วางบิล / เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ / สู่ร่มกาสาวพัสตร์ รับสังฆทาน

วางบิล /  เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

สู่ร่มกาสาวพัสตร์ รับสังฆทาน

ความรู้สึกที่ว่าวินัยบางอย่างเริ่มหย่อนยานลงไปบ้าง ต้องพยายามเข้มงวดกับตัวเองให้มากกว่านี้
เรื่องหนึ่งคือกามารมณ์อันเกิดขึ้นทั้งด้วยวัยที่ยังหนุ่ม และด้วยพฤติกรรมจากเหตุเดียวกันนี้มีประจำเมื่อยังใช้ชีวิตเป็นฆราวาส
พระปานมักสะกดอารมณ์ใคร่ไว้เสมอ เมื่อมีเหตุมากระทบอายตนะทั้ง 6 คือสิ่งรับรู้คู่อินทรีย์ อันเป็นอินทรียสังวร หรือความสำรวมในร่างกายและจิตใจ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
อายตนะภายนอกคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย อายตนะภายในคือ การรับรู้สิ่งที่มาสัมผัส เช่น ตามองเห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายได้สัมผัสรับรู้ และใจคือความรู้สึกที่ได้รับจากการสัมผัสทั้งหมด
เมื่อเกิดความรู้สึกมากระทบอารมณ์ จิตใจย่อมอ่อนไหวตามไปด้วย
หลายครั้ง ผลที่เกิดตามต่อมาคือนำไปรู้สึกนึกคิดขณะนอนหลับ ฝัน
หากเป็นฝันที่เป็นเรื่องของผลกระทบทางกามารมณ์ รู้สึกตัวสะดุ้งตื่น แต่มักไม่ทันการณ์ แล้วต้องตื่นขึ้นมาผลัดเปลี่ยนสบง รีบนำสบงผืนนั้นออกไปซักในห้องน้ำ บางครั้งเหตุเกิดเช้ามืด การตากสบงช่วงนั้น พระรูปอื่นตื่นขึ้นมาเห็น ท่านรูปนั้นมองแล้วยิ้มๆ เป็นนัย ทำให้พระปานยิ้มตอบแบบเขินอาย
ความฝันที่เกิดขึ้นมักระงับยับยั้งไม่ค่อยทัน เหมือนเมื่อครั้งเป็นเด็กแล้วฝันว่าปวดปัสสาวะ เป็นเหตุให้ปัสสาวะรดที่นอนบ่อยๆ
การรับรู้ถึงเหตุเกิดกับความฝัน เช่น หยุดสูบบุหรี่แล้ว บางคืนยังฝันว่าจุดบุหรี่สูบ พอนึกขึ้นได้ในฝันว่า เราหยุดสูบแล้วนี่หว่า ทำไมยังสูบอีก ความรู้สึกนึกคิดในฝันเมื่อเกิดขึ้น แม้มิได้กระทำตามนั้น แต่ยังรู้สึกผิดว่าหยุดแล้วเลิกแล้วทำไมยังทำอีก กับความรู้สึกว่าเป็นความฝัน จิตใจมาอยู่เช่นเดิม ยังเกิดขึ้นเป็นประจำ

เหตุที่เกิดจากความฝัน โดยเฉพาะความรู้สึกของอารมณ์ใคร่ พระปานมิได้ถามกับพระรูปใด ไม่ว่าจะเป็นพระผู้ใหญ่ เช่น พระมหาสวัสดิ์ แม้ท่านพระครูพรหม หรือกับท่านสุชัย
แต่พระมหาสวัสดิ์ดูจะรู้ถึงความกังวลบางประการของพระปาน ท่านจึงให้หนังสือเกี่ยวกับพระธรรมวินัยมาอ่าน ให้ศึกษาเสมอ “อ่านแล้วสงสัยตรงไหน หรือไม่เข้าใจตรงไหน มาหารือ มาถามได้นะครับ”
บางครั้ง ระหว่างฉันน้ำชาหลังฉันเช้า พระครูพรหมมักจะเอ่ยเรื่องของเหตุที่เป็นความฝันให้ฟังว่า เรื่องอย่างนั้น หากเป็นฝัน ไม่นับว่าผิดหรืออาบัติ แต่อย่าไปตั้งใจทำให้เคลื่อน อย่างนั้นประเดี๋ยวจะต้องอาบัติแรงถึงสังฆาทิเสส ท่านว่าเท่านั้นแล้วไปพูดคุยเรื่องอื่น
เพียงเท่านั้น พระปานพอจะรู้ว่าท่านพระครูหมายถึงเรื่องอะไร ได้แต่นิ่งฟัง พลางรู้สึกไปถึงอารมณ์สองสามครั้งในเรื่องนี้ ดีว่ายังไม่ถึงที่สุดหยุดชะงักได้ ไม่ปล่อยตัวปล่อยใจให้เกินเลยไปจากนั้น ทั้งยังคิดถึงพระหนุ่มที่เป็นพระใหม่ในพรรษาทั้งหลาย คงมีอารมณ์ความรู้สึกไม่น้อยไปกว่าพระปาน
แต่กับพระบวชในพรรษาเพียงสามเดือนกว่าคงไม่สู้กระไร ประเดี๋ยวประด๋าวถึงวันลาสิกขาแล้ว จากนั้น แม้สังฆาฏิพ้นบ่าเพิ่งเปลื้องผ้าเหลืองยังไม่ทันข้ามคืนด้วยซ้ำ ก็มีอันแทบไม่ทัน หาน้อยคนนักที่สึกออกไปแล้วจะยังสงวนเสงี่ยมรักษาตนอยู่วัดอีกสองสามวัน

วัดที่พระปานบวช การมีผู้มาทำบุญ เลี้ยงพระ ถวายสังฆทาน มิได้เฉพาะเจาะจงพระรูปใดรูปหนึ่ง ตามระเบียบที่มีไว้ปฏิบัติ คือต้องนิมนต์พระเรียงไปตามลำดับ ความข้อนี้ พระปานเพิ่งทราบเมื่อได้รับนิมนต์จากพระครูสมุห์ผ่านมานิมนต์ให้ไปรับสังฆทานที่กุฏิท่านเจ้าอาวาส ช่วงสายวันนั้น หลังจากทำวัตรเสร็จแล้ว
พระปานไม่ได้คิดว่าทำไมต้องไปรับสังฆทานพร้อมกับท่านเจ้าอาวาส กลับนึกไปถึงเครื่องสังฆทานที่บรรจุลงในถังพลาสติก ในนั้นมีร่มสีดำและรองเท้ารวมอยู่ด้วย คิดไปถึงร่มสีดำคันยาว แล้วกลับคิดว่า เคยอยากได้มาตั้งแต่วันบวช แต่ไม่ได้บอกใคร แม้กับพี่สาว ด้วยคิดว่าช่วงนั้นไม่ใช่ฤดูฝน ไม่จำเป็นต้องใช้ร่ม จึงได้แต่คิด รู้สึกว่า ความอยากได้ใคร่มีเป็นความโลภอย่างหนึ่งหรือเปล่า
ทั้งยังคิดไปถึงว่า เครื่องถวายสังฆทานที่จะได้รับช่วงสายวันนี้ น่าจะมีร่มคันยาวสีดำอยู่ด้วยกระมัง ไม่ยักกะคิดว่า ยังสวดมนต์อะไรไม่ได้เต็มที่สักบท แล้วการรับสังฆทานต้องท่องบทกรวดน้ำและบทอะไรอีกจำไม่ได้ กระนั้น กลับคิดไปว่า การรับสังฆทานพร้อมกับท่านเจ้าอาวาสคงมีพระร่วมรับรวม 4 รูป สวดมนต์ไม่ได้ ท่านเจ้าอาวาสคงไม่ว่ากระไร
ห่มจีวรเฉียงบ่า พาดสังฆาฏิบนไหล่ซ้ายเรียบร้อย เดินไปกุฏิท่านเจ้าอาวาส บนศาลาฉัน เห็นพระอีกสองรูปรออยู่ก่อนพร้อมกับญาติโยมที่มาถวายสังฆทาน พระรูปหนึ่งกวักมือเรียกให้ไปนั่งต่อท้ายแถว
สักครู่ ท่านเจ้าอาวาสลงจากกุฏิมานั่งหัวแถว มองมาที่พระปานแล้วคล้ายกับพยักหน้ารับรู้ว่าพระปานมาร่วมรับสังฆทานด้วย
เห็นชื่อผู้ถวายสังฆทานและอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ใครแล้ว พระปานรับรู้ว่าเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองคนหนึ่ง และครอบครัวนี้ไม่ใช่ครอบครัวเล็กๆ แต่มีผู้มาร่วมถวายสังฆทานเพียงไม่กี่คน คงมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นการส่วนตัวกระมัง

เมื่อพิธีเริ่ม เจ้าภาพกล่าวคำถวายสังฆทานหลังจากรับศีลห้าจบแล้วตามที่มัคนายกว่าเป็นภาษาบาลี และต่อด้วยคำแปล
อิมานิ มะยัง ภันเต มะตะกะภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ มะตะกะภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุ อาทีนัญจะ ญาตะกานัง กาละกะตานัง ฑีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
พอมัคนายกขึ้นคำแปล พระสงฆ์ทั้ง 4 รูปยกมือขึ้นพนม ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายมะตะกะภัตตาหาร กับทั้งบริวารเหล่านี้แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับมะตะกะภัตตาหาร กับทั้งบริวารเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ และความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติของข้าพเจ้าทั้งหลาย มีมารดาบิดาเป็นต้น และ (เอ่ยนามผู้ที่จะอุทิศให้) ผู้ทำกาละล่วงลับไปแล้วด้วย สิ้นกาลนานเทอญ พระสงฆ์ทั้ง 4 รูปเปล่งวาจาว่า “สาธุ” พร้อมกัน
จากนั้น จึงถึงการกรวดน้ำ ซึ่งท่านเจ้าอาวาสเป็นผู้ว่าบทนั้น และบทให้พร ซึ่งพระอีกสามรูปรวมทั้งพระปานต้องว่าตามไปด้วย จนจบ เป็นอันเสร็จพิธีถวายและรับสังฆทาน ครั้งแรกของพระปานด้วย
ขณะเดินหิ้วสังฆทานกลับกุฏิ พระปานมองไปที่ร่มสีดำด้ามยาว แล้วรู้สึกว่าได้รับของที่อยากได้ ขณะคิดไม่ตกว่า เป็นความโลภหรือไม่ คิดกลับไปกลับมา แล้วเลิกคิด คิดแต่ว่าได้ปฏิบัติกิจของสงฆ์อีกอย่างหนึ่ง