กาละแมร์ พัชรศรี : อาหารเป็นพิษแต่จิตใจเบิกบาน

ล้มหมอนนอนเสื่อจนได้ค่ะคุณคะ!!!

ดูแลตัวเองดีมาโดยตลอด ทั้งออกกำลังกาย กินอาหารดีมีประโยชน์ แต่เมื่อประมาทก็พลาดได้ค่ะ

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าไปอัดรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ซีซั่น 6 ในรอบออดิชั่น ใช้เวลา 7 วัน 7 คืนค่ะ เพราะรอบแรกนี้คนมาสมัครหลายร้อยทีม เรียกว่าแทบกินนอนกองถ่าย

การกินอยู่หายห่วง ทีมงานดูแลดีมากค่ะ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินทีมแม่บ้านเวิร์คพอยท์ขึ้นชื่อมาก แค่เอื้อนเอ่ยออกมา ของกินที่อยากกินจะมาวางตรงหน้าทันที

หน้าที่ของพวกเราเหล่าคณะกรรมการ พิธีกร คือแค่บอกว่าอยากกินอะไร เขาจะได้ไปซื้อถูก เรากินได้ อร่อย เขาก็สบายใจ ยิ้มแก้มแตก แต่บางวันก็คิดไม่ค่อยออกค่ะ บางครั้งยังไม่หิวมันคิดไม่ได้จริงๆ

อย่างของฉันแม่บ้านจะรู้ว่ากินไก่ย่างได้ ปลาเผาได้ ไข่ต้มได้ ข้าวกล้อง ผักสด น้ำพริกพอไหว แต่เขาก็กลัวจะเบื่อก็พยายามสรรหาของใหม่ๆ มาให้

วันหนึ่งแม่บ้านลงไปซื้อของแถวที่อัดรายการ มีสาหร่ายพวงองุ่นกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดมาให้เพราะเห็นว่าเป็นผักฉันน่าจะกินได้ ฉันก็กินใหญ่เลยเพราะชอบเป็นทุนเดิม มีน้าเน็คกินไป 2 พวงแต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบอะไร ในกองจึงมีฉันกินอยู่คนเดียว

กินไปตอนกลางวัน พอตกดึกเริ่มปวดมวนท้อง แต่ก็ยังทำงานกันต่อไป กลับมาบ้านปวดท้องตลอดคืน ตื่นมาถ่ายปรกติแต่ยังมวนท้องอยู่อย่างนั้น พะอืดพะอมอยากอาเจียนแต่มันไม่ออก

ไปทำงานต่อวันรุ่งขึ้น ก็ไม่ค่อยอยากจะกินอะไร

พอตกบ่ายระหว่างอัดรายการ ท้องไส้เริ่มมีเสียงครืดคราดเป็นระยะ รู้เลยว่าข้าศึกกำลังประชิดหน้าด่าน

แต่เนื่องจากการอัดรายการดำเนินอย่างต่อเนื่อง ผู้เข้าแข่งขันขึ้นเวทีมาเรื่อยๆ ในใจคิดว่าจะให้หมดรอบบ่ายนี้แล้วค่อยไปเข้าห้องน้ำทีเดียว

พอถ่ายโชว์เสร็จ งานกรรมการยังไม่เสร็จ ต้องมีการถ่ายซ่อมอีกนิดหน่อย ต้องทนรอไปอีกนิด เวลาไม่กี่นาทีตอนนั้นมันดูยาวนานนับชั่วโมงทีเดียว

พอลุกจากที่นั่งได้ก็ตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำทันที!!!

คุณคะ ทุกอย่างพรั่งพรูค่ะ ถ่ายเป็นน้ำทีเดียว ภายในเวลา 2 ชั่วโมงถ่ายไปประมาณ 6-7 ครั้ง ทีมงานเอายาคาร์บอนมาให้กิน เอาเกลือแร่ให้กิน แม่บ้านเป็นห่วงมากและรู้สึกผิด ฉันบอกอย่าคิดมาก ของแบบนี้มันเกิดกันได้ ทีมงานหาที่นอนให้

แต่มันนอนไม่หลับค่ะ เพราะมันหนาวมาก หนาวจนสั่น บังคับร่างกายบังคับปากตัวเองไม่ได้ เอาผ้ามาห่ม เอาเสื้อมาคลุมหลายชั้นก็ไม่หายหนาว ต้องมานอนตากไฟที่ห้องที่เขาเอาไว้ถ่ายทำแล้วเปิดไฟใส่ร่างกายฉันไว้ก็ยังไม่ดีขึ้น

จนโปรดิวเซอร์รายการมาเห็นอาการเลยตัดสินใจให้ไปโรงพยาบาลจะดีกว่า ดูท่าแล้วไม่น่ารอดที่จะถ่ายช่วงค่ำได้ และคิดว่าวันรุ่งขึ้นก็ยังไม่น่าจะไหว จึงสั่งยกกองครึ่งหลังและวันรุ่งขึ้นเพื่อให้ฉันไปโรงพยาบาล

เพื่อนที่เป็นเลขาฯ มารับถึงที่และขับรถไปโรงพยาบาลให้ ไปถึง 4 ทุ่มกว่าแล้วต้องไปห้องฉุกเฉิน เอาอุจจาระไปตรวจ ให้น้ำเกลือและยาฆ่าเชื้อและนอนที่โรงพยาบาลทันที

ตอนนั้นมันทั้งปวดท้อง ไข้สูง 38.5 หนาวสั่น ปวดหัว คลื่นไส้ พอถึงห้องพักก็หลับไปเลยค่ะ

ตื่นเช้ามาอาการดีขึ้นมาก หมอมาบอกว่าน่าจะติดเชื้อแบคทีเรีย ก็ให้ยาร่วมกับน้ำเกลือ และกินอาหารอ่อนๆ โชคดีที่ฉันไม่เป็นแบบรุนแรง ฟื้นตัวเร็ว กินอาหารได้ และหยุดถ่ายในที่สุด

แต่ยังคงมีอาการเพลียๆ และมึนๆ งงๆ อยู่บ้าง อาการไข้หายไป เพิ่งรู้ว่าเมื่อคืนบอกเขาเพิ่มอุณหภูมิแอร์ไปถึง 30 องศา มิน่านอนเหงื่อแตกทีเดียว แต่ก็ดีที่ไข้ลงมาเป็นปรกติ

ฉันนอนอยู่ครึ่งค่อนวันเลยค่ะ มาลุกขึ้นได้เอาตอนบ่ายแก่ๆ มีชมพู่กับครูเอกโยคะมาเยี่ยม จริงๆ ไม่ได้บอกใครเพราะมันไม่ได้เป็นอะไรมาก และคิดว่าอยากนอนพักด้วย ทั้งคู่มาตอนเย็นๆ ใกล้จะออกจากโรงพยาบาลพอดี ชมพู่นางตั้งใจมาเล่นตลกให้ดู นางน่ารักจริงๆ มาพูดคุยเม้าธ์มอยให้มีเสียงหัวเราะผ่อนคลาย

มีข่าวออกในรายการเม้าธ์มันบันเทิงที่ฉันทำอยู่ หลายคนเลยส่งข้อความมาหา

ในทุกเรื่องของชีวิตที่มันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางใจ มันจะมีข้อดีให้เราได้เห็นเสมอนะคะ

ในวันที่เราเจ็บป่วย เราจะตระหนักได้ว่าร่างกายเราไม่ใช่หินผา มันมีวันที่ไม่ไหวได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น จงอย่าประมาท

ในวันที่เราอ่อนแอ เราจะเห็นเพื่อนแท้ชัดขึ้น เราจะเห็นคนที่อยู่เคียงข้างเรา ไม่ทิ้งเราไปไหน

และรู้ได้ว่ามีใครห่วงใยเราอยู่

เรื่องบางเรื่องก็เกิดขึ้นเพื่อให้เราได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นจริงๆ ค่ะ