ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์ / SKYSCRAPER ‘สูงเสียดฟ้า’

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์

 

SKYSCRAPER

‘สูงเสียดฟ้า’

 

กำกับการแสดง Rawson Marshall Thurber
นำแสดง  Dwayne Johnson Neve Campbell Chin Han Byron Mann Beatrice King Pablo Schreiber

Skyscraper ชวนให้นึกถึงหนังเมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว ชื่อ The Towering Inferno (1974) ซึ่งมีพระเอกขวัญใจสองคนคือ พอล นิวแมน กับสตีฟ แม็กควีน ผจญเพลิงไหม้ตึกสูงเสียดฟ้าสมัยนั้น นับเป็นการเตือนสติเรื่องความปลอดภัยและการสร้างอาคารสูงลิบลิ่วที่เกินสมรรถนะของรถดับเพลิง ไม่ว่าจะต่อสายยาวสักแค่ไหน ก็ขึ้นไปไม่ถึง
ผู้เขียนได้ดู Towering Inferno หรือชื่อไทยว่า ตึกนรก สมัยยังเรียนอยู่ที่โฮโนลูลู และจำเหตุการณ์ได้แม่นยำเพราะเป็นหนังที่เข้าฉายตอนช่วงสอบประมวลความรู้ก่อนจบพอดี กำลังท่องหนังสือหัวโต ต้องอ่านบทละครสองร้อยเรื่องให้เข้าอยู่ในหัว
แต่พอหนังเข้า ก็อดไม่ได้ ร่ำๆ จะต้องดูให้ได้ ไม่งั้นใจไม่อยู่กับการสอบ เลยต้องไปดูก่อนสอบสองวัน
แถมหนังบล๊อกบัสเตอร์ที่เพิ่งเข้าโปรแกรมสดๆ ร้อนๆ ก็มีคนดูแน่นเต็มโรง เข้าคิวยาวเฟื้อยออกไปนอกอาคาร ทั้งคิวซื้อตั๋วและคิวเข้าโรง ยังจำได้ว่าฝนที่ตกปรอยๆ ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อใจมุ่งมั่นที่จะดูหนังให้ได้ก่อนวันสอบ
ถึงได้มีความประทับใจเป็นพิเศษกับหนังผจญเพลิงในตึกสูงระฟ้าเรื่องนั้น

คราวนี้ มีพระเอกอดีตแชมป์มวยปล้ำ เจ้าของฉายา “เดอะ ร็อก” หรือ ดเวย์น จอห์นสัน มานำทีมสู้อัคคีภัยบนตึกที่เพิ่งสร้างให้เป็นตึกสูงที่สุดในโลกที่อยู่ในฮ่องกง สูงกว่าตึกเอ็มไพร์สเตตถึงสองเท่า และกินขาดตึกสูงใดๆ ที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์โลก
หนังเริ่มด้วยถ้อยคำโปรยเรื่องเก๋ไก๋ พูดถึงความใฝ่ฝันและความพยายามของมนุษย์ที่จะขึ้นไปให้สูงเสียดในท้องฟ้า ซึ่งมีมานับแต่ครั้งโบราณกาล ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพีระมิดของอียิปต์ หรือความพยายามสร้างหอคอยบาเบลในคัมภีร์ไบเบิล
ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจให้อภิมหาเศรษฐีหมื่นล้านชาวฮ่องกง จ้าว หลง จี (ชิน ฮัน) สร้างตึกสูงเสียดฟ้าที่ออกแบบอย่างสวยงามด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคในการใช้พลังงานและการรักษาความปลอดภัย
ตึกระฟ้าตึกสูงลิ่วตระหง่านเหนือเกาะฮ่องกงอันแน่นขนัดไปด้วยอาคารสูงอยู่แล้ว โดยมีมุกเม็ดโตวางเทินบนยอด
จึงเรียกชื่ออาคารว่า “เดอะ เพิร์ล”

แต่นี่เป็นหนังที่มีพระเอกแบบ “ข้ามาคนเดียว” ซึ่งคงเลียนแบบสไตล์บ้าบิ่นแบบ Die Hard ของบรูซ วิลลิส แต่เปลี่ยนพระเอกมาเป็นดเวย์น จอห์นสัน ที่มีชื่อว่า วิลล์ ซอว์เยอร์ โดยนำเสนอชีวิตของซอว์เยอร์เมื่อสิบปีก่อน ที่เป็นอดีตทีมกู้ภัยของเอฟบีไอ ซึ่งเข้าไปช่วยตัวประกัน แต่ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นตัดขา และมีหมอสาวสวยให้การรักษา
สิบปีต่อมา ซึ่งคือปัจจุบัน วิลล์แต่งงานกับคุณหมอสาว ซาราห์ (นีฟ แคมป์เบลล์) และมีลูกชายลูกสาวสองคน มีชีวิตพรั่งพร้อมด้วยความสุข แม้จะต้องใส่ขาเทียม แต่ก็มีบริษัทรักษาความปลอดภัยเล็กๆ ของตัวเอง
เมื่อเปิดเรื่อง วิลล์กำลังไปสัมภาษณ์งานประเมินความปลอดภัยขั้นสุดท้ายของ “เดอะเพิร์ล” ก่อนจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบ เนื่องจากเบ็น (ปาโบล ชไรเบอร์) อดีตเพื่อนร่วมงานและเพื่อนรักแนะนำให้ เขากำลังไปพบกับจ้าว หลง จี ตัวจริงเสียงจริง โดยได้รับเชิญให้ครอบครัวพำนักอยู่บนชั้นที่พักอาศัย ซึ่งยังไม่เปิดใช้งานเป็นทางการ
หลังจากได้รับงานชิ้นมโหฬารหล่นบนตักสดๆ ร้อนๆ วิลล์ก็ “งานเข้า” ไม่ได้หยุดได้หย่อน และเจอเข้ากับฝันร้ายครั้งมโหฬารอย่างแทบตั้งตัวไม่ติด เมื่อครอบครัวของเขาติดอยู่บนตึกขณะที่เกิดวินาศกรรมไฟไหม้ในชั้นที่อยู่ต่ำลงมา
วิลล์ต้องฝ่าฝูงชนและฝ่าตำรวจที่ตัวเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่ง เนื่องจากเป็นบุคคลคนเดียวที่มีรหัสความปลอดภัยเข้าสู่ระบบทุกอย่างของตัวอาคาร
แบบเดียวกับ “ดายฮาร์ด” บรูซ วิลลิส ที่ยังไงๆ ก็หัวแข็งไม่ยอมตาย

วิลล์หลบหนีตำรวจฮ่องกงหาทางปีนขึ้นบนตึกจนได้ ท่ามกลางสายตาและเสียงเชียร์ของฝูงชนที่ยืนแหงนคอเฝ้าดูตึกไฟไหม้แบบไม่ยอมขยับไปไหน และตำรวจฮ่องกงที่ไม่ได้วางแผนสู้ภัยหรือต่อกรกับผู้ก่อการร้ายเลย นอกจากพยายามจับกุมวิลล์และขัดขวางเขาไว้จากการไปช่วยครอบครัวที่ติดอยู่บนตึก
แนวโน้มของหนังบล๊อกบัสเตอร์สมัยนี้ คือมุ่งขายตลาดนานาชาติ และตลาดเอเชียเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง
ฮอลลีวู้ดไม่ได้ทำหนังที่มุ่งขายในประเทศเท่านั้นอีกแล้ว ดังนั้น เราจึงเห็นหน้าตาคนเอเชียปรากฏตัวในบทบาทสำคัญๆ มากขึ้นเรื่อยๆ


หนังเรื่องนี้เกิดในฮ่องกงเป็นหลักๆ แถมพระเอกก็เป็นคนผิวสี ที่แต่งงานกับสาวผิวขาว และมีลูกผิวสีผมหยิกสองคน ตัวละครที่เป็นกุญแจสำคัญในเรื่องก็เป็นคนเอเชีย หน้าตาเป็นตี๋เลย ทั้งชิน ฮัน และไบรอน แมนน์ ซึ่งคนหลังนี้แม้จะชื่อเป็นฝรั่ง แต่ก็เป็นคนเอเชียชัดๆ ทั้งสองเป็นนักแสดงที่เห็นหน้าค่าตามาแล้วในหนังหลายเรื่อง
คนเอเชียในหนังที่เป็นตัวร้าย ก็เห็นมีแต่หมวยสาวสวยที่เป็นนางร้ายใจทมิฬ (เบียทริซ คิง ชื่อบอกสัญชาติฝรั่งอีกแล้ว) สั่งฆ่าไม่เลี้ยง ไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหม แต่ท้ายสุดก็โดนสยบตบดิ้นโดยนางเอกที่ฮึดสู้ ให้สะใจคนดู
นอกนั้นผู้ร้ายก็เป็นชาวยุโรป พูดอังกฤษด้วยสำเนียงแปร่งผิดหู

โดยรวมๆ แล้วคือ เราจะไม่ได้เห็นหนังบล๊อกบัสเตอร์ที่มีแต่ฝรั่งผิวขาวล้วนๆ อีกแล้ว ถ้าจะกวาดรายได้ทั่วโลก ก็ต้องให้มีหน้าตาเป็นหนังนานาชาติอย่างแท้จริง
ถามว่าหนังสนุกไหม ก็สนุกนะคะ ระหว่างดู คอยเฝ้าลุ้นเอาใจช่วยอยู่ตลอด แต่ความสมเหตุสมผลออกจะอ่อนยวบ แรงจูงใจต่างๆ ใส่มาไว้เพียงผิวเผินพอเป็นพิธี ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ…แต่ก็อย่าไปถือสาหาความกันเลย
…ดูเอามันส์อย่างเดียวก็คงพอแล้วนะคะ