อนุสรณ์ ติปยานนท์ : ซานไห่ เก้าคนหลังฉาก ในประวัติศาสตร์ผลัดใบ (จบ)

สมุดเล่มเล็กจากนิตยสาร Monocle ที่แนะนำการวิ่งในเมืองใหญ่ต่างๆ แนะนำซานไห่หรือเซี่ยงไฮ้ไว้ว่า ซานไห่นั้นคือนิวยอร์กของประเทศจีน เมืองที่เปี่ยมด้วยพลังงาน เมืองที่เปี่ยมด้วยผู้คนกว่า 24 ล้านคน เมืองที่ไม่เคยหยุดความตื่นเต้น

สิ่งเหล่านี้ทำให้ชาวซานไห่หรือ Shanghainese มีชีวิตที่กระตือรือร้น

การได้เฝ้าดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เขตเมืองเก่าบัน หรือ Bund

การได้เห็นผู้อาวุโสฝึกไท่จี๋หรือไทเก๊กตามแม่น้ำฮวงปู่

การได้เห็นอาคารระฟ้าในเขตปูตง

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก่อให้เกิดความตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง

สมุดเล่มเล็กนั้นอีกเช่นกันที่กำหนดเส้นทางการวิ่งในซานไห่ไว้หกเส้นทาง

เส้นทางแรก คือการวิ่งในเกาะเฮงชา-Hengsha ซึ่งอยู่กลางแม่น้ำแยงซี ระยะทางวิ่งรอบเกาะ 25 กิโลเมตร ช่วงเวลาวิ่งที่ดีที่สุดคือเช้าวันเสาร์หรืออาทิตย์ การไปถึง-โดยสารเรือเฟอร์รี่จากท่าหวูสง-Wusong สิ่งที่แนะนำ-การปิกนิกบนเกาะใต้ต้นส้ม

เส้นทางที่สอง เขตเช่าฝรั่งเศส ระยะทาง 7 กิโลเมตร ช่วงเวลาวิ่งที่ดีที่สุด-เช้าตรู่หรือกลางดึก สิ่งที่ควรชม-อาคารสถาปัตยกรรมแบบอาร์ต เดโค ต้นศตวรรษที่ 20 สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง-การวิ่งฝ่าเข้าไปในร้านขายบะหมี่ข้างทาง

เส้นทางที่สาม ซูโจว ครีก ระยะทาง 9 กิโลเมตร ช่วงเวลาวิ่งที่ดีที่สุด-ยามดึก เมื่อแม่น้ำซูโจวต้องแสงไฟจากอาคาร สิ่งที่ตื่นตาตื่นใจ เมื่อคุณวิ่งตามแม่น้ำซูโจวมาพบแม่น้ำฮวงปู่ คุณจะได้เห็นอาคารไข่มุกและอาคารระฟ้าในเขตปูตงปรากฏต่อสายตาทีละน้อย

เส้นทางที่สี่ เขตบันตะวันตก ระยะทาง 3 กิโลเมตร ช่วงเวลาวิ่งที่ดีที่สุด-หลังเลิกงานหรือช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ สิ่งที่ตื่นตาตื่นใจ-ภาพของเรือที่ล่องแม่น้ำฮวงปู่

เส้นทางที่ห้า เซ็นจูรี่ พาร์ก ระยะทาง 4.5 กิโลเมตร ช่วงเวลาวิ่งที่ดีที่สุด-ยามเช้าหรือยามบ่ายเพราะสวนสาธารณะปิดเวลาหกโมงเย็น จุดเด่น เซ็นจูรี่ พาร์ก เป็นดังแบบจำลองขนาดย่อของเซ็นทรัล พาร์ก ในนิวยอร์ก คำแนะนำ เดือนมีนาคม เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ไม่ควรพลาดเพราะต้นไม้ทั้งหลายในสวนจะพากันออกดอกเบ่งบานเป็นทัศนียภาพอันงดงามยิ่งนัก

เส้นทางที่หก เส้นทางรอบงานเอ็กซ์โป ปี 2010 แม้ว่างานเอ็กซ์โปในปีนั้นจะจบไปนับหกปีแล้ว แต่การพัฒนาพื้นที่บริเวณนั้นทำให้การวิ่งในระยะทาง 5 กิโลเมตร เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด เราจะได้เห็นพาวิลเลี่ยนของประเทศจีนที่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่รวมถึงสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นมาเพื่องานแสดงครั้งนั้นด้วย

1937 ญี่ปุ่นบุกซานไห่

1941 ญี่ปุ่นเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สอง ซานไห่เต็มไปด้วยทั้งสายลับของญี่ปุ่น ฝ่ายรัฐบาล เจียง ไค เช็ก ฝ่ายคอมมิวนิสต์

1945 ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง ซานไห่ได้รับอิสรภาพจากการดูแลของกองทัพญี่ปุ่น

1949 สิ้นสุดสงครามกลางเมือง ประธานเหมาเป็นผู้นำประเทศ ประเทศจีนปกครองด้วยพรรคคอมมิวนิสต์

1966 เริ่มต้นการปฏิวัติวัฒนธรรม กำจัดความคิดอนุรักษนิยมและความคิดทุนนิยม

1976 สิ้นสุดยุคปฏิวัติวัฒนธรรมอย่างเป็นทางการ ประธานเหมาที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศถึงแก่อสัญกรรม เข้าสู่ยุคของ เติ้ง เสี่ยว ผิง

1978 เติ้ง เสี่ยว ผิง มุ่งปฏิรูประบบเศรษฐกิจของจีนโดยอาศัยกลไกการตลาดและนำไปสู่นโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ที่หมายรวมถึงการปล่อยให้ฮ่องกงและมาเก๊าสามารถดำเนินระบบทุนนิยมของตนเองต่อไปได้แม้จะกลับคืนสู่อ้อมแขนของประเทศจีนในเวลาต่อมาก็ตาม

2010 ประเทศจีนจัดงานแสดงสินค้า ศิลปะและวิทยาการ เอ็กซ์โปที่ซานไห่ เป็นการจัดงานเอ็กซ์โปที่มีต้นทุนดำเนินการสูงที่สุดในประวัติศาสตร์

เจ็ดสิบปีหลังจากความพินาศย่อยยับ ซานไห่ได้กลับมาสู่นครแห่งอนาคตอีกครั้ง

เมื่อเจ็ดสิบปีก่อน ซานไห่เป็นนครฝั่งตะวันออกนครแรกที่นำเอาวงดนตรีแจ๊ซมาเผยแพร่ บั๊ก เคลย์ตัน-Buck Clayton เดินทางจากสหรัฐมาที่นี่ เขาออกแสดงตามคลับต่างๆ ในซานไห่และร่วมมือกับ หลี่ จิน ฮุย-Li Jinhui บิดาแห่งดนตรียุคใหม่ในจีน ในการนำสร้างสรรค์ท่วงทำนองที่ผสมผสานระหว่างตะวันออกกับตะวันตกให้กับโลกแห่งความบันเทิงในซานไห่ยุคนั้น

ปัจจุบัน ในซานไห่มีบาร์แจ๊ซนับสิบกว่าแห่งทั้งเล็กและใหญ่ มากกว่าเมืองใดในประเทศจีน

วงดนตรีแจ๊ซที่โรงแรมพีซในซานไห่ มีนักดนตรีอายุกว่าแปดสิบปีที่เล่นดนตรีแจ๊ซมากว่าสามสิบปีประจำการอยู่

ซานไห่เริ่มกู้อดีตของมันคืนกลับมาจากดนตรี สู่ศิลปะ และสู่การค้า ห้องแสดงภาพหรือแกลเลอรี่ในซานไห่มีอยู่แทบทุกตรอกซอกซอย โรงภาพยนตร์ซึ่งเคยเป็นที่พักผ่อนของชาวซานไห่เมื่อเจ็ดสิบปีก่อนเบ่งบานอีกคราในระบบดิจิตอลและคุณภาพเสียงอันล้ำเลิศ เมืองท่าที่เคยเป็นศูนย์การค้าเชื่อมระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตกกลับมาทวงบัลลังก์คืนอย่างทระนง

ตัวเลขปีที่ผ่านมา ซานไห่มีอัตราการเติบโตของ GDP เกือบ 7 เปอร์เซ็นต์ และมียอด GDP สูงถึง 400 พันล้านยูเอสดอลลาร์ ไม่นับว่าในปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นซานไห่มีอัตราการซื้อขายสูงเป็นอันดับห้าของโลกเหนือกว่าตลาดหุ้นฮั่งเส็งในฮ่องกงที่อยู่ในอันดับหก เป็นรองตลาดหุ้นในนิวยอร์ก ลอนดอน และโตเกียวเท่านั้น

บุคคลทั้งหลายที่ปรากฏในงานเขียนว่าด้วยซานไห่ชุดนี้แม้จะคาดคิดว่า ซานไห่คงไม่ประสบกับภัยพิบัตินาน แต่พวกเขาคงไม่คาดคิดว่าซานไห่จะรุ่งโรจน์ขนาดนี้

มู่สือ อิง นักเขียนหนุ่ม แห่งซานไห่ หากเขากลับมาชีวิตในยุคนั้นเขาคงฝังตัวในบาร์แจ๊ซ Cotton Club ที่ถนนฟู่ซิง นั่งฟังเพลงที่ถูกบรรเลงออกมาเพลงแล้วเพลงเล่า บางวันเขาคงจิบมาร์ตินี่ บางวันเขาคงดื่มวิสกี้ บางวันเขาคงดื่มเหมาไถหรือเบียร์ซิงเต่า แต่เขาคงเดินเตร่ไปตามตรอกและพบผู้คนจำนวนมากเพื่อนำคนเหล่านั้นมาเป็นตัวละครของเขา

ซานไห่ยังคงเป็นหม้อจับฉ่ายขนาดใหญ่ที่รวมผู้คนอันหลากหลาย

Lonely Planet ฉบับพกพาสัมภาษณ์หญิงสาววัย 27 ปี ผู้หนึ่งนาม เอริก้า ดิง ผู้มาจากเมืองกานซูทางเหนือของจีนและใช้ชีวิตในซานไห่นานนับปีว่าเธอคิดเช่นไรเกี่ยวกับซานไห่

คำตอบคือ มันเป็นนครอันหลากหลาย ทุกคนมาที่นี่ นำเอาวัฒนธรรมส่วนตนติดตัวมาด้วยและกำลังเปลี่ยนซานไห่ให้สู่โฉมใหม่อันเป็นเมืองสากล ซานไห่เคยเป็นเมืองท่า เป็นเมืองที่เคยเชื่อมประเทศจีนเข้ากับโลกตะวันตก และมันกลับมาทำหน้าที่นี้อีกครั้ง มู่ สือ อิง คงเขียนถึงผู้คนเหล่านี้

หวัง เสี่ยว ฉง เงือกสาว หากเธอยังคงว่ายน้ำในสระอยู่ เธอคงได้เข้าร่วมโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 2008 ที่ปักกิ่ง เธออาจได้รับเหรียญรางวัลสักเหรียญ หรือไม่ก็ทิ้งท่วงท่าอันน่าประทับใจให้ชาวจีนได้ชื่นชม

ตู้ ยู เชิง หากเขายังคงครอบงำธุรกิจในซานไห่ เขาคงเดินออกจากที่พัก สั่งพลพรรคมังกรเขียวของเขาให้ติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ตลาดเงินตรา ตลาดตราสาร เขาอาจยังคงแต่งกายในชุดเสื้อคลุมยาว สวมหมวก แต่เขายังคงได้กลิ่นของเงินก่อนใครอยู่เสมอ

หยวน หลิง อี้ หากยังคงแสดงภาพยนตร์อยู่ เธอคงได้รับบทนำในภาพยนตร์ของ เจีย จ่าง เคอะ หรือ จาง อี้ โหมว เธออาจเป็นเพื่อนสนิทกับ จาง ซือ ยี่ และคงเดินทางไปเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์แทบทุกปี

ใครอีกเล่า ไต้ ลี่ เขายังคงทำงานใต้ดิน หากแต่เปลี่ยนจากสงครามทางทหารเป็นสงครามทางการค้า เขาอาจเป็นที่ปรึกษาด้านข้อมูลให้กับ แจ๊ก หม่า พ่อมดทางการควบรวมกิจการคนนั้นของจีน โยชิโกะ คาวาชิม่า หรือ อ้ายชิง เจียวเหลอ เสี่ยนอี้ คงกลายเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าชั้นนำจากญี่ปุ่นที่เปิดร้านของเธอบนถนนนานกิงตะวันออกและมีหญิงสาวเข้าเถวรอการครอบครองนับแต่รุ่งเช้า

บาทหลวง จาควิโน่ต์ ยังคงประกอบศาสนกิจของท่านอย่างเงียบๆ อารามพระแม่หฤทัยของท่านยังคงสั่นเสียงระฆังกังวานในวันอาทิตย์เพื่อต้อนรับเหล่าสัตบุรุษอยู่เสมอ

หลี่ เซียง หลาน คงขับร้องดนตรีและกลายเป็นนักร้องนำแข่งกับ หวัง เฟย และหนังสือพิมพ์ซานไห่เดลี่-Shanghai Daily คงเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับกลายร่างจากซานไห่เยอะเป่าที่คอยบอกว่าซานไห่พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร

ซานไห่ ยังมีชีวิตต่อไปไม่ว่าการผลัดใบจะเกิดขึ้นกี่ครั้งก็ตามที ดอกแมกโนเลียสัญลักษณ์ของซานไห่ยังคงเบ่งบานต่อไป