บทความของนงนุช สิงหเดชะ เรื่อง “เกาะโต๊ะ” แล้ว ไม่น่าจะเป็นไปได้/จดหมายฉบับประจำวันที่ 26 ค.ต.- 1 พ.ย. 2561

จดหมาย

0 หนุน “คสช.”

ได้อ่านบทความของนงนุช สิงหเดชะ เรื่อง “เกาะโต๊ะ” แล้ว
ไม่น่าจะเป็นไปได้
เกี่ยวกับเรื่องการเกาะโต๊ะขอตำแหน่งผู้นำทหาร ของ “พี่ใหญ่” นั้น
คนระดับนี้จะไม่ยอมทำแบบนั้นเป็นอันขาด
อย่างกรณีอดีตนายกฯ ทำกับข้าวนั้น
คนแดนไกลไปพบท่าน ขอให้ช่วยไปรับตำแหน่งนายกฯ พร้อมกับชดใช้หนี้สินที่มีอยู่ทั้งหมดด้วย
โดยนั่งคุยกันที่โต๊ะรับแขก
สำหรับกรณี “เกาะโต๊ะ” คนแดนไกลได้โทร.ให้พี่ใหญ่ไปพบที่ สนง. และก็คงจะพูดคุยกันที่โต๊ะรับแขก ตามมารยาทของคนระดับประเทศ
พร้อมกับเสนอให้เป็นผู้นำทหาร
โดยมีข้อแม้ (ออปชั่น) ว่า “ถ้าเป็นผู้นำทหาร ต้องควบคุมสถานการณ์ไว้ อย่าให้มีการปฏิวัติหรือรัฐประหาร”
เหตุการณ์ก็เรียบร้อย
หลังจากนั้น หมดยุคพี่ใหญ่ จึงมีการยึดอำนาจ ช่วงที่คนแดนไกลเดินทางไปประชุมที่อเมริกา ดังที่ทราบ
นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ทำนองนี้อีกหลายครั้ง
คนแดนไกลถนัดเรื่องการใช้เงินไม่อั้น เพื่อหลอกใช้คนให้ทำงาน แถมได้บุญคุณอีกต่างหาก
คนในภาคอีสานทั้งหลายก็ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ ขายเสียงให้แบบหมดหัวใจ
กรรมตามทัน เพราะคนแดนไกลก็ถูกฝรั่งใช้เป็นเครื่องมือในการจับนายฮัมบาลี
และเข้าร่วมสงครามถล่มอิรัก ดังที่ทราบแล้ว
ผู้นำแบบนี้ มีแต่สร้างศัตรูให้กับประเทศชาติ
อีกเรื่องก็คือ โทร.สั่งให้นายกฯ ใกล้บ้าน ยิงปืนใหญ่เข้าประเทศไทย เกี่ยวกับคดีพิพาทดินแดน
เขาถนัดมากๆ เรื่องยุแหย่ และสร้างสถานกรณ์
จาก
ท.ทหาร นอกค่าย

ไม่ยืนยันข้อมูลจาก “ท.ทหาร นอกค่าย” ใดๆ ทั้งสิ้น
แต่ที่เอาไปรษณียบัตรนี้ให้อ่าน
ก็คือ จุดยืนและข้อมูลอีกชุดหนึ่ง
ที่แน่นอนว่า เข้าข้างฝ่าย “เกาะโต๊ะ”
ความเชื่อชุดนี้เชื่อว่าคงมีอยู่มากใน “ฝ่ายสีเขียว”
ซึ่งเชียร์ “คอ-สอ-ชอ”
และอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายสีกากี (บางส่วน) ในจดหมายฉบับต่อไป

0 หนุน “ทษช.”

ผมขอฝากความหวังไปยังพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ ผ่านทางมติชนสุดสัปดาห์ด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง
ทั้งนี้ แล้วแต่เห็นสมควร
ผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้ว ที่บ้านเมืองจะถึงจุดเปลี่ยน หลังจากจมปรักกับการเมืองน้ำเน่ามานาน
สาเหตุเนื่องจากพรรคการเมืองน้ำเน่าบางพรรคที่ดีแต่พูด
ใช้วาทกรรมใส่รายรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
แล้วสร้างสถานการณ์ จนเป็นเหตุให้เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหาร
การทำรัฐประหารครั้งนี้คนส่วนมากเชื่อว่า เป็นการวางแผนสมคบคิดกันมายาวนาน
จะอย่างไรก็ตาม
คณะรัฐประหารได้กำหนดวันเลือกตั้งมาแล้วคือ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562
วันนี้แหละที่ผมเชื่อว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศครั้งสำคัญ
และก็เชื่ออีกว่า ฝ่ายประชาธิปไตยจะเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง
ผมจึงฝากความหวังไว้กับพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่
ประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้หรือไม่
2 พรรคนี้จะต้องจับมือกันให้มั่น แล้วเดินไปด้วยกัน
พรรคหนึ่งเป็นพรรคเก่าน้ำดี
ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน
มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ด้วยสมองอันฉลาดปราดเปรื่องของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้สร้างผลงานไว้มากมาย
ประชาชนจึงเชื่อถือมาจนถึงปัจจุบัน
ผมเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยจะนำมาเป็นที่ 1 ในการเลือกตั้งคราวนี้ เหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา
จะไม่กล้าทำอะไรนอกกรอบ ผลดีของความกลัว คือจะเดินอย่างระมัดระวัง
พรรคอนาคตใหม่เป็นอีกพรรคหนึ่ง เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ไฟแรง รักความยุติธรรม กล้าได้กล้าเสีย มีความคิดก้าวหน้า รังเกียจนักการเมืองน้ำเน่า
มีผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมงานมากมายพร้อมสู้กับนักการเมืองน้ำเน่า เจ้าเล่ห์ได้ทุกเมื่อ
จะเป็นพรรคใหม่น้ำดี มาไล่พรรคเก่าน้ำเสียให้หมดไป
ถ้า 2 พรรคนี้ร่วมกันสู้ ศัตรูพ่ายแน่นอน
จึงเป็นความหวังของฝ่ายประชาธิปไตย จะได้มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เสียที
ขอขอบคุณล่วงหน้า
ร.ต.ท.นฐพล พิทักษ์

ตรงกันข้ามกับ “ท.ทหาร นอกค่าย” สุดขั้ว
ร.ต.ท.นฐพล พิทักษ์ มีความหวังกับ “เพื่อไทย” อย่างสูง
และยิ่งเมื่อจับมือกับ “อนาคตใหม่”
เชื่อมั่นว่า จะกลายเป็น “ความหวังของฝ่ายประชาธิปไตย”
ภายใต้ธง “ทษช.”–ทักษิณ ชินวัตร
จริงหรือไม่
คนไทยจะร่วมกันตัดสินว่าจะเชื่อในฝ่ายใด
นี่คือข้อดีของการเลือกตั้ง–
ยอมรับในเสียงข้างมาก-เคารพในเสียงข้างน้อย