เป็นนักการเมือง ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด / ฉบับประจำวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ 2562

ตลอดชีวิตราชการที่ผ่านมาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา
แน่วแน่กับการตอบคำถามและแสดงให้สังคมเห็นว่า
“การเป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด”
อย่างล่าสุด เมื่อวันที่ 29 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวผ่านคุณหญิงแสงเดือน ณ นคร ประธานมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึกในพระราชูปถัมภ์ฯ ที่เข้าพบนายกฯ เพื่อมอบดอกป๊อปปี้ เนื่องในวันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์
ว่า
“ผมเป็นทหารมาก่อน แม้ว่าจะแก่แล้วก็ตาม แต่ใจก็ยังเป็นทหาร ขณะที่ทหารหลายคนต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บ แม้ไม่เสียชีวิตก็เป็นอาชีพเดียวที่ต้องเอาชีวิตมาเสี่ยง ทุกคนมีหน้าที่ต้องทำ จึงอยากให้ทุกคนช่วยอธิบายด้วย เพราะมีหลายคนบอกว่าไม่รู้มีทหารไว้ทำไม อย่าไปฟังใครบอกว่าไม่ต้องมีทหาร ถ้าไม่มีแล้วจะทำอย่างไร”
อย่างไรก็ตาม เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจกระโดดเข้าสู่การเมืองเต็มตัว ด้วยการรับคำเชิญของพรรคพลังประชารัฐ
นอกจากจะต้องหาคำตอบให้สังคมแล้ว ยังต้องหาคำตอบให้ตนเองด้วยว่า
“การเป็นนักการเมือง ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด” หรือไม่
คำตอบและการพิสูจน์ จะเริ่มนับตั้งแต่วินาทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ รับคำเชิญจากพรรคการเมือง
ซึ่งแน่นอนว่า นี่จะเป็นเวทีแห่งการวัดความรู้ความสามารถที่อยู่ในสถานะที่เท่าเทียมกัน
ไม่อาจใช้อำนาจพิเศษใดๆ เข้ามาแทรกแซง
หรือหากมีการแทรกแซง แน่นอนย่อมจะได้รับการตอบโต้ และวิจารณ์อย่างรุนแรงอย่างแน่นอน
ซึ่งก็มีคำถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ที่แม้จะดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาร่วม 5 ปี แต่ก็อยู่ในฐานะรัฐบาลจากการรัฐประหาร เมื่อต้องลดระดับลงมาในระนาบเดียวกับนักการเมืองทั่วไปแล้ว
อะไรจะเกิดขึ้น ซึ่งน่าสนใจอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น หากฝันเป็นจริง คือสามารถนำพาพรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลและผลักดันตนเองขึ้นสู่นายกรัฐมนตรีสำเร็จ
แรงเสียดทานทางการเมืองย่อมจะเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบเท่าตัว
และเป็นแรงเสียดทานในวัฒนธรรมการเมืองแบบรัฐสภา ที่ไม่อาจชี้ให้ใครปิดปาก หรือนำไปปรับทัศนคติได้
ชีวิตนักการเมืองของนายทหารที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ หลัง 24 มีนาคม จึงน่าติดตามยิ่ง