เรื่องเดียวกันแต่ผิดจังหวะเวลา

“ความรู้สึก” ก็ย่อมแตกต่างกัน

เหมือนกับงาน WE CARE ABOUT YOU ที่เชิญนักท่องเที่ยวจีนเป็นหมื่นคนมาร่วมงาน

สร้างอีเวนต์ “ข้าวเหนียวมะม่วง” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เป้าหมายจริงๆ คือ เพื่อให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวขอโทษนักท่องเที่ยวจีนอย่างเป็นทางการ

เพราะเขาคือต้นเหตุสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่มาเที่ยวไทย

จากเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต

เพราะไปให้สัมภาษณ์ว่า “เขาทำของเขาเอง”

ไม่แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย

คลิปสัมภาษณ์ของเขาถูกนำไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียของจีน

สร้างความไม่พอใจให้กับคนจีนอย่างมาก

รองนายกรัฐมนตรีหนึ่งและรัฐมนตรีของไทยถูกทางการจีนเชิญไปต่อว่าแบบตัวต่อตัว

จนถึงวันนี้ “ความรู้สึก” ดังกล่าวก็ยังไม่จางหาย

การสร้างกิจกรรม “ข้าวเหนียวมะม่วง” ครั้งนี้จึงเชิญสื่อมวลชนจีนมาจำนวนมาก

เพื่อให้ พล.อ.ประวิตรเป็นประธานในพิธีกล่าวต้อนรับและประกาศว่าจะดูแลนักท่องเที่ยวจีนเป็นอย่างดี

เป็นการขอโทษกลายๆ

ถ้ากิจกรรมนี้เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์เรือล่มไม่นาน ก็จะถือว่าเป็นการแก้เกมที่สวยงาม

แต่น่าเสียดายที่กว่าจะคิดได้ก็ใช้เวลาเกือบ 7 เดือน

และที่สำคัญ เกิดขึ้นหลังจาก พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์เรื่องผู้ก่อการร้ายเคนยาบุกโรงแรมในเครือดุสิตธานีของไทย

กิจกรรม “ข้าวเหนียวมะม่วง” จึงกลายเป็น “ตลกร้าย”

แทนที่จะ “บวก”

กลับเป็น “ลบ”

วาทะเด็ดของ “ลุงป้อม” กรณีเคนยา มาจากคำถามของนักข่าวที่ว่าทำไมผู้ก่อการร้ายถึงเลือกบุกโรงแรมของไทย

“ไม่ทราบ”

ถ้าจบแค่นี้คงไม่เป็นไร

แต่เขาต่อท้ายอีกนิดแบบนึกว่าตลก

“คงเห็นอาหารอร่อยมั้ง”

โศกนาฏกรรมที่มีคนตายจำนวนมากเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่ว่าไม่ควรนำมาล้อเล่น

ยิ่งเป็นคนระดับ “รองนายกรัฐมนตรี” เรื่องแบบนี้ต้องระวังอย่างยิ่ง

ไม่แปลกที่ พล.อ.ประวิตรจะโดนโจมตีอย่างหนัก

ทั้งในประเทศ

และสื่อต่างประเทศ

กิจกรรม “ข้าวเหนียวมะม่วง” ครั้งนี้จึงถูกนำมาตีความในเชิง “ล้อเล่น” บ้าง

ล้อกันว่า เหตุผลแท้จริงในการจัดไม่ใช่เพื่อขอโทษนักท่องเที่ยวชาวจีน

แต่เป็นเพราะ “ลูกน้อง” กลัว “เจ้านาย” เสียหน้าเลยจัดงานนี้ขึ้นมา

เพื่อย้ำว่า “อาหารไทยอร่อยจริง”

พล.อ.ประวิตรไม่ได้โกหก

ไม่เชื่อถามนักท่องเที่ยวจีนได้

แค่นั้นเอง