บทวิเคราะห์/กองทัพผลัดใบ โฟกัส ‘บิ๊กแดง-บิ๊กลือ-บิ๊กต่าย’ จาก Foxhall-SeaHawk-Rabbit สู่ยุค Smart Soldiers Strong Army จับตา ‘บิ๊กเจี๊ยบ’ ในสถานการณ์พิเศษ

รายงานพิเศษ

กองทัพผลัดใบ

โฟกัส ‘บิ๊กแดง-บิ๊กลือ-บิ๊กต่าย’

จาก Foxhall-SeaHawk-Rabbit

สู่ยุค Smart Soldiers Strong Army

จับตา ‘บิ๊กเจี๊ยบ’ ในสถานการณ์พิเศษ

 

ใกล้เวลากองทัพผลัดใบ วันที่ 5 ผู้นำเหล่าทัพชุดเดิมจะเกษียณราชการ โดยส่งมอบตำแหน่งหน้าที่ในวันที่ 28 กันยายนนี้พร้อมกันหมด เพื่อที่ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่จะได้เริ่มงานได้ทันทีตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2561

โดยที่ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่มีเวลาเตรียมตัวถึง 1 เดือนเต็ม หลังจากที่มีคำสั่งแต่งตั้งโปรดเกล้าฯ ลงมาเมื่อ 1 กันยายน 2561

แต่สำหรับคนที่ “นอนมา” ตั้งแต่ต้น แบบไม่ต้องลุ้น อย่างบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผช.ผบ.ทบ. และว่าที่ ผบ.ทบ.นั้น มีเวลาในการเตรียมตัวเองและเตรียมทีมงานมานานกว่าใครๆ

โดยคาดกันว่า พล.อ.อภิรัชต์จะมอบให้บิ๊กตู่ ว่าที่ พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผช.ผบ.ทบ.คนใหม่ เพื่อนเตรียมทหาร 20 ดูแลสายงานส่งกำลังบำรุง การจัดซื้อจัดหา แทนตนเอง

พล.อ.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ

ส่วนบิ๊กตี๋ ว่าที่ พล.อ.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ว่าที่ ผช.ผบ.ทบ. อาจคุมสายงานกำลังพลและกิจการพลเรือน

โดยมีบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสธ.ทบ. ที่ขยับขึ้นรอง ผบ.ทบ. และเพื่อน ตท.20 จะได้รับมอบหมายงานมากกว่ารอง ผบ.ทบ.ในยุคที่ผ่านๆ มา ด้วยเหตุที่ พล.อ.อภิรัชต์ต้องปฏิบัติงานหลายหน้าที่

คาดกันว่า จะเป็นการเข้าสู่ยุคของการเป็นนายทหารที่เป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งในฐานะนายทหารแห่งกองทัพบก และในฐานะที่ พล.อ.อภิรัชต์เป็น นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.)

จึงไม่แปลกที่จะมีระเบียบต่างๆ ออกมามากขึ้น ระเบียบวินัยเป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งในและนอกเวลาราชการ

และคำเตือนให้ระวังภาพลักษณ์ เพราะทหารทุกคนคือสัญลักษณ์ของกองทัพ ทหารไม่ใช่ดารา ไม่ใช่นักร้องหรือนายแบบ ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นเน็ตไอดอล แต่เน้นให้ใส่ใจดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ดีกว่าการสร้างภาพตัวเอง

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท

ไม่แค่นั้น พล.อ.อภิรัชต์ยังจะประกาศนโยบาย “Smart Soldiers Strong Army” ในการสานต่อการเป็นทหารที่สง่างาม โดยเฉพาะระเบียบวินัยเป๊ะ เคร่งครัดทุกเวลา และเป็นการสานต่อนโยบาย Smart Man Smart Army ของบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. อีกด้วย

โดยเสริมสร้างการทำกองทัพบกให้มีความเข้มแข็งในทุกๆ ด้าน และสอดคล้องกับนโยบาย Stronger Together ของ พล.อ.ประยุทธ์อีกด้วย

 

พล.อ.อภิรัชต์ จบจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ก่อนเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร 20 และนายร้อย จปร.31 แต่ด้วยเหตุที่มาเรียนบางวิชาพร้อมเตรียมทหาร 21 หรือ จปร.32 จึงทำให้มีเพื่อนสนิททั้ง 2 รุ่น

เมื่อจบมา ก็เลือกที่จะเป็นนักบินทหารบก แบบบิ๊กจ๊อด พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ผู้พ่อ สังกัดกองบินปีกหมุน ศูนย์การบินทหารบก และได้ถวายงาน

ก่อนที่จะย้ายมาเป็นเหล่าทหารราบ และเข้ารับราชการใน ร.11 รอ. จนได้เป็น ผบ.ร.11 พัน 2 รอ. และเติบโตตามไลน์ จนเป็น ผบ.ร.11 รอ.

การเข้ามาอยู่ใน ร.11 รอ. ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ได้มี “พี่เลิฟ” ทั้งบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ อดีตรอง ผบ.ทบ. และบิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา อดีต ผช.ผบ.ทบ. ที่ล้วนได้เป็น ผบ.ร.11 รอ. และ ผบ.พล.1 รอ. ก่อนที่ปัจจุบันเป็นองคมนตรี

พล.อ.อภิรัชต์เดินตามรอยเท้าพ่อ และรอยเท้าพี่ จนเป็น ผบ.ร.11 รอ. เช่นกัน

ว่ากันว่า ทั้ง พล.อ.ไพบูลย์ และโดยเฉพาะ พล.อ.ดาว์พงษ์ เพื่อน ตท.๑๒ ของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีส่วนสำคัญในการสนับสนุน พล.อ.อภิรัชต์ให้เติบโต

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์

 

แต่ด้วยจุดยืนและบทบาททางการเมือง ในการปกป้องกองทัพ และ ผบ.ทบ. และสถาบัน รวมทั้งการนำกำลังเข้าคลี่คลายสถานการณ์ “คนเสื้อแดง” จึงทำให้เส้นทางเดินของเขาในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทยถูกสกัด

จากรอง ผบ.พล.1 รอ. ต้องขยับขึ้นเป็นพลตรี หลบออกทางเบี่ยงไปเป็น ผบ.พล.ร.11 กองพลแปดริ้ว ฉะเชิงเทรา และเป็น ผบ.มทบ.15 เพชรบุรี

ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทบ. จะช่วยต่อสู้ให้ พล.อ.อภิรัชต์ได้กลับเข้าไลน์ เป็น ผบ.พล.1 รอ. หน่วยขุมกำลังรัฐประหารของกองทัพภาคที่ 1 แม้จะไม่ใช่น้องในสายทหารเสือราชินี หรือบูรพาพยัคฆ์ แต่ทว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็เลือกบิ๊กแดงแล้ว

และตามมาด้วยการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ในขณะที่ พล.อ.อภิรัชต์เป็น ผบ.พล.1 รอ. นั่นเอง

จากนั้นมา ก็เรียกได้ว่า เข้าสู่ช่วง “ขาขึ้น” ของ พล.อ.อภิรัชต์  ได้ขยับขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 1 คุมกำลังสำคัญของ ทบ. และเป็นกำลังหลักของ คสช. และเป็น “สายตรง” และมือทำงานลับของ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. แถมได้เป็นประธานบอร์ดกองสลากฯ ด้วย

ก่อนขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. และทำหน้าที่รอง ผบ.กองกำลังรักษาความสงบฯ ของ คสช. และเป็นหัวหน้าคณะทำงานพิเศษ ที่แล้วแต่ พล.อ.ประยุทธ์จะสั่งการ ที่ส่วนใหญ่มักเป็น “ว.5”

ด้วยเพราะ พล.อ.อภิรัชต์ไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา ทั้งระดับปริญญาโทด้าน MBA ที่มหาวิทยาลัย Southeastern ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

และหลักสูตรชั้นนายร้อย และนายพัน เหล่าทหารราบ ที่ Fort Benning สหรัฐอเมริกา

ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์มีโค้ดประจำตัวว่า “Foxhall”

พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์

 

ขณะที่บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ว่าที่ ผบ.ทร.คนใหม่นั้น เป็นที่รู้กันดีว่า แม้จะเป็นพรรคนาวิน แต่ก็ชอบแนวบู๊ จนถึงขั้นเคยไปสมัครเรียนหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือมนุษย์กบ หน่วยซีลมาแล้ว ในนาม “A1” แต่มีปัญหาเรื่องหูจากการดำน้ำ จึงทำให้ต้องออกจากการฝึก

แต่ก็ถือเป็นพรรคนาวินที่แข็งแรง เพราะเป็นนักวิ่งมาราธอน เล่นไตรกีฬา ที่ยังคงเล่นกีฬามาจนปัจจุบัน และเป็นนายทหารเรือนักวิจัย ที่คว้ารางวัลมาหลายโครงการ โดยเฉพาะการทำทุ่นระเบิด

ด้วยความที่เป็นนายทหารที่ชอบสายบู๊ จึงทำให้ พล.ร.อ.ลือชัยชอบ “เหยี่ยวทะเล” Sea Hawk ที่ไม่ใช่แค่มีความเป็นพญาเหยี่ยวเท่านั้น แต่มีความเป็นเหยี่ยวทะเลที่สายตากว้างไกลด้วย

พล.ร.อ.ลือชัยเป็นลูกชาวนา บ้านอยู่แถวบางพลี สมุทรปราการ และสู้ชีวิตมาไม่น้อย ตั้งแต่เด็กๆ แต่ด้วยความสง่างามของเครื่องแบบ ทำให้ 3 พี่น้องลูกผู้ชาย เลือกที่จะเข้าโรงเรียนเตรียมทหารกันหมด เป็นครบทั้ง 3 เหล่าทัพ

ทั้งบิ๊กโชย พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ อดีต ผช.ผบ.ทบ. ที่ปัจจุบันเป็นองคมนตรี และ พล.อ.ท.เชี่ยวชาญ รุดดิษฐ์ ที่เป็นทหารอากาศ ส่วน พล.ร.อ.ลือชัย เลือกที่จะเป็นทหารเรือ

เมื่อจบจากโรงเรียนเตรียมทหาร 18 และโรงเรียนนายเรือ รุ่น 75 ก็มาเติบโตในกองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ ประจำเรือหลวงถลาง จนเป็นต้นหน เรือหลวงถลาง ก่อนขยับไปเป็นต้นปืน เรือหลวงแม่กลอง กองเรือตรวจอ่าว และกลับมาเป็นนายทหารสื่อสาร กองเรือทุ่นระเบิด

จากนั้นเป็นผู้บังคับการเรือหลวงท่าดินแดง (ลำแรก) กองเรือทุ่นระเบิด เป็นต้นเรือ เรือหลวงโพสามต้น กองเรือทุ่นระเบิด และเป็นผู้บังคับการเรือ เรือหลวงบางระจัน และผู้บังคับการเรือ เรือหลวงเจ้าพระยา กองเรือฟริเกตที่ 2 และผู้บังคับการเรือ เรือหลวงนเรศวร

ก่อนขยับเป็นผู้บังคับหมวดเรือที่ 2 กองเรือทุ่นระเบิด และเป็นผู้อำนวยการกองการศึกษา กรมกำลังพล ทร. เสนาธิการกองเรือฟริเกตที่ 2 และเป็นรองเสนาธิการทัพเรือภาค 3 และเป็นรองเจ้ากรมยุทธการทหารเรือ

และเป็นพลเรือตรี ตำแหน่งผู้บัญชาการกองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ หน่วยต้นกำเนิด และเป็นผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ

ก่อนเข้ามาคุมสายกำลังรบ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.)  ที่เวลานั้นมีการสะกิดให้จับตามองบิ๊กลือเอาไว้ ก่อนที่จะขึ้นเป็นพลเรือโท เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ และเป็นผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ

และเป็นพลเรือเอก ตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ ที่มีบทบาทสำคัญในการเตรียมการเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีน จนขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการทหารเรือ และเป็น ผบ.ทร.คนที่ 39 แห่งราชนาวีไทย ท่ามกลางการลุ้น

ในด้านหลักสูตรทางทหารนั้น พล.ร.อ.ลือชัยผ่านมาทั้งหลักสูตรต้นหนและนายทหารศูนย์ยุทธการ หลักสูตรนายทหารการสื่อสาร หลักสูตรนายทหารกวาดทุ่นระเบิด หลักสูตรนายทหารพรรคนาวิน (รุ่นที่ 27 โรงเรียนพรรคนาวิน) สถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง หลักสูตรผู้บังคับการเรือและยุทธวิธีผิวน้ำ หลักสูตรเสนาธิการทหารเรือ และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร

ส่วนในต่างประเทศนั้น ผ่านหลักสูตร MINE COUNTERMEASURE INTERNATIONAL OFFICER และ MINE WARFARE ORIENTATION OFFICER สหรัฐอเมริกา และหลักสูตร MARITIME SECURITY ออสเตรเลีย

เมื่อมีเวลาเตรียมตัวถึง 1 เดือนหลังมีคำสั่ง ทำให้ พล.ร.อ.ลือชัยสุดฟิต เตรียมเรียกประชุม ผบ.หน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ 1 ตุลาคมนี้เลย เพื่อมอบนโยบาย สั่งการ และเริ่มสู่ยุคของบิ๊กลือ ที่ก็ออกจะเข้มและเด็ดขาดตามสไตล์

พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน

 

ส่วนแม่ทัพฟ้าคนใหม่ อย่างบิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน นั้น เติบโตมาในไลน์ที่เรียกว่า เส้นทางของเสืออากาศอยู่แล้ว ตั้งแต่จบจากโรงเรียนสวนกุหลาบฯ และโรงเรียนเตรียมทหาร 18 และโรงเรียนนายเรืออากาศ 25

ถือเป็นนักบินดาวรุ่งของกองทัพอากาศมือต้นๆ ในนาม Rabbit ที่ครูการบินตั้งให้ ที่มาจากชื่อเล่น “ต่าย” นั่นเอง แต่ call sign ที่นี่หมายถึง Flying Rabbit กระต่ายบิน เพราะเป็นทหารอากาศ และเป็นนักบินเอฟ 16

เริ่มจากนักบินประจำฝูงบิน 101 กองบิน 1 นครราชสีมา แล้วย้ายไปฝูงบิน 403 กองบิน 4 นครสวรรค์ และเคยเป็นครูการบินเครื่องบินเอฟ 16

ก่อนเข้าไลน์เป็นผู้บังคับฝูงบิน 403 และรองผู้บังคับการกองบิน 1 จนขึ้นเป็นผู้บังคับการกองบิน 1

โดยตามไลน์ของเสืออากาศ ก็จะต้องไปเป็นผู้ช่วยทูตทหารอากาศ โดยไปประจำที่เบอร์ลิน เยอรมนี เป็นเวลา 3 ปี ก่อนกลับมาเป็นรองเจ้ากรมยุทธการทหารอากาศ และเป็นเจ้ากรมข่าว ทอ. และเจ้ากรมยุทธการ ทอ. เป็นรองเสนาธิการ ทอ.

ก่อนขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ และนั่งอยู่ 2 ปี ท่ามกลางการลุ้นว่าจะได้ไฟเขียวให้ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.หรือไม่ จนในที่สุด ฟ้าได้ลิขิตไว้แล้ว

แม้จะเหลืออายุราชการแค่ปีเดียว แต่เพราะ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ทำงานในตำแหน่งสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง จึงไม่มีปัญหาเรื่องอายุราชการที่เหลืออยู่

และนั่นเป็นเหตุผลที่บิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. สนับสนุนและช่วยกรุยทางให้ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.คนที่ 25 ของทัพฟ้าไทย

พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง

 

ขณะที่อดีต ผบ.เหล่าทัพอย่างน้อย 2 คน ทั้ง พล.อ.เฉลิมชัย และ พล.อ.อ.จอม เพื่อน ตท.16 และ วปอ.54 ถูกจับตามองว่า หลังจากเกษียณราชการ 30 กันยายนนี้แล้ว จะมีตำแหน่งสำคัญรองรับ

และไม่ใช่ตำแหน่งในทางการเมือง แม้จะมีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์อยากที่จะดึง พล.อ.เฉลิมชัยมาช่วยงานก็ตาม

โดยจับตากันว่า ในอีกไม่ช้า ทั้ง พล.อ.เฉลิมชัย และ พล.อ.อ.จอม ก็จะลาออกจากการเป็น สนช. เพื่อไปทำหน้าที่สำคัญ

แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ให้มองกันยาวๆ ถึงอนาคตของ พล.อ.เฉลิมชัย ที่กำลังจะเป็นอดีต ผบ.ทบ.รบพิเศษ ที่มาในสถานการณ์พิเศษ คนนี้ให้ดีๆ

เหตุเพราะว่า “สถานการณ์พิเศษ” นั้น ยังไม่สิ้นสุด…แบบที่เรียกว่า อาจต้องได้ “รับใช้ชาติ” กันอีกคราหนึ่ง