เปิดใจ”เคน ธีรเดช”ด้วยรักและแพสชั่น กับทุกจุดความรู้สึกในใจ และเรื่องในครอบครัว

เป็นผู้ชายวัย 40 ที่แฮปปี้ มีครอบครัวดี การงานดี ติดอย่างเดียวคือไม่เจอผู้หญิงซึ่งคิดว่า “ใช่” สักที เลยคบผู้หญิงไปทั่ว…นี่คือข้อมูลคร่าวๆ ของ “ธนดล” ที่เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ สวมบทบาทด้วยความสนุก ในละคร “มีเพียงรัก” ซึ่งกำลังแพร่ภาพทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3

“ด้วยเหตุผลที่ยังไม่เจอใคร” เคนให้เหตุผลที่ฟังแล้วอยากจะค้อน

พอบอกไป เขาก็หัวเราะ ก่อนจะยืนยัน ไม่ได้เจ้าชู้นะ แค่มีผู้หญิงเยอะ เป็นคนเฟรนด์ลี่ก็เท่านั้น

แหมๆๆๆๆๆๆ

ละครแนวโรแมนติกที่มีดราม่าแถมยังคอเมดี้เข้าไปอีก เรื่องนี้เขาแสดงคู่เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ ชนิดที่เจ้าตัวซึ่งปัจจุบันอายุ 41 บอกเลยไม่เคยนึกว่าจะมีโอกาส ด้วยอายุต่างถึง 13 ปี

แต่พอโจทย์ของเรื่องซึ่งพูดถึงความรักไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องวัย สถานภาพทางสังคม รูปร่างหน้าตา ที่ “คนภายนอกอาจจะมองว่าคน 2 คนนี้ดูไม่เข้ากัน ไม่น่าจะเป็นแฟนกันได้ แล้วเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาเป็นแฟนกัน รักกัน”

โอกาสที่จะได้เล่นกับนางเอกอายุ 28 ปีจึงเกิด

“ผมกับคุณหน่อย (บุษกร วงศ์พัวพันธ์ ภรรยา ซึ่งเป็นผู้จัดละครเรื่องนี้) ชอบเต้ย และรู้สึกว่าตรงกับตัวละคร”

ตัวละครที่ไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ไปเสียทุกอย่าง ไม่ได้สวยสุดๆ หุ่นดีน่ามองสุดๆ

“ผู้หญิงในเรื่องคนอื่นสวยหมด หุ่นดีหมด เพอร์เฟ็กต์หมด แต่พระเอกไม่ชอบ ส่วนผู้หญิงคนนี้ไม่สวย แต่มีอะไรบางอย่างที่เราไม่อยากที่จะละสายตา”

“รู้สึกว่าเต้ยน่าเอ็นดูจริงๆ ทำให้เรายิ้มได้ เวลาเขาเล่นคอเมดี้น่ารักมาก บางทีให้ทำอะไรน่าเกลียด ก็น่ารัก ให้ทำหน้าบูดเบี้ยว ก็น่าเอ็นดู”

เคนที่ปีนี้มีผลงานทั้งหนัง “นรก 6 เมตร” และทั้งละครซึ่งกำลังออกอากาศ บอกว่าเทียบกับปีก่อนๆ ปีนี้ผลงานของเขา “เยอะนะ” ด้วยปัจจุบันเวลาจะรับงานอะไร เขามักพิจารณาจาก 2 เงื่อนไข หนึ่งคือความเหมาะสม

“ด้วยความที่ผมโตแล้ว ส่วนใหญ่ละคร บทของพระ-นางอยู่ที่ประมาณ 20-35 ปี เพราะฉะนั้น จะเล่นอะไรก็ต้องดูให้เหมาะสม”

ขณะเดียวกัน “ละครเรื่องหนึ่งถ่ายนาน 7-8 เดือน เพราะฉะนั้น ถ้าถ่าย 2 เรื่อง มันต้องคาบเกี่ยวเรื่องครอบครัว”

ยิ่งเมื่อภรรยามาทำหน้าที่ผู้จัด ก็ต้องช่วยกันจัดสรรเวลาให้มีเวลาสำหรับลูก

เคนที่เป็นนักแสดงมายาวนานถึง 20 ปี บอกยิ้มๆ ด้วยว่า จากวันแรกที่เข้ามาแบบ “ไม่เข้าใจมัน” ถึงวันนี้เขาไปได้ไกลกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ

“5 ปีแรกในวงการ จากที่ไม่ชอบ และต้องการแค่อยากให้คนเปลี่ยนคำพูด เปลี่ยนความคิด จากที่บอกว่าเราเล่นไม่เก่ง อยากให้พูดว่าผู้ชายคนนี้โอเค เล่นดี ซึ่งพอถึงจุดนั้น ที่คนยอมรับ ว่าเราเป็นนักแสดงจริงๆ จนมาถึงวันนี้ คือเราไม่ได้คิดขนาดนี้เลย”

“มาไกลกว่าที่ผมคิดเยอะมาก”

กับงานแสดงที่เจ้าตัวว่า ณ ตอนนี้คืออาชีพที่รัก หากกระนั้น “ไม่ใช่ว่ารักอาชีพนี้แล้วต้องทำได้ทุกอย่าง ต้องทำทุกงาน หรือรับทุกอย่างที่ติดต่อมา อันนั้นไม่ใช่”

“ผมรักก็จริง แต่ขณะเดียวกันผมก็ต้องมีแพสชั่นว่าอยากทำสิ่งนี้จริงๆ มันถึงจะมีไฟ เราอยู่กับงานละครเรื่องหนึ่ง 7-8 เดือน ถ้าลึกๆ แล้วเรามีคำถามอยู่ในหัว หรือไม่อยากทำ สุดท้ายมันจะไม่เกิดคุณค่าอะไรเลยในการทำงานชิ้นนั้น”

ในห้วง 20 ปีอันยาวนาน พระเอกคนดังบอกตามตรงว่า จากช่วงแรกๆ ที่ไม่เข้าใจ เขาผ่านมาจนถึงช่วงที่เข้าใจ ช่วงที่เบื่อไม่อยากทำอีกต่อไป และช่วงปัจจุบันที่ “สามารถเลือกในสิ่งที่ต้องการได้แล้ว”

“ผมถือว่าโอเคมากเลย ในฐานะนักแสดงและครอบครัวที่สามารถเลือกได้ว่าอยากทำอะไร ไม่อยากทำอะไร”

แผนชีวิตของ “คนรักงาน แต่ไม่ได้บ้างาน” คนที่ตั้งใจ “จะให้เวลากับอีกสิ่งในชีวิต ซึ่งสำคัญมากเหมือนกัน นั่นคือครอบครัว ซึ่งสำคัญมากกว่า” จึงเป็นการรับงานดีๆ ที่ไม่ต้องมาก เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับลูกและภรรยา รวมถึงพากันไปเที่ยวยาวๆ ปีละ 2 ครั้ง

ในส่วนของครอบครัว เคนบอกว่าเขาเป็นคนตามใจภรรยา

“เพราะเป็นภรรยาเราไง” คือเหตุผลที่มาพร้อมเสียงหัวเราะร่วน

“จริงๆ คุณหน่อยเขาก็จ่ายให้ผมเหมือนกัน ไม่ใช่ผมจ่ายคนเดียว ของแพงๆ ก็มีซื้อบ้าง แต่เรื่องราคาไม่ใช่ประเด็นหรอก เอาเป็นว่าถ้าเขาอยากได้อะไร โดยที่เราทำได้และไม่เหลือบ่ากว่าแรงมากเกินไป เราก็ทำ เพราะถือกฎว่า ถ้าภรรยาแฮปปี้ ชีวิตเราจะแฮปปี้มากกว่า”

“ถ้าภรรยาแฮปปี้ เรามีความสุขแล้ว”

“แล้วโชคดีที่ภรรยาผมเขาเป็นน่ารัก ไม่ค่อยอยากได้อะไรที่แพงๆ มากหรอก เขาเคยพูดแซวๆ ว่าอยากได้ แต่พอผมจะให้จริงๆ เขาบอกไม่เอา เขาพูดเล่น ก็นึกในใจว่าโชคดีจังเลย” เล่าแล้วเคนก็ยิ้ม

หากในส่วนลูกนั้นแตกต่าง เพราะ “ถ้าเป็นลูก ผมจะไม่ค่อยตามใจ เพราะเขายังหาเงินไม่ได้ ก็จะไม่ได้อะไรที่แพงๆ”

แต่เอาเข้าจริงทั้ง “คุน” และ “จุน” ก็ไม่ได้อยากได้อะไรนัก เพราะที่นิยมเล่นก็เป็นเกมและของอะไรทั่วไป

ขณะที่ในส่วนของอนาคต ถ้าเป็นเรื่องงาน เคนบอกว่า ในฐานะนักแสดง ถ้ามีสิ่งที่ท้าทาย และ “ยังสามารถเป็นตัวเมนได้อยู่ ก็อยากเล่นนะ”

“รู้สึกว่าเราโตแล้ว ประสบการณ์มากขึ้น ก็อยากถ่ายทอดหลายๆ อย่างที่มันมากกว่าเด็กวัยรุ่นหรือวัยอื่น ซึ่งผมมองว่าบางทีคนยิ่งโต ยิ่งมีประสบการณ์ ยิ่งมีเรื่องมาเล่าเยอะ”

“แต่ผมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสตรงนี้ไปอีกนานแค่ไหน เรากำหนดอะไรไม่ได้”

“หากลึกๆ ก็แอบหวัง”

“จริงๆ แล้ว ผมไม่เคยมองว่าตัวเองทำงานเก่งเลยนะ

แต่มองว่าเป็นแฟมิลี่แมน

ผมเป็นคนชอบอยู่กับครอบครัว

ส่วนที่ผมทำงานเป็น 10 ปี เพราะผมต้องทำ”