หลังเลนส์ในดงลึก / ปริญญากร วรวรรณ / ‘หมูส้ม’

หลังเลนส์ในดงลึก ปริญญากร วรวรรณ 'หมูส้ม' "ห มูส้ม" คือสิ่งที่คนทำงานในป่าคุ้นเคย เพราะนี่คือเสบียงประจำเมื่อต้องทำงานในป่านานหลายวัน ไม่ว่าจะเป็นชุดลาดตระเวนจากหน่วยพิทักษ์ป่า หรือนักวิจัย และเหล่าผู้ช่วย มักมีหมูส้มเป็นเสบียงหลัก รองจากข้าวสาร ว่าตามจริง หมูส้มก็คือการถนอมอาหารอย่างหนึ่ง วิธีทำไม่ยุ่งยาก นำเนื้อหมูมาหั่น โขลกกระเทียมกับเกลือ นำมาคลุกเข้ากับเนื้อหมู แล้วใส่ภาชนะบรรจุ แบ่งเป็นส่วนๆ ใส่เป้ ช่วยกันแบกไป หมูส้มอยู่ได้นานหลายวัน เนื้อหมูไม่เน่า ข้อเสียมีเพียงในวันท้ายๆ รสชาติหมูส้มจะออกเปรี้ยวๆ ไม่ว่าจะปรุงอย่างไร รสกับข้าวก็ยังเป็นหมูส้มนั่นแหละ เดินป่ามาทั้งวัน นั่งในซุ้มบังไพรตั้งแต่เช้ามืดจรดค่ำ ตอนเย็นมีเนื้อหมูประกอบอาหาร เพียงเท่านี้ แม้ว่าจะต้องนั่งเบียดกันใต้ผ้ายาง ละอองฝนสาดเข้าหา บนพื้นเต็มไปด้วยมด ก็เป็นความรื่นรมย์แล้ว ตั้ งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนตุลาคม ในป่า นี่คือช่วงเวลาแห่งความเปียกชื้น แสงแดดมักมีแค่ครึ่งวัน ตั้งแต่บ่ายกระทั่งพลบค่ำ จนถึงรุ่งเช้า ท้องฟ้ามีเพียงเมฆดำ ในป่าดิบชื้น นี่คือเวลาของทาก แต่ใช่ว่าเห็บลมตัวเล็กๆ จะหายไป ครั้งใดที่เผลอนั่งบนขอนไม้ หรือบนพื้น อีกราวสองวันตุ่มแดงๆ และอาการคันจะปรากฏทั่วร่างกาย ฝนจะตกอย่างสม่ำเสมอ ป่ารกทึบ ระดับน้ำในลำห้วยไหลแรง ผึ้งจำนวนมหาศาลเบาบางลง มาแทนคือยุงและริ้น รวมทั้งเหลือบและคุ่น ที่ดูจะ "ร้าย" พอๆ กัน นกขนาดใหญ่อย่างนกเงือก พาลูกซึ่งเติบโตเกือบเต็มวัยออกจากโพรงหมดแล้ว แต่ยังมีนกเล็กๆ หลายชนิดกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเลี้ยงลูก อาหารสำหรับนก อุดมสมบูรณ์ เหล่าแมลงได้เวลาวางไข่ ต้นผลไม้หลายชนิด โดยเฉพาะต้นไทร ทยอยออกลูกสุก นกกก นกกู๋กี๋ หรือนกเงือกกรามช้าง บินเข้า-ออกต้นไทร ขณะนกเงือกสีน้ำตาล บินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มนกแก๊ก ส่วนนกขุนทอง นกเขาเปล้า นกขมิ้น มักใช้เวลาอยู่บนต้นอาหารทั้งวัน พวกมันไม่หลบแม้ตอนหมีควายไต่ขึ้นมานั่งบนคบไม้ เพื่อร่วมกินผลไม้ด้วย บริเวณต้นไทรคึกคัก เสียงดังวุ่นวาย เมื่อต้นไทรมีลูกสุก บริเวณนั้นก็ไม่ต่างกับมีตลาดนัดที่คนมาจับจ่ายหาซื้อกับข้าว ส ายฝนพรำๆ หลังตกหนักตั้งแต่บ่าย น้ำสีโคลนเจิ่งนอง ทางดินลื่นไถล สะพานข้ามห้วยหลายแห่งโดนกระแสน้ำพัดชำรุด ต้องใช้ทางเบี่ยง ตรงทางเบี่ยงนี่แหละ ที่รถมักติด งานซ่อมบำรุงเส้นทางคือภารกิจเร่งด่วน พวกเขาใช้จอบขุดทำร่องระบายน้ำ หาไม้มาซ่อมสะพาน เอาหินใส่ร่องลึกๆ ซึ่งก็ช่วยไม่ได้เท่าไรนักหรอก เดินทางในช่วงนี้ การต้องลงไปขุดทาง เข็นรถ หรือใช้วินช์ช่วย คือเรื่องปกติ เย็นวันนั้น ผมกับจักรสินกลับจากซื้อเสบียง กว่าจะถึงหน่วยพิทักษ์ป่า ที่อยู่กึ่งกลางเส้นทาง เราใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง "แวะกินข้าวก่อนครับ" โก๊ะ ชายร่างสันทัด ผิวคล้ำจัด ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืดสีมอๆ ที่ยืนข้างทางและผมหยุดรถทักทายพูด ผมกับจักรสินเดินเข้าไปร่วมวง ที่มีคน 3-4 คนนั่งบนแคร่หน้าห้องพัก "ของฝากครับ" ผมยื่นขวดน้ำใสๆ ให้ชายผิวคล้ำ ผมคุ้นเคยกับเขามานานแล้ว นอกจากจะเป็นหัวหน้าชุดลาดตระเวน เขายังเป็นพ่อครัวฝีมือดี "เพิ่งกลับออกจากป่าสักพักนี่เองครับ" เขาบอก พวกเขาออกลาดตระเวนตามปกติตั้งแต่สัปดาห์ก่อน "เมื่อวานยิงกันชุดใหญ่" ชายผิวคล้ำเล่าเสียงเรียบๆ พวกเขาพบคนลักลอบเข้าป่า 3 คน จึงบอกให้หยุด "สองคนมันหยุด แต่คนหลังมันยิงเลย ดีว่าเป็นลูกซอง และไกล ไม่มีใครเจ็บ" หลังจากนั้นมีการปะทะราว 10 นาที "พวกมันยิงไปถอยไป เข้าไปดูตอนหลังเห็นรอยเลือด มีเจ็บไปเหมือนกัน ทิ้งของกลางไว้ มีเต่ากับส้มค่างสัก 5 กิโลได้" ชุดลาดตระเวนผ่านการอบรมการลาดตระเวนเชิงคุณภาพมาเป็นอย่างดี พวกเขาฝึกการเข้าจับกุม ปะทะ รวมทั้งทักษะการหาข่าว ครูฝึกเข้มงวด จริงจังกับคนในป่าที่เข้าอบรมมาก โก๊ะ ชายร่างสันทัด ผิวคล้ำ เป็นศิษย์ที่ครูฝึกภูมิใจ ผมกับจักรสินนั่งฟังพวกเขาเล่าเงียบๆ ดูเหมือนไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลใด ฤดูแล้ง หรือฤดูฝน สัตว์ป่าก็ไม่พ้นการถูกคุกคาม ส ายหมอกหนาปกคลุมรอบๆ บ้านพัก เสียงจักรสินโขลกเกลือกับกระเทียม เตรียมหมักหมูส้ม เสบียงสำหรับการทำงานในป่าของเรา "ตอนเอาใส่กล่อง อย่าให้มีน้ำครับ จะได้ไม่ค่อยเปรี้ยว" เขาบอกเคล็ดลับ เพราะเขาได้ยินผมบ่นในวันท้ายๆ ที่อยู่ในป่าบ่อยๆ เราแบ่งกองเสบียงเท่าๆ กันเพื่อบรรจุใส่เป้ เมื่อคืนผมออกจากหน่วยโก๊ะค่อนข้างดึก ชายผิวคล้ำเดินมาส่งถึงรถ "ขับระวังๆ ครับ ทางลื่น หล่มเยอะ" เขาพูด "คงไม่มีไม้ล้มขวางนะ" "โชคดี แล้วพบกันครับ" ผมตบไหล่ชายผิวคล้ำ ด้วยทักษะที่เขาได้รับการอบรมมา ผมเชื่อว่า เขาและลูกทีมเอาตัวรอดได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ปะทะ ห มูส้ม คนทำงานในป่าคุ้นเคยกับสิ่งนี้ดี เมื่อคืนผมบอกลาเพื่อนด้วยประโยค "ขอให้โชคดี" นอกจากหมูส้ม บางครั้ง "โชคดี" ก็คือสิ่งที่ชายผิวคล้ำและลูกทีมของเขาต้องการเช่นกัน บรรยายภาพ กวางป่ากับกา - การอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาของเหล่าสัตว์ป่า คือบทเรียนอีกอย่างหนึ่งที่แสดงให้คนเห็น

หลังเลนส์ในดงลึก / ปริญญากร วรวรรณ

 

‘หมูส้ม’

 

“หมูส้ม” คือสิ่งที่คนทำงานในป่าคุ้นเคย

เพราะนี่คือเสบียงประจำเมื่อต้องทำงานในป่านานหลายวัน ไม่ว่าจะเป็นชุดลาดตระเวนจากหน่วยพิทักษ์ป่า หรือนักวิจัย และเหล่าผู้ช่วย มักมีหมูส้มเป็นเสบียงหลัก รองจากข้าวสาร

ว่าตามจริง หมูส้มก็คือการถนอมอาหารอย่างหนึ่ง

วิธีทำไม่ยุ่งยาก นำเนื้อหมูมาหั่น โขลกกระเทียมกับเกลือ นำมาคลุกเข้ากับเนื้อหมู แล้วใส่ภาชนะบรรจุ แบ่งเป็นส่วนๆ ใส่เป้ ช่วยกันแบกไป

หมูส้มอยู่ได้นานหลายวัน เนื้อหมูไม่เน่า ข้อเสียมีเพียงในวันท้ายๆ รสชาติหมูส้มจะออกเปรี้ยวๆ ไม่ว่าจะปรุงอย่างไร รสกับข้าวก็ยังเป็นหมูส้มนั่นแหละ

เดินป่ามาทั้งวัน นั่งในซุ้มบังไพรตั้งแต่เช้ามืดจรดค่ำ ตอนเย็นมีเนื้อหมูประกอบอาหาร

เพียงเท่านี้ แม้ว่าจะต้องนั่งเบียดกันใต้ผ้ายาง ละอองฝนสาดเข้าหา บนพื้นเต็มไปด้วยมด

ก็เป็นความรื่นรมย์แล้ว

 

ตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนตุลาคม ในป่า นี่คือช่วงเวลาแห่งความเปียกชื้น แสงแดดมักมีแค่ครึ่งวัน ตั้งแต่บ่ายกระทั่งพลบค่ำ จนถึงรุ่งเช้า ท้องฟ้ามีเพียงเมฆดำ

ในป่าดิบชื้น นี่คือเวลาของทาก แต่ใช่ว่าเห็บลมตัวเล็กๆ จะหายไป ครั้งใดที่เผลอนั่งบนขอนไม้ หรือบนพื้น อีกราวสองวันตุ่มแดงๆ และอาการคันจะปรากฏทั่วร่างกาย

ฝนจะตกอย่างสม่ำเสมอ ป่ารกทึบ ระดับน้ำในลำห้วยไหลแรง ผึ้งจำนวนมหาศาลเบาบางลง มาแทนคือยุงและริ้น รวมทั้งเหลือบและคุ่น ที่ดูจะ “ร้าย” พอๆ กัน

นกขนาดใหญ่อย่างนกเงือก พาลูกซึ่งเติบโตเกือบเต็มวัยออกจากโพรงหมดแล้ว แต่ยังมีนกเล็กๆ หลายชนิดกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเลี้ยงลูก

อาหารสำหรับนก อุดมสมบูรณ์ เหล่าแมลงได้เวลาวางไข่ ต้นผลไม้หลายชนิด โดยเฉพาะต้นไทร ทยอยออกลูกสุก

นกกก นกกู๋กี๋ หรือนกเงือกกรามช้าง บินเข้า-ออกต้นไทร ขณะนกเงือกสีน้ำตาล บินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มนกแก๊ก

ส่วนนกขุนทอง นกเขาเปล้า นกขมิ้น มักใช้เวลาอยู่บนต้นอาหารทั้งวัน พวกมันไม่หลบแม้ตอนหมีควายไต่ขึ้นมานั่งบนคบไม้ เพื่อร่วมกินผลไม้ด้วย

บริเวณต้นไทรคึกคัก เสียงดังวุ่นวาย

เมื่อต้นไทรมีลูกสุก บริเวณนั้นก็ไม่ต่างกับมีตลาดนัดที่คนมาจับจ่ายหาซื้อกับข้าว

 

สายฝนพรำๆ หลังตกหนักตั้งแต่บ่าย น้ำสีโคลนเจิ่งนอง ทางดินลื่นไถล

สะพานข้ามห้วยหลายแห่งโดนกระแสน้ำพัดชำรุด ต้องใช้ทางเบี่ยง

ตรงทางเบี่ยงนี่แหละ ที่รถมักติด

งานซ่อมบำรุงเส้นทางคือภารกิจเร่งด่วน พวกเขาใช้จอบขุดทำร่องระบายน้ำ หาไม้มาซ่อมสะพาน เอาหินใส่ร่องลึกๆ ซึ่งก็ช่วยไม่ได้เท่าไรนักหรอก เดินทางในช่วงนี้ การต้องลงไปขุดทาง เข็นรถ หรือใช้วินช์ช่วย คือเรื่องปกติ

เย็นวันนั้น ผมกับจักรสินกลับจากซื้อเสบียง

กว่าจะถึงหน่วยพิทักษ์ป่า ที่อยู่กึ่งกลางเส้นทาง เราใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง

“แวะกินข้าวก่อนครับ” โก๊ะ ชายร่างสันทัด ผิวคล้ำจัด ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืดสีมอๆ ที่ยืนข้างทางและผมหยุดรถทักทายพูด

ผมกับจักรสินเดินเข้าไปร่วมวง ที่มีคน 3-4 คนนั่งบนแคร่หน้าห้องพัก

“ของฝากครับ” ผมยื่นขวดน้ำใสๆ ให้ชายผิวคล้ำ

ผมคุ้นเคยกับเขามานานแล้ว นอกจากจะเป็นหัวหน้าชุดลาดตระเวน เขายังเป็นพ่อครัวฝีมือดี

“เพิ่งกลับออกจากป่าสักพักนี่เองครับ” เขาบอก พวกเขาออกลาดตระเวนตามปกติตั้งแต่สัปดาห์ก่อน

“เมื่อวานยิงกันชุดใหญ่” ชายผิวคล้ำเล่าเสียงเรียบๆ

พวกเขาพบคนลักลอบเข้าป่า 3 คน จึงบอกให้หยุด

“สองคนมันหยุด แต่คนหลังมันยิงเลย ดีว่าเป็นลูกซอง และไกล ไม่มีใครเจ็บ”

หลังจากนั้นมีการปะทะราว 10 นาที

“พวกมันยิงไปถอยไป เข้าไปดูตอนหลังเห็นรอยเลือด มีเจ็บไปเหมือนกัน ทิ้งของกลางไว้ มีเต่ากับส้มค่างสัก 5 กิโลได้”

ชุดลาดตระเวนผ่านการอบรมการลาดตระเวนเชิงคุณภาพมาเป็นอย่างดี

พวกเขาฝึกการเข้าจับกุม ปะทะ รวมทั้งทักษะการหาข่าว

ครูฝึกเข้มงวด จริงจังกับคนในป่าที่เข้าอบรมมาก

โก๊ะ ชายร่างสันทัด ผิวคล้ำ เป็นศิษย์ที่ครูฝึกภูมิใจ

ผมกับจักรสินนั่งฟังพวกเขาเล่าเงียบๆ

ดูเหมือนไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลใด ฤดูแล้ง หรือฤดูฝน

สัตว์ป่าก็ไม่พ้นการถูกคุกคาม

 

สายหมอกหนาปกคลุมรอบๆ บ้านพัก

เสียงจักรสินโขลกเกลือกับกระเทียม เตรียมหมักหมูส้ม เสบียงสำหรับการทำงานในป่าของเรา

“ตอนเอาใส่กล่อง อย่าให้มีน้ำครับ จะได้ไม่ค่อยเปรี้ยว” เขาบอกเคล็ดลับ เพราะเขาได้ยินผมบ่นในวันท้ายๆ ที่อยู่ในป่าบ่อยๆ

เราแบ่งกองเสบียงเท่าๆ กันเพื่อบรรจุใส่เป้

เมื่อคืนผมออกจากหน่วยโก๊ะค่อนข้างดึก ชายผิวคล้ำเดินมาส่งถึงรถ

“ขับระวังๆ ครับ ทางลื่น หล่มเยอะ” เขาพูด

“คงไม่มีไม้ล้มขวางนะ”

“โชคดี แล้วพบกันครับ” ผมตบไหล่ชายผิวคล้ำ

ด้วยทักษะที่เขาได้รับการอบรมมา ผมเชื่อว่า เขาและลูกทีมเอาตัวรอดได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ปะทะ

 

หมูส้ม คนทำงานในป่าคุ้นเคยกับสิ่งนี้ดี

เมื่อคืนผมบอกลาเพื่อนด้วยประโยค “ขอให้โชคดี”

นอกจากหมูส้ม บางครั้ง “โชคดี” ก็คือสิ่งที่ชายผิวคล้ำและลูกทีมของเขาต้องการเช่นกัน