คิดถึง ศาสตราจารย์ พลตรี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ตอนที่ 26 “เผด็จการ-ประชาธิปไตย”

ถึงวันหนังสือออกวางจำหน่าย เรื่องร้ายๆ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศของเรา เชื่อได้ว่ายังไม่จางหาย

เหตุการณ์ซึ่งไม่ต้องลงทุนใช้งบประมาณในการประชาสัมพันธ์ “ประเทศไทย” ของเราแต่อย่างใด ถ้าไม่พูดถึง ไม่เขียนถึงเห็นจะไม่ได้ จะกลายเป็นคนเขียนหนังสือซึ่งไร้จิตวิญญาณ

เด็กๆ นักฟุตบอลซึ่งมีชื่อว่า “ทีมหมูป่าอะคาเดมี แม่สาย” มุดหายเข้าไปติด “ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน” อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย กว่าสิบวันก่อนจะได้พบเจอ กระทั่งนำออกมาอย่างลำบากยากเย็น

เป็นเหตุการณ์ซึ่งทำให้ทั่วโลกรู้จักประเทศไทย จังหวัดเชียงราย

โดยเฉพาะ “ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน” และทำให้ได้รู้เห็นน้ำจิตน้ำใจของคนไทย รวมทั้งชาวต่างชาติทั่วโลก อันเป็นไปด้วยความเสียสละอย่างยิ่งเพื่อเพื่อนมนุษย์

ได้เห็นความแตกต่างในศักยภาพของคน รวมทั้งความเห็นแก่ได้ในการปรากฏตัวต่อหน้าสื่ออย่างมีเป้าหมายเพื่อฉวยโอกาสแย่งซีน

คนใหญ่คนโตระดับประเทศต่างไปรวมกันที่นั่น เชื่อว่าประชาชนทั่วไปต่างมองเห็น และเข้าใจเป็นอย่างดี

สื่อมวลชนทั่วโลกมารวมตัวกันยัง “ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน” อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นักดำน้ำผู้เชี่ยวชาญ นักดำน้ำในถ้ำซึ่งมีประสบการณ์ ความสามารถระดับต้นๆ ของโลกจากหลายประเทศเดินทางสู่ถ้ำหลวงช่วยปฏิบัติภารกิจร่วมกับหน่วยซีล (SEAL) ของ “กองทัพเรือ” ไทย เพื่อพาทีมนักฟุตบอล “หมูป่าอะคาเดมี แม่สาย” ออกจากถ้ำ

เป็นการรวมตัวกันของผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านจากหลายๆ ประเทศ ผู้สื่อข่าวจากทั่วโลกจำนวนมากเป็นประวัติศาสตร์ ร่วมมือร่วมใจกันกระทั่งช่วยเหลือ 13 ชีวิตให้รอดปลอดภัยออกมาได้ แม้จะต้องแลกกับด้วยการจากไปของจ่าเอกสมาน กุนัน (จ่าแซม) อดีตหน่วยซีลของกองทัพเรือ ซึ่งได้กลายเป็น “วีรบุรุษ”

ความสูญเสียทางด้านวัตถุ งบประมาณ รวมทั้งการฟื้นฟูเยียวยาบริเวณถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนครั้งนี้อาจต้องนำมาเป็นบทเรียนในความพร้อมกับเหตุการณ์ร้ายๆ อย่างนี้ในประเทศของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “ศูนย์กู้ภัยพลเรือน” ซึ่งพร้อมด้วยคน เครื่องมือ และเทคโนโลยี

 

จากเหนือสุดอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เหตุร้ายมาเกิดคาบเกี่ยวต่อเนื่องกันยังภาคใต้ จังหวัดภูเก็ต ดังที่ทราบกันแล้วว่าเรือสำหรับพานักท่องเที่ยวไปชมทะเล เกาะแก่ง หรือไปดำน้ำดูความสวยงามของปะการังได้ล่มลงด้วยคลื่นลมธรรมชาติ เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมากของนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาพพจน์ในศักยภาพของผู้ประกอบการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทางทะเล ความพร้อมในการจัดการกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของประเทศของเรา

เหตุการณ์ร้ายๆ ซึ่งสร้างความสูญเสียมหาศาล มาเกิดเกือบช่วงเวลาใกล้เคียงกันในประเทศเรา ทำให้มองเห็นได้ถึงศักยภาพของเจ้าหน้าที่ การบังคับใช้กฎระเบียบ กฎหมายต่างๆ

รวมทั้งการสะสมของสิ่งที่ผิดกฎหมายในประเทศนี้โดยได้รับความร่วมมือจากคนในประเทศของเราเองด้วยเห็นแก่ผลประโยชน์

แต่ทั้งหมดย่อมขึ้นอยู่กับผู้บริหารระดับสูงๆ ขึ้นไป จนถึงผู้บริหารสูงสุดของประเทศ

หรือว่ามันจะเป็น “สัญญาณร้าย เป็นลางร้าย” อะไรหรือไม่?

 

2เหตุการณ์ จากภาคเหนือสุด สู่ภาคใต้จังหวัดภูเก็ต เบี่ยงเบนหรือกลบข่าว “การเมือง” ไปชั่วระยะหนึ่ง โดยเฉพาะกับข่าวการ “ดูดอดีต ส.ส.” เพื่อไปรวมกลุ่มเข้าพรรคซึ่งจัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนรัฐบาลขณะนี้ ซึ่งเรียกกันว่า “รัฐบาลเผด็จการทหาร” ให้ได้อยู่ในอำนาจเพื่อบริหารประเทศต่อไปหลัง “การเลือกตั้ง” ปี พ.ศ.2562

อันที่จริงวิธีการใช้เงิน ผลประโยชน์เข้าชักจูงโน้มน้าวแบบนี้ไม่ค่อยจะแตกต่างจากเมื่อ 26 ปีก่อน เมื่อ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” (รสช.) ได้จัดตั้งพรรค “สามัคคีธรรม” ขึ้นมาเพื่อสนับสนุน พล.อ.สุจินดา คราประยูร ให้เป็นนายกรัฐมนตรี

พล.อ.สุจินดา คราประยูร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามเป้าหมายเพียงไม่กี่วัน ระหว่างแถลงนโยบายในสภาก็เกิดการกระทบกระทั่งกับท่าน (พี่) จิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งลาออกจากผู้บัญชาการทหารบก มาก่อตั้งพรรค “ความหวังใหม่” โดยท่านเป็นหัวหน้าพรรค

นอกสภาก็เกิด “ม็อบมือถือ” เริ่มรวมตัวกันเต็มถนนราชดำเนิน มี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นแกนนำประชาชนมาปักหลักต่อต้านการเป็น “นายกรัฐมนตรี” ของนายทหารรุ่นพี่จากกองทัพบก เนื่องจากมาจากการ “ยึดอำนาจ” และไม่ได้มาจาก “การเลือกตั้ง”

กระทั่งเกิดเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” (2535) บาดเจ็บ ล้มตาย เสียหายทรัพย์สิน

 

พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารอากาศ นับได้ว่าเป็นหัวหอกในการก่อตั้งพรรค “สามัคคีธรรม” ท่านสามารถใช้ความเป็นผู้กว้างขวางด้วยบารมี พร้อมทั้งทุนทรัพย์จำนวนตัวเลขมากมายทีเดียวชักจูงกวาดต้อนอดีต ส.ส. เข้ามารวมตัวกันได้ ถึงจะเป็นการรวมตัวกันเฉพาะกิจ

แต่ก็ทำให้ผู้เสนอตัวเข้ามาดำเนินการทางการเมือง รวมทั้งผู้แวดล้อมตัวท่านสนุกสนานร่ำรวยกับการเบียดบังหักเงินส่วนที่จะต้องจ่ายให้กับ ส.ส. ทั้งหลายเป็นรายเดือน อย่างเป็นกอบเป็นกำ

อาจมีคำถามเกิดขึ้นว่าเงินทุนในการนำมาจัดก่อตั้ง “พรรคสามัคคีธรรม” เพื่อสนับสนุนให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นมาจากไหน

ซึ่งถึงเวลานี้ก็คงไม่ใช่เรื่องลึกลับแต่อย่างใดกับ “กลุ่มทุน” ในประเทศ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่มากน้อยราย

วันเวลาผ่านพ้นไป อดีต ส.ส. ทั้งหลายก็ล้มหายตายจากกันไปตามอายุขัย ขณะเดียวกันท่านที่ยังเหลืออยู่ในการเมืองก็ยังเที่ยววิ่งก่อตั้งพรรคการเมืองกันขึ้นอีกในปี พ.ศ. นี้ โดยไม่ได้มีนโยบายอะไรใหม่ๆ จะสนับสนุนใครเป็นรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรีก็ยังไม่ชัดเจนกันทั้งนั้น

 

เคยพูดคุยสอบถามกับท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ในยามที่ท่านปลอดจากการเมืองในเวลาพักผ่อนสบายๆ เมื่อหลายสิบปีก่อน หลังจากที่ท่านออกจากการเมือง มานั่งอยู่ “ข้างสังเวียน” แล้วว่าเมื่อไร “คุณภาพ ส.ส. ของบ้านเราจึงจะดีขึ้น” หมายถึงว่าจะมีจิตวิญญาณ “ประชาธิปไตย”

อาจารย์คึกฤทธิ์กล่าวเสมอว่า มีความจำเป็นต้องใช้เวลา ต้องพัฒนาด้านการศึกษา สภาพทางเศรษฐกิจของประเทศชาติบ้านเมืองของเรา ไม่อย่างนั้นประชาชนแค่ไหน ส.ส. ก็แค่นั้น–เมืองไทยไม่เหมือนใคร ประเทศไหนๆ ในโลก เรามีอะไรที่แตกต่าง เพราะฉะนั้น ถึงจะเป็นประชาธิปไตย ก็คงเป็น “ประชาธิปไตย” แบบไทยๆ หรืออย่างที่พยายามเรียกกันว่า “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” อะไรประมาณนั้น?

“เราเปลี่ยนแปลงการปกครองมาตั้งแต่ พ.ศ.2475 ล้มลุกคลุกคลานมากว่า 80 ปี “ขัดแย้ง-ต่อสู้-แย่งชิง-ปฏิวัติ-กบฏ” จนไม่มีแผ่นดินจะอยู่อาศัย ล้มหายตายจากกันไป ทั้งในประเทศและนอกประเทศไปมากพอสมควร ถึงวันนี้เรายังต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ เริ่มร่าง “รัฐธรรมนูญ” กันใหม่เรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ “ปฏิวัติ-ยึดอำนาจ” เข้ามามีอำนาจต้องการอะไร? แบบไหน ย่อมมีผู้ยินดีรับใช้เสมอ

ผู้ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น “ผู้แทนราษฎร” ในยุคสมัยต่างๆ ที่ผ่านมานั้นไม่ได้มีจิตวิญญาณประชาธิปไตยเลยหรืออย่างไร? แปลว่าลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อหางานทำเท่านั้นเอง? ไม่ได้ต้องการการปกครองระบอบประชาธิปไตยทั้งสิ้น พรรคการเมืองอะไร กลุ่มไหน เสนอให้ผลประโยชน์มากกว่าก็เข้าร่วมด้วย

พรรคการเมืองที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีความหวังว่าจะได้ “จัดตั้งรัฐบาล” เพื่อจะได้นำนโยบายของพรรคไปบริหารประเทศ หรือยังเพียงจะคอยสนับสนุน เพื่อรอผสมกับคนอื่น พรรคอื่นๆ กันอยู่อย่างนี้ต่อไปอีกหรือ?

นักการเมืองยังไม่รู้เลยหรือว่าอย่างไหนเป็น “เผด็จการ” อะไรคือ “ประชาธิปไตย” ทุกวันนี้ยังไม่เห็นหรือว่า บ้านเมืองมันเป็นอย่างไร?

ประชาชนควรร่วมมือช่วยกันสั่งสอน ลงโทษ “ด้วยการไม่เลือก ส.ส.” ที่ไม่รู้จัก “ประชาธิปไตย” เมื่อวันเลือกตั้งมาถึง

ไม่เลือกพวก ส.ส.– “น้ำเน่า” ซึ่งดูไม่ยากหรอกครับ