คุณ(ตู่)ปลื้ม

ถามว่า ที่ผ่านมา คุณ (ไหน) ปลื้ม พรรคพลังชลมากที่สุด

ใครตอบไม่ได้ ต้องถือว่าเชย

คุณ “ตู่” ปลื้มมากที่สุดไง

ต้องยกนิ้วให้ทายาทสกุล “คุณปลื้ม” เสน่ห์แรงจริงๆ

ทั้งที่หากติดตาม “การตอบสนอง” ทางการเมือง แก่ผู้ที่ทำงานให้รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แล้ว

ใครๆ ก็ยกให้กลุ่มสามมิตร นำโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

ที่เชิญ ดึง ดูด คนมาร่วมสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐมากที่สุด

แต่การปูนบำเหน็จให้

ปรากฏว่ามีเพียงแต่ “ข่าว”

เช่น จะให้เก้าอี้รัฐมนตรีใหญ่ในรัฐบาลหน้า

หรืออาจจะมีตัวแทนเข้าไปเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดเตรียมเลือกตั้งนี้

แต่ข่าวก็ยังเป็นเพียงข่าวเท่านั้น

ต่างกับคนสกุลคุณปลื้ม

เพียงมีข่าวว่าพรรคพลังชลเข้าร่วมสนับสนุน คสช.เท่านั้น

ชื่อของนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล ถูกขึ้นป้ายเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านการเมืองทันที

ขณะที่นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกเทศมนตรีเมืองพัทยาคว้าเก้าอี้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ใหญ่เบิ้ม ทั้งพี่ทั้งน้อง

อย่างนี้ ไม่เรียกว่าเสน่ห์แรงแล้ว

จะเรียกอะไร

โอเค 8 เสียงในเมืองชล คือเสน่ห์ของตาย ที่พรรคพลังชล จะมอบให้ พล.อ.ประยุทธ์

ประกอบกับการร่วมไม้ร่วมมือกับกลุ่มสามมิตร ที่ทำให้ดุลการเมืองในภาคตะวันออกเทมาทาง คสช. ตั้งแต่ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี

ทำให้เครดิตพลังชลที่ดีอยู่แล้ว ดีขึ้นไปอีก

แต่กระนั้น การที่พรรคพลังชลพยายามโชว์จุดยืน

จะดำรงพรรคในฐานะ “พันธมิตร” กับ คสช.

โดยไม่ยุบรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐนั้น

ทำให้ “บิ๊กตู่” และ คสช. รู้สึกไม่เต็มที่

นี่จึงอาจนำมาสู่ประกาศราชกิจจานุเบกษาให้ พลตำรวจตรีอนันต์ เจริญชาศรี พ้นจากตำแหน่งนายกเมืองพัทยา

และให้นายสนธยา คุณปลื้ม เป็นแทน

และยังแถมให้ตั้งรองนายกเมืองพัทยาได้อีกไม่เกิน 4 คน

ส้มหล่นใส่ “คุณปลื้ม” อีกรอบ

โดยมีข่าวการแลกเปลี่ยนดังนี้

1) ให้นายอิทธิพลมาเป็นผู้อำนวยการพรรครวมพลังประชารัฐ

2) ให้พรรคพลังชล เว้นวรรคในการเลือกตั้ง โดยกลุ่มพลังชลทั้งหมดย้ายไปสังกัดพรรครวมพลังประชารัฐ

แต่ 3) ให้นายสนธยาเป็นนายกเมืองพัทยา รักษาพรรคพลังชลเอาไว้ ในฐานะพรรคท้องถิ่นต่อไป

“ดีล” ที่งามแบบนี้ มีหรือที่คนสกุลคุณปลื้ม จะไม่ปลื้ม

โดยเฉพาะการได้ดูแลเมืองพัทยา นอกจากเป็นฐานธุรกิจสำคัญของครอบครัวแล้ว

พัทยาก็น้องๆ กระทรวงๆ หนึ่งทีเดียว

นอกจากเก็บรายได้ท้องถิ่นเป็นของตนเองแล้ว

ยังได้เงินอุดหนุนท้องถิ่นอีก

อย่างปี 2561 รับไปเหนาะๆ 1,772.40 ล้านบาท

อู้ฟู่

จึงเป็นบุญบารมีของ “คุณปลื้ม” โดยแท้

ขณะที่กลุ่มสามมิตร ได้แต่ยืนมองด้วยความอิจฉา

และทำใจ วาสนาต่างกัน