“เอ็งตายแน่ถ้าอยู่ในนี้แค่ 7 วัน” ปริศนา “เปรย สปือ” นรกกลางกรุงพนมเปญ

ภาพจาก http://khmernz.blogspot.com/2008/07/we-are-strongly-condemn-hun-sens.html

“เปรย สปือ” อยู่ในพนมเปญ อยู่ในเมืองหลวงของกัมพูชา แต่ลึกลับและเป็นปริศนายิ่งกว่าสถานที่ซึ่งซุกงำอยู่ในซอกหลืบของป่าทึบรกร้างห่างไกลด้วยซ้ำไป

สถานที่ซึ่งประกอบด้วยอาคารคอนกรีตหลายหลัง ปิดล้อมด้วยกำแพงคอนกรีตไม่สูงมากมายนักแห่งนี้ อยู่ในความควบคุมของ “กระทรวงสวัสดิการสังคม” แต่มีทางการกรุงพนมเปญ เป็นเจ้าของ เปิดทำการเมื่อปี 2004 และนับแต่นั้นมาก็กลายเป็นศูนย์รวมเรื่องอื้อฉาวสารพัดเรื่องมาโดยตลอด

พนมเปญ เหมือนเมืองใหญ่อีกหลายเมือง เป็นศูนย์รวมของ คนพิการ ขอทาน คนเร่ร่อน โสเภณี ขี้ยา คนวิกลจริต และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ทางการจะ “ทำความสะอาด” เมืองให้ปลอดจากผู้คนที่บางครั้งถูกเรียกว่า “ขยะสังคม” เหล่านี้

วาระพิเศษในการ “ทำความสะอาด” ทำนองนี้ อาทิ ในช่วงวาระเพื่อ “เตรียมการ” สำหรับรัฐพิธีศพของ “เจีย ซิม” อดีตประธานวุฒิสภากัมพูชาผู้ล่วงลับ เมื่อปี 2015 เป็นต้น

หรือไม่ก็ตัวอย่างหลัดๆ เมื่อราวกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมาที่มีการ “ทำความสะอาด” พนมเปญอีกครั้ง เพื่อเตรียมการต้อนรับการเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการของ สี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน

“เปรย สปือ” คือสถานที่เพื่อรองรับผู้คนจากการ “ทำความสะอาด” ที่ว่านั่น

 

ตอน “ทำความสะอาด” เตรียมพิธีศพ เจีย ซิม มีการกวาดล้างมาได้ 315 คน ตอนเตรียมการต้อนรับแขกเมืองจากปักกิ่งได้มาอีก 53 คน คนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคนพิการ ขอทาน โสเภณี หรือขี้ยาเร่ร่อน เหล่านี้ ถูกนำมารวมอยู่ด้วยกันภายในห้องเพียง 2 หลังที่เปรย สปือ

เหตุผลอาจเป็นเพราะมีเพียง 2 ห้องนี้เท่านั้นที่หน้าต่าง ประตู มีลูกกรงเหล็กควบคุมแน่นหนา แต่ละวันคนเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้ออกมาสูดอากาศภายนอกได้อย่างน้อย 30 นาที มากสุดไม่เคยเกิน 60 นาที

เอม จัน มกรา โฆษกของกระทรวงยืนยันว่า เปรย สปือ ไม่ใช่ห้องขัง ชื่ออย่างเป็นทางการของสถานที่แห่งนี้คือ ศูนย์สวัสดิการสังคมพนมเปญ มุ่งจะถูกใช้เป็น “ที่พักชั่วคราว” และ “สถานที่ฟื้นฟูกับฝึกวิชาชีพ” เพื่อนำคนเหล่านั้นกลับสู่สังคม

แต่ความดังกล่าวขัดแย้งกับความเป็นจริงเหลือหลาย แรกสุดสถานที่แห่งนี้มีผู้ต้องขังอยู่เป็นจำนวนมากตลอดเวลา ถัดมาที่นี้ไม่เคยมีการฝึกวิชาชีพและสุดท้าย สิ่งที่ผู้ที่อยู่ภายในเปรย สปือ หลายๆ คนบอกตรงกันก็คือ ที่นี่เลวร้ายเกินไปที่จะ “ที่พัก” ของใครๆ แม้แต่ชั่วข้ามคืนก็ตาม

เมื่อปี 2007 สันนิบาตเพื่อการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนกัมพูชา เคยได้รับการร้องเรียนจากญาติๆ ให้ช่วยเด็กชายวัย 11 และ 14 ขวบออกมาจากเปรย สปือ ตอนเข้าไปช่วยเหลือนั้นพบว่าเด็กทั้งสองในห้องที่เต็มไปด้วยคนสารพัดเพศวัยและวิถีชีวิตแตกต่างกันไป

ถูกขังรวมอยู่ในสภาพ “ไม่เหมือนมนุษย์”

 

ปลายปี 2008 สันนิบาติฯ จัดทำสารคดีและบันทึกเกี่ยวกับการ “ทารุณกรรม” จนถึงตายในเปรย สปือ เป็นเหตุให้มีการปิดศูนย์แห่งนี้ชั่วคราว แต่แล้วเรื่องราวก็กลับมาเกิดขึ้นใหม่ ทั้งการทำร้ายร่างกาย ทารุณจิตใจ ข่มขืนกระทำชำเรา กระทั่งฆาตกรรม ทำให้ศูนย์นี้ถูกปิดอย่างเป็นทางการในปี 2012

ปิดเพื่อจะเปิดใหม่อีกครั้งในปีถัดมาในชื่อใหม่ “ศูนย์ฝึกอาชีพ ปอ เซน เจย”

เมื่อ คี โสวันนะโรธ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านที่เป็นกรรมาธิการสาธารณสุข ไปตรวจสอบศูนย์แห่งนี้ราวกลางปี 2015 ยังคงมีผู้ถูกควบคุมตัวอยู่มากถึง 89 คน หลายคนอยู่มานานนับปี อีกหลายคนวนเวียนกลับเข้ามาที่นี่หลังจากที่ลักลอบ “หนี” ออกไปหลายครั้ง

ยอน วี กล่อมลูกในมือไปพลาง บอกพลางว่า “อยู่ที่นี่เหมือนอยู่ในนรก” ชนิดที่เร่ร่อนอยู่ตามท้องถนนยังดีกว่า “ไม่มีการฝึกอาชีพ ข้าวปลาอาหารมีไม่พอ เราอยู่ร่วมห้องกับผู้ชาย ไม่เป็นที่เป็นทาง ไม่อิสระ”

ในทางหนึ่ง ไม่เคยมีศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ไหน จับผู้หญิงอยู่รวมกับผู้ชาย ให้คนดีอยู่ร่วมกับผู้วิกลจริต ให้เด็กๆ อยู่ร่วมกับคนติดยา แต่ทั้งหมดนั่นเกิดขึ้นที่เปรย สปือ

ไม่มีคนเร่ร่อนคนไหนจะหลบหนีออกจากที่พักพิง ที่มีอาหารเพียงพอ มีความอบอุ่น มีวิชาชีพให้ฝึกฝนเพื่อเลี้ยงตัวเอง

ไม่มีศูนย์พักพิงที่ไหน มีสภาพเหมือนเรือนจำ หรือในความเป็นจริงมีสภาพ “ยิ่งกว่า” เรือนจำมากเท่าที่นี่

ผู้สื่อข่าวพนมเปญโพสต์ ที่เคยตาม คี โสวันนะโรธ เข้าไปภายในบอกเอาไว้ว่า ผนังห้องขัง เกลื่อนด้วยข้อความระบายอารมณ์

ข้อความหนึ่งขีดเขียนโย้เย้ไว้ว่า “เอ็งตายแน่ถ้าอยู่ในนี้แค่ 7 วัน”

กระนั้นปริศนาใหญ่หลวงที่สุดของ เปรย สปือ ก็คือ ทำไมสถานที่แห่งนี้จึงยังเปิดทำการอยู่ได้ ทั้งๆ ที่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ฮุน เซน กำชับว่า ทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ทำไม่ได้ก็ปิดไปซะ

เปรย สปือ ยังคงอยู่ และดำรงอยู่ในสภาพที่เคยเป็นมา อาจบางทีย่ำแย่ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำไป

ทำไม? คำตอบที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ ยังคงมีคนอีกจำนวนหนึ่งอาศัยผู้คนในกลุ่มที่เปราะบางที่สุดของสังคมกลุ่มนี้เป็นเครื่องมือในการยังชีพของตัวเอง

ยังคงต้องการสูบเลือดสูบเนื้อคนเหล่านี้อยู่ร่ำไป เท่านั้นเอง