ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : นิสสัน ‘เทอร์ร่า’ พีพีวี 7 ที่นั่ง แข็งแกร่ง-เทคโนโลยีเพียบ

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ /  สันติ จิรพรพนิต [email protected]

 

นิสสัน ‘เทอร์ร่า’ พีพีวี 7 ที่นั่ง

แข็งแกร่ง-เทคโนโลยีเพียบ

ต้องบอกว่ารอคอยกันมานานมากสำหรับสาวก “นิสสัน” กว่าจะได้ยลโฉม “เทอร์ร่า” พีพีวี หรือปิกอัพดัดแปลงของค่ายนี้
เนื่องจากรถพีพีวีได้รับความนิยมมากพอสมควรในบ้านเรา และมีหลายค่ายนำเข้ามาทำตลาดประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจมานานนับสิบปีแล้ว
แต่นิสสันยังใจแข็งไม่นำรถประเภทนี้เข้ามา ทั้งๆ ที่ปิกอัพที่เป็นพื้นฐานของพีพีวีของนิสสันเองถือว่าได้รับความนิยมในระดับหนึ่งตั้งแต่รุ่น “ฟรอนเทียร์” มาจนถึง “นาวาร่า”
ซึ่งจริงๆ แล้วทั้งฟรอนเทียร์และนาวาร่า ถือว่าเป็นรถเจเนอเรชั่นเดียวกัน เพียงแต่นาวาร่ารุ่นแรกๆ ที่ทำตลาดในเมืองไทยเรียกชื่อว่าฟรอนเทียร์
ส่วนนาวาร่าในปัจจุบันที่ขายในไทย บางประเทศก็ใช้ชื่อว่าฟรอนเทียร์
จุดแข็งของปิกอัพนิสสันคือความอึด แข็งแกร่ง
ยิ่งในเจนฯ ล่าสุดคือนาวาร่า ตอนที่ออกมาใหม่ๆ ช่วงปี 2557 ถือว่าเป็นปิกอัพรูปทรงใหญ่โต อลังการงานสร้างมาก
จึงมีสาวกเรียกร้องให้จัดมาเป็นพีพีวีเสียทีเถิด เพราะคงมโหฬารตระการตาแน่ๆ
ในที่สุดนิสสันก็ตัดสินใจส่ง “เทอร์ร่า” มาทำตลาด

นิสสัน เทอร์ร่า ออกแบบกระจังหน้าแบบ V-Motion เอกลักษณ์การออกแบบเฉพาะของนิสสัน ไฟหน้า LED ทรงบูมเมอแรง พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ต่ำลงมาเป็นไฟตัดหมอก
ตัวถังด้านข้างตีโป่งที่ซุ้มล้อ ทำให้รถดูใหญ่โตมากขึ้น กระจกมองข้างติดตั้งไฟเลี้ยวมาให้ด้วย
ไฟท้าย LED แบบ light guide
ล้ออัลลอยขนาดใหญ่สะใจถึง 18 นิ้ว
รูปทรงภายนอกดูบึกบึนอย่างมาก
มิติตัวรถ (กว้าง x ยาว x สูง) ความยาว 1,865 x 4,885 x 1,835 ม.ม. ระยะฐานล้อ 2,850 ม.ม.
ในขณะที่มีความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 225 ม.ม. ลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายอันเนื่องมาจากพื้นถนนที่ขรุขระมีหลุมบ่อไม่ราบเรียบ หรือการขับรถผ่านพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังได้อย่างมั่นใจ
ภายใน พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น แร็กแอนด์พิเนียน มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.7 เมตร
มาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่อัจฉริยะแบบ 3 มิติ Multifunction Intelligent Display (MID) ที่แสดงผลข้อมูลการขับขี่ ระยะเวลาที่เข้ารับการตรวจสอบสภาพรถ ระดับอุณหภูมิภายนอกรถ นาฬิกาดิจิตอล เสียงเตือนในกรณีที่ไม่ได้ปิดไฟหน้า และสัญญาณเตือนกันการลืมกุญแจภายในรถ
มาตรวัดยังแสดงโหมดออฟโรด (Off-road Meter) แสดงข้อมูลการขับขี่ในโหมดขับเคลื่อนต่างๆ รวมถึงบอกองศาความลาดเอียงของตัวรถด้วย

ตรงกลางเป็นหน้าจอแบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับ USB / HDMI และลำโพง 6 จุด สามารถควบคุมระบบเสียงและโทรศัพท์ได้โดยตรงจากพวงมาลัยคนขับ
ระบบความบันเทิงในรถรุ่นนี้ มีทั้งวิทยุ เครื่องเล่น DVD และ MP3 พร้อมช่องใส่แผ่นดิสก์ 1 ช่อง
ระบบปรับอากาศกระจายความเย็นรอบทิศทางแบบ 360 องศา สามารถควบคุมความเร็วของพัดลมจากที่นั่งตอนหลังได้อีกด้วย
เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Zero Gravity เบาะนั่งแถวที่ 2 นอกจากจะเข้าออกได้อย่างง่ายดายแล้ว ยังมาพร้อมระบบพับเบาะอัตโนมัติ (1-Touch Remote Fold and Tumble Seats) ที่สามารถสั่งการได้จากตำแหน่งผู้ขับ แค่เพียงการกดที่ปุ่มเดียว
มีที่วางแก้วน้ำครบทุกที่นั่ง
ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ กุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Intelligent Key) เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer และระบบเตือนภัยแบบ VSS

ขุมพลังถือว่าสมตัวพอสมควรด้วยเครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT ทวินเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 2,298 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า/3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร/2,000 รอบต่อนาที
แรงบิดมาเต็มตั้งแต่รอบไม่สูงมากนัก
ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 7 สปีด ที่มาพร้อมโหมดขับขี่แบบแมนนวล
ส่วนระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบ 2 ล้อ และสี่ล้ออัจฉริยะ (Intelligent 4x4i) พร้อมโรเตอร์สวิตช์ ระบบล็อกไฟฟ้าเพื่อการใช้งานที่แตกต่างตามสภาพพื้นผิวถนน รวมถึงฟังก์ชั่น shift-on-the-fly เปลี่ยนจากการขับขี่แบบสองล้อไปเป็นสี่ล้อโดยไม่ต้องหยุดรถ
ขณะที่ช่วงล่างหลังยังเป็นแบบคอยล์สปริง Five-link และเพลาล้อหลังที่แข็งแรง มอบทั้งความสะดวกสบาย และความทนทานให้กับผู้ขับขี่
เรียกว่าช่วงล่างไม่ต่างจากรถเอสยูวี ก็ว่าได้
และแน่นอนว่าที่พลาดไม่ได้คือเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เลื่องชื่อของนิสสันคือ “นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี้” (Nissan Intelligent Mobility : NIM)
ประกอบด้วยกระจกมองหลังอัจฉริยะ มีหน้าจอ LCD ที่กระจกมองหลัง ในการแสดงภาพที่มาจากกล้องด้านหลังตัวรถ โดยภาพบนจอจะช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นทัศนวิสัยด้านหลังได้ในมุมกว้างขึ้น โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเปลี่ยน ระหว่างจอแสดงภาพจากกล้อง หรือจากกระจกปกติได้ ช่วยเสริมความปลอดภัย ในกรณีที่มีการบรรทุกสัมภาระหรือมีผู้โดยสารนั่งด้านหลัง จนบังกระจกหลังทั้งหมด
กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทางที่ติดตั้งในรถหลายรุ่นของนิสสัน ช่วยให้ผู้ขับสามารถมองเห็นสภาพรอบตัวรถ ด้วยการสร้างภาพมุมสูงแบบ bird’s-eye view
เทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน เพิ่มความปลอดภัยยามที่ต้องการจอดรถ หรือการเคลื่อนตัวช้าๆ
เทคโนโลยีเตือนจุดบอดหรือจุดอับสายตาอัจฉริยะ จะทำงานเมื่อพบว่ามียานพาหนะอื่นเข้าใกล้ตัวรถในบริเวณจุดอับสายตา และแจ้งเตือนผู้ขับขี่ทั้งเสียงและสัญญาณไฟกะพริบที่กระจกมองข้าง ฯลฯ

ส่วนความปลอดภัยอื่นๆ เช่น ระบบ Active Safety ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และแบบ Passive Safety ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของผู้โดยสารขณะเกิดอุบัติเหตุ
อาทิ ถุงลมนิรภัย 6 จุด ที่ตำแหน่งด้านหน้า ด้านข้างของเบาะแถวหน้า และม่านถุงลม ในทุกรุ่น
เข็มขัดนิรภัยที่เบาะคู่หน้า เบาะนั่งแถวที่สอง และเบาะแถวที่สามเป็นเข็มขัดสามจุด ELR
เบรก Brake Limited Slip Differential (B-LSD) ช่วยเพิ่มแรงเบรกเมื่อล้อลื่นไถล ให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจในทุกสภาพถนน
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี หรือ Traction Control System (TCS) เมื่อเกิดเหตุล้อหมุนฟรี ระบบจะทำการลดการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติ
ระบบออกตัวบนทางลาดชัน หรือ Hill Start Assist (HSA) ช่วยป้องกันการไถลลงเมื่อขับขึ้นทางลาดชัน
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน หรือ Hill Descent Control (HDC) ช่วยควบคุมความเร็วเมื่อขับลงทางลาดชัน
เทคโนโลยีตรวจสอบแรงดันลมยาง
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบช่วยเบรก (Brake Assist System : BA)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว หรือ Vehicle Dynamic Control (VDC) ช่วยรักษาการทรงตัวเมื่อเข้าโค้ง หรือหักเลี้ยว
มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย 2.3V 2WD 7AT ราคา 1.316 ล้านบาท, 2.3VL 2WD 7AT ราคา 1.349 ล้านบาท และตัวท็อป 2.3VL 4WD 7AT ราคา 1.427 ล้านบาท
แต่บอกก่อนว่าราคานี้ยืนถึงสิ้นปีเท่านั้น หากตัดสินในช้าจนเลยปีนี้ไปแล้วควักเงินเพิ่มอีกรุ่นละ 50,000 บาท