เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ : แธรรมที่ท่าตูม

ท่านพระครูปริยัติวิสุทธิคุณ แห่งวัดโพธิพฤกษาราม อ.ท่าตูม เมืองสุรินทร์ เป็นพระนักวิชาการและนักพัฒนา งานสำคัญส่วนหนึ่งมีผลให้คณะเรามีโอกาสได้มาร่วมจัดกิจกรรมให้แก่นักเรียนโรงเรียนท่าตูมประชาเสริมวิทย์ ระหว่างวันที่ 23-24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ท่านอาจารย์ ดร.พัลลภ พัวพันธ์ ผอ.โรงเรียน พร้อมคณะครูอาจารย์ภาควิชาภาษาไทยของโรงเรียน นำนักเรียนร่วมกิจกรรมอย่างดียิ่ง

คณะวิทยากร มีผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายตามความสนใจของกลุ่มนักเรียน เช่น ฐานกวี มีศิลปินพรชัย แสนยะมูล หรือนามปากกา “กุ๊ดจี่” นิเวศน์ กันไทยราษฎร์ ฐานวาทศิลป์ ดร.วิสิทธิ์ โพธิวัฒน์ ฐานวรรณกรรมร้อยแก้วและการเขียนบทภาพยนตร์ ละคร สมชาย ตรุพิมาย และพูลสมบัติ พิทูลทอง ฐานเพลง ดารารับเชิญมี เบียร์ พร้อมพงษ์ และรัชนก ศรีโลพันธุ์

จัดเป็นค่ายงานศิลปะด้านวาทะ กวีคีตศิลป์ ที่สร้างกิจกรรมให้นักเรียนได้ร่วมประสบการณ์เติมเต็มภูมิภาษาไทย นอกเหนือจากพื้นฐานความรู้ในวิชาภาษาไทยที่สำคัญยิ่ง

ชื่อโครงการคือ “สานฝันเมล็ดพันธุ์วรรณกรรมเสริมวิทย์”

สมชื่อโรงเรียนท่าตูมประชาเสริมวิทย์

คือภาค “ประชา” ร่วม “เสริมวิทย์” จริงๆ สมอุดมการณ์ “บวร” คือ บ้าน วัด โรงเรียน ร่วมสร้างสรรค์ให้ลูกหลาน เยาวชนของชุมชนได้เติบโตอย่างมีคุณภาพสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนโดยรวม

โดยเฉพาะพระอาจารย์ท่านเจ้าคุณ พระครูปริยัติวิสุทธิคุณ แห่งวัดโพธิพฤกษาราม ซึ่งเป็นทั้งเจ้าอาวาสและรองเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ผู้เป็นเสมือนเสาหลักสำคัญตามคติ “บวร” ก็ยิ่งทำให้อุดมการณ์นี้เป็นจริงได้เลย คือ บ้าน-วัด-โรงเรียน เข้มแข็ง

คืนก่อนงานค่ายวรรณกรรม มีโอกาสร่วมงานลอยกระทงที่หน้าวัดโพธิพฤกษาราม ซึ่งอยู่ริมน้ำแม่มูลพอดี อิ่มตาอิ่มใจกับชาวบ้านชาวเมืองที่มาร่วมงานกันคับคั่งว่าท่าน้ำหน้าวัดนี้เป็นที่ไว้แข่งเรือกันทุกปีด้วย

สำคัญคือหลวงพ่อพระอาจารย์ท่านเล่าว่า ได้นำไม้ใหญ่จากใต้น้ำลึกแห่งนี้มาสร้างศาลาไว้ฝั่งตรงข้าม เป็นอนุสรณ์ทรัพยากรอันอุดมของผืนแผ่นดินถิ่นทุ่งกุลา ที่ให้กำเนิดพันธุ์ข้าวหอมมะลิชั้นเลิศ เป็นศักดิ์เป็นศรีของอีสานบ้านเฮา

ไหว้แม่มูลมูล สังขยา

ไหว้ประชาท่าตูมภูมิวิถี

ไหว้อาจารย์ ท่านพระครูผู้เมธี

ไหว้พระดีวัดโพธิพฤกษาราม

ขออนุโมทนาด้วยกลอนบทนี้…สาธุ

คืนวันเพ็ญลอยกระทง พระจันทร์สว่างฟ้า น้ำสะอาดสงบเย็น พาใจให้สงบงาม ทำให้คิดถึงคาถาธรรมท่านอาจารย์พุทธทาสที่ว่า

อิมินา ปะทีเปนะ นิพพานัง ปูเชมะ

แปลว่า ขอบูชาพระนิพพานด้วยดวงประทีปนี้

นี่เป็นใจความสำคัญนัก นับเป็นหัวใจของการลอยอย่างตรงเป้าหมายที่สุด

เพราะความหมายแท้จริงของคำ “นิพพาน” คือ “ดับเย็น” หมายถึงความรำงับดับทุกข์ที่มีผลเป็นความสงบเย็นนั่นเอง

แท้จริงคำนี้เป็นคำทั่วไปของชาวอินเดีย ท่านอาจารย์พุทธทาสเล่าว่า ถ่านไฟร้อนๆ นั้นเมื่อมันดับแล้วเขาเรียกว่าถ่านมันนิพพานแล้ว เช่นกันกับวัวถึกเถื่อน เมื่อฝึกจนเชื่องใช้งานได้แล้วเขาก็เรียกว่า วัวมันนิพพานแล้ว

พระพุทธองค์ทรงนำคำนี้มาใช้เรียกจิตที่รำงับดับกิเลสเหตุแห่งทุกข์จนเข้าถึงสภาวะ “ดับเย็น” คือ “สงบเย็น” แล้วว่า “นิพพาน” นั่นเอง

ธรรมชาติในคืนวันเพ็ญสิบห้าค่ำเดือนสิบสองนี่แหละสะท้อนสภาวะแห่งความ “สงบเย็น” เป็นที่สุด

ผลของภาวะสงบเย็นมีลักษณะอันประจักษ์ได้คือ ความสะอาด สว่าง สงบ ซึ่งตรงกับความหมายของคำว่า “พุทธะ” อันแปลว่า “รู้-ตื่น-เบิกบาน” อยู่ด้วยธรรม

จิตที่รู้ตื่นเบิกบาน หรือพุทธจิตนั้นเป็นจิตที่สะอาดปราศจากราคะและโลภะ สว่างอยู่ด้วยปัญญา ปราศจากโทสะ และสงบจากความหลงที่เป็นโมหะ

ดังนั้น ภาวะสะอาด สว่าง สงบ จึงเป็นผลจากการดับกิเลส โลภ โกรธ หลง ลงเสียได้โดยสิ้นเชิง

อันเป็นสภาวะของพุทธะ

บรรลุถึงนิพพาน ซึ่งเป็นสภาวะสูงสุดของจิตคือ สงบรำงับดับเย็น

อากาศสะอาด ฟ้าสว่าง น้ำสงบเย็น

นี่คือสภาวะปรากฏพร้อมในคืนวันเพ็ญขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสอง อันยากจะปรากฏ ณ ราตรีอื่นในรอบปี

เพราะฉะนั้น นอกจากบรรดาคตินิยมทั้งหลายที่กำหนดนิยามความสำคัญของวันลอยกระทงกันนั้นแล้ว เราควรได้ร่วมตระหนักรู้ถึงความหมายอันยิ่งใหญ่ ทรงคุณค่าแก่ชีวิต คือ สภาวะแห่ง “นิพพาน” ดังว่ามานั้นด้วย

การลอยกระทงโดยนัยนี้ก็คือ การร่วมกันบูชาพระนิพพานด้วยดวงประทีป ดังธรรมภาษิตที่ว่าคือ

อิมานิ ปะทีเปนะ นิพพานัง ปูเชมะ

ก่อนบรรจงวางกระทงลงลอยจึงควรภาวนาธรรมภาษิตบทนี้ก็จะเป็นการ “ลอยธรรมะมาลัย” สำคัญสมค่ายิ่ง

คำ “ลอยธรรมะมาลัย” นี้เป็นคำของท่านอาจาย์รัญจวน อินทรกำแหง นักวรรณกรรมและอุบาสิกาคนสำคัญของไทยผู้ล่วงลับแล้ว

ไปงานค่ายวรรณกรรมนักเรียนโรงเรียนท่าตูมประชาเสริมวิทย์ พร้อมช่วยงานลอยกระทงกับชาวบ้านท่าตูมที่วัดโพธิพฤกษาราม ครั้งนี้จึงเป็นบุญกุศลมหาศาล ขอส่งผ่านมายังทุกท่านด้วยเทอญ

โรงเรียนท่าตูมประชาเสริมวิทย์

ศักดิ์สถิตศรีสถานการศึกษา

คุณธรรมนำรู้คู่ปัญญา

สร้างคุณค่าคนดีศรีสุรินทร์

ชื่อท่าตูมนั้นเล่าว่ามาจากชื่อปราสาทหินว่า นางดอกบัวตูม ที่มีอยู่ในอำเภอนี้เอง

ดอกบัวตูมคือสัญลักษณ์ของหัวใจพุทธะโดยแท้