โตโยต้า “อินโนวา คริสต้า” “หล่อ-หรู” ดูไฮโซขึ้นเยอะ

สันติ จิรพรพนิต

ในที่สุดก็มากันครบทีมแล้ว รถยนต์ในโครงการ “IMV” (Innovative International Multi-purpose Vehicle) ของโตโยต้า อันเป็นโครงการที่ผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพสูง สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค

โครงการ “IMV” ผลิตรถออกมารวม 3 รุ่น 3 เซ็กเมนต์ คือปิกอัพ “โตโยต้า วีโก้” หรือรีโว ในปัจจุบัน

รถพีพีวี หรือปิกอัพดัดแปลง “โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์”

และสุดท้ายคือรถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี “โตโยต้า อินโนวา”

ทั้ง 3 รุ่นสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มเดียวกัน มีอะไหล่หลายตัวที่ใช้ร่วมกันได้

ไทยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตใหญ่ของโครงการนี้ เน้นผลิตปิกอัพ และรถพีพีวี เป็นหลัก

ส่วนอินโนวา จะนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ของรถประเภทครอบครัว

“IMV” เกิดขึ้นในช่วงปี 2545 ผลิตและส่งออกไปทั่วโลก ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เพียง 4 ปีทำยอดขายรวมทะลุ 1 ล้านคัน

และเจ๋งกว่านั้นเมื่อครบรอบ 10 ปีทำยอดขายเกิน 5 ล้านคัน

แน่นอนว่าตัวเก่งไม่พ้นปิกอัพวีโก้ เพราะส่งให้โตโยต้า ครองแชมป์ยอดขายปิกอัพในไทยหลายสมัยต่อเนื่องกัน โดยมียอดขายเกิน 1 ล้านคัน

เช่นเดียวกับฟอร์จูนเนอร์ รุ่นแรก มียอดขายสูงมากจนกลายเป็นผู้นำตลาดรถพีพีวีในไทย

จะมีก็แต่อินโนวา ที่เหมือนลูกเมียน้อยเพราะยอดขายไม่เดินเท่าคู่แฝดทั้ง 2 รุ่น

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเซ็กเมนต์นี้ในเมืองไทยไม่ได้หวือหวามากนัก บวกกับเป็นรถนำเข้าจากอินโดนีเซียอีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม เมื่อปิกอัพรีโว และฟอร์จูนเนอร์ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้มาทำตลาดแล้ว

อินโนวา ก็ต้องมาร่วมแจมตามระเบียบ

%e0%b8%ad%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%b21

ผมเองเคยสัมผัสอินโนวา รุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อปี 2547 โดยยืมมาทดสอบขับอยู่หลายวัน

จุดเด่นที่สุดผมยกให้เบาะนั่งที่นั่งสบายจริงๆ ทั้ง 7 ที่นั่ง โดยเฉพาะเบาะแถว 3 ที่รถส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสบายตัวมากนัก แต่กับอินโนวา นี่ต้องบอกว่าหายห่วง เพราะความสบายและความกว้างใหญ่แทบไม่ต่างจากเบาะแถว 2 เลย

สำหรับอินโนวา รุ่นล่าสุดนี้ยังนำเข้าจากอินโดนีเซีย เช่นเดิม แต่ที่แปลกหน่อยเพราะมีคำว่า “คริสต้า” ต่อท้าย

โตโยต้า ให้นิยามรุ่นล่าสุดนี้ว่าเป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์ระดับหรู (Premium Crossover MPV) เพราะพัฒนาให้หรูหราและสะดวกสบายมากขึ้น ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Living room like” เน้นความสบายภายในห้องโดยสาร อันเป็นวัตถุประสงค์หลักของผู้บริโภคที่เลือกซื้อรถประเภทนี้

พร้อมเพิ่มเป้าหมายจากกลุ่มครอบครัว เป็นผู้บริหาร หรือนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่อยากได้รถนั่งสบาย ทำงานได้แบบรถตู้ แต่ดูหรูหราและไม่เทอะทะเกินไป

รูปร่างหน้าตาภายนอกใกล้เคียงกับคู่แฝด กระจังหน้าโครเมียมต่ำลงมาเป็นช่องดักลมขนาดใหญ่สีดำ พร้อมสเกิร์ต

ไฟหน้า LED Projector มีระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อม Daytime Running Lights

ไฟตัดหมอกหน้าเป็นโคมขนาดเล็กแต่สว่างเกินตัว ดูแปลกตาหน่อยเพราะยกไฟเลี้ยวมาวางอยู่คู่กัน

ไฟท้ายวางขนานไปกับประตูท้ายรูปทรงใกล้เคียงกับไฟหน้า วางไฟเลี้ยวหลังคล้ายๆ เขี้ยวเป็นแนวตั้งเชื่อมกับไฟท้าย

กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว และไฟ Welcome Light อีกระดับความหรูหราที่เหนือใคร

มือจับประตูโครเมียม ระบบช่วยปิดประตูท้าย ตอบรับความสะดวกสบายทุกครั้งที่ใช้งาน

สปอยเลอร์หลัง พร้อมเสาอากาศแบบ Shark Fin มีสเกิร์ตหลัง เสิรมความหล่อขึ้นอีก

ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วใหญ่สะใจ

ติดตั้ง “แอร์โรไดนามิก ฟิน” บริเวณกระจกมองข้างและไฟท้าย ช่วยปรับการไหลของอากาศตามหลักแอร์โรไดนามิก สร้างกระแสลมหมุนข้างตัวรถเพื่อลดแรงต้านอากาศ พร้อมลดการแกว่งตัวเพิ่มเสถียรภาพของตัวรถ

แน่นอนว่าเด่นสุดของรุ่นนี้ไม่พ้นการออกแบบและความสบายภายใน เน้นโทนดำตัดด้วยสีโครเมียมและลายไม้เพิ่มความหรูหรา

พวงมาลัยแบบ 4 ก้านผสมผสานระหว่างหนังและไม้พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมก้านระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control บริเวณด้านขวา ใช้งานง่ายแค่ปลายนิ้ว

มาตรวัดเรืองแสง Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID หน้าจอสีแบบ TFT

ไฟส่องสว่างในห้องโดยสารแบบซ่อนฝ้า PREMIUM ILLUMINATION LED ดูหรูไม่ต่างจขากรถเอ็มพีวีราคาแพง

เจาะช่องแอร์บนเพดานให้กับผู้โดยสารแถว 2 และ 3

แผงควบคุมไฟห้องโดยสารและเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน

ระบบความบันเทิงทั้ง DVD & NAVIGATOR ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบ T-CONNECT ช่องต่อ USB เชื่อมต่อทุกความบันเทิงเต็มรูปแบบ

%e0%b8%ad%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%b24

เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางส่วน เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ Captain Seat พร้อมที่พักแขน เปลี่ยนได้อิสระทั้งแบบ Privy Relaxed แบบ Long Space และแบบ Rear Space

ระบบปรับพับเบาะจังหวะเดียว 1-Touch Tumble เพิ่มความสะดวกสบายในการปรับเบาะ

เบาะหลังสุดเก็บแบบพันแขวนด้านข้างคล้ายกับฟอร์จูนเนอร์ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกของ

ขาดไม่ได้คือช่องเก็บของแบบ Cool Box และที่วางของอเนกประสงค์ Seat Back Table

%e0%b8%ad%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%b25-768x392

ขุมพลังมีให้เลือก 2 บล็อก ประกอบด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร GD EFFICIENT BOOST ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift กำลังสูงสุด 174 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร

และเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร DUAL VVT-i ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ กำลังสูงสุด 139 แรงม้า แรงบิด 183 นิวตันเมตร

มีสวิตช์ปรับรูปแบบการขับขี่ Drive Mode Switch ตอบสนองทุกสภาพการขับขี่ ทั้งแบบประหยัด Eco Mode และแบบเต็มสมรรถนะ Power Mode

มิติตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) 1,830 x 4,735 x 1,795 ม.ม.

ความยาวฐานล้อ 2,750 ม.ม. ความสูงจากพื้น 178 ม.ม.

รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.4 เมตร

ระบบช่วงล่างด้านหน้าอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังแบบโฟร์ลิงก์ คอยล์สปริง

ความปลอดภัยมีครบทั้ง โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA เทคโนโลยีเสริมความแข็งแกร่ง โดยการใช้เหล็กกล้าแรงดึงสูง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซับ และกระจายแรงกระแทกจากการชน

ระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล็อก และการลื่นไถลจากการเบรกกะทันหัน

ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill-start Assist Control ป้องกันรถไหล ขณะออกตัวบนทางลาดชัน

ระบบควบคุมการทรงตัว VSC และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ควบคุมรถให้ทรงตัวอย่างมั่นคงบนทางโค้ง หรือถนนที่เปียกลื่น และป้องกันอาการล้อหมุนฟรี

กล้องมองหลัง พร้อมฟังก์ชั่นการมองเห็นปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ ช่วยให้ถอยจอดได้แม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ระบบถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 จุด

มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย 2.8V (ดีเซล) เกียร์อัตโนมัติ 1,399,000 บาท 2.8G (ดีเซล) เกียร์อัตโนมัติ 1,235,000 บาท

และ 2.0E (เบนซิน) เกียร์ธรรมดา 1,129,000 บาท