่นมีการคุยกันว่าจะมีการเล่าเรื่องในรูปแบบใหม่ๆ ตัวเราเองก็ต้องศึกษาการเล่นในรูปแบบใหม่ๆ อันนี้เป็นสิ่งที่ยากและต้องพัฒนา”

“เวลาต้องแสดงละครที่เห็นฉากแบบนี้ ไดอะล็อกแบบนี้ แคแร็กเตอร์แบบนี้ สมมุติในบทคุณชายมันก็อยู่ในมือผมพอสมควร แต่บทที่ต้องกระโชกโฮกฮาก ก็ต้องทำการบ้านเยอะขึ้นหน่อย”

หากกระนั้น ถ้ามี 2-3 เรื่องที่เป็นบทคุณชายเช่นเดียวกัน “เราก็ต้องตั้งกฎให้ตัวเองว่าต้องไม่ผ่านไปในแต่ละฉากด้วยความมักง่ายและความอยู่มือ เพราะจริงๆ แล้วตัวละครมันก็คนละตัวกันอยู่ดีในแต่ละเรื่อง”

“ต้องเปลี่ยนให้ขาด อันนี้อาจจะเป็นอย่างหนึ่งที่เราอาจจะเคยปล่อยปละละเลย ซึ่งเราต้องละเอียดมากกว่าเดิม ถึงแม้ว่า 10 วิในฉากนั้นที่ออกไปให้คนดู แต่มันก็จะเป็น 10 วิที่คนประทับใจและจำเราได้”

ในฐานะพระเอกที่เจอนางเอกหลากหลาย เกรทว่าสำหรับเขาแล้วถือเป็นเรื่องแฮปปี้ รู้สึกดีที่เจอคนซึ่งมีฝีมือการแสดงในแบบที่แตกต่าง

“ไม่ได้ว่าเก่ง ไม่เก่ง ยังไงนะ แต่มันเป็นความแปลกใหม่ในมุมการแสดง มุมรีแอ็กต์ของเขา หรือพอคนนี้มาแสดงแล้วเขามีความธรรมชาติน่ารักอย่างไร อันนี้มันแตกต่างกันในแต่ละคน น่ารักกันคนละแบบ”

กับเก้า-สุภัสสรา ธนชาติ ซึ่งมาเจอกันใน “เขาวานให้หนูเป็นสายลับ” เกรทบอกด้วยรอยยิ้มว่า เขาเป็นเด็กสดใส น่ารักมาก

“ผมยังเคยไปขอถ่ายรูปกับเก้าเลย สมัยเขาเล่นฮอร์โมนส์ ก่อนหน้านี้ก็เล่นกันเรื่องปี่แก้วนางหงส์ ในเรื่องเขาไล่ฆ่าผม” เล่าพลางหัวเราะ

ก่อนจะบอกว่า เท่าที่ดูความห้าวของเก้าแล้ว “ผมก็คิดว่าเราน่าจะสนิทกันแบบมึงมาพาโวยได้”

ส่วนการเข้าฉากพระ-นางนั้น น่าจะต้องมีการจูนกันก่อน

“จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นนางเอกคนไหน ถ้าจะต้องเลิฟซีนกับเขามันก็เขินหมดนะ แต่ถ้าเป็นกับอาย กมลเนตร (เรืองศรี) แมท (ภีรนีย์ คงไทย) ไม่แล้วนะ เพราะว่าสนิทกัน แต่ว่าเก้าเขาเป็นสาวมีเสน่ห์ มองตาแล้วสวยดี ก็มีเคลิ้มๆ ไปบ้าง” สารภาพแล้วก็หัวเราะ

แล้วบอกต่อ “ผมว่าในความเขินมันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งนะ”

เขายังเล่าถึงการแสดงบทเลิฟซีนว่า ถ้าบทระบุให้มีการถึงเนื้อถึงตัวก็ต้องขอโทษฝ่ายหญิงก่อนเล่น จากนั้นก็พยายามแสดงให้ดีที่สุด เพื่อจะได้เทกเดียวผ่าน

เขายังบอกด้วยว่า ในการทำงานทุกวันนี้สิ่งที่เขาคิดไว้ในใจเสมอคือจะไม่แข่งกับใคร พระเอกคนไหนก็ไม่ใช่คู่แข่งของเขา

“ไม่คิดเรื่องนั้น”

“เราคิดว่าเราแข่งกับตัวเอง และทำงานของเราให้ดีที่สุด”

ขณะเดียวกัน “มาตรฐานต่ำที่สุดที่จะต้องทำ คือต้องเล่นให้ดี ไม่แย่ไปกว่าเรื่องที่ผ่านมา”