รายงานพิเศษ / โชคชัย บุณยะกลัมพ/เทรนด์ร้านสะดวกซื้ออัจฉริยะ ไม่ต้องต่อคิว ไม่ต้องจ่ายเงินสด กำลังมา

รายงานพิเศษ / โชคชัย บุณยะกลัมพ

https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/

 

เทรนด์ร้านสะดวกซื้ออัจฉริยะ

ไม่ต้องต่อคิว

ไม่ต้องจ่ายเงินสด

กำลังมา

 

เมื่อเทคโนโลยีด้านการวิเคราะห์ข้อมูลกับ AI ของ Amazon ผนวกเข้ากับ Whole Foods ซึ่งเป็นกิจการค้าปลีกบนโลกออฟไลน์ จะทำให้ธุรกิจค้าปลีกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งผู้ค้าปลีกรายเดิมๆ จะต้องปรับตัวกับรูปแบบของการค้าปลีกแบบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น

ในโลกธุรกิจค้าปลีกปัจจุบันจะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ถ้าหากธุรกิจในตลาดขณะนี้ปรับตัวได้เร็วพอ ธุรกิจค้าปลีกควรเริ่มใช้เซ็นเซอร์เพื่อเก็บข้อมูลของลูกค้า รวมถึงเริ่มลงทุนด้าน AI และ Data

ด้วยเหตุนี้ร้านค้าปลีกจึงควรที่จะเริ่มจับคู่กับธุรกิจที่สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ให้กับบริษัทตนได้ data scientist เองก็ได้พัฒนางานด้าน AI ที่ใช้กล้องตรวจสอบในร้านค้าปลีก เพื่อตรวจเช็กสต๊อก สถานะสินค้าและให้แนวทางในการปฏิบัติ

นอกจากนี้ยังนำมาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าเพื่อช่วยให้เกิดการจัดหมวดหมู่สินค้าได้ดีขึ้น รวมถึงใช้วิเคราะห์พฤติกรรมพนักงานภายในร้าน ซึ่งจะช่วยลดการฉ้อโกงในร้านค้าได้อีกด้วย

 

Amazon Go ร้านค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคพร้อมด้วยเทคโนโลยีสุดทันสมัย ไม่ต้องมีเคาน์เตอร์ชำระเงิน แต่สามารถติดตั้ง Application ของ Amazon จากนั้นเข้าไปหยิบสินค้าและเดินออกมาได้เลย

Amazon Go จะใช้เซ็นเซอร์และกล้องจำนวนมากในการติดตามพฤติกรรมของลูกค้าในร้าน เพื่อดูว่าลูกค้าคนไหนหยิบสินค้าอะไร แล้วส่งข้อมูลเหล่านั้นไปให้ AI เมื่อลูกค้าเดินออกจากร้าน AI จะหักเงินออกจากบัตรเครดิตของลูกค้า

หลังจาก Amazon อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของโลกเปิดให้บริการ Amazon Go ร้านชำสะดวกซื้อในปี 2017 เป็นต้นมา และเตรียมขยายสาขากว่า 2,000 แห่งทั่วอเมริกาในอีก 10 ปีข้างหน้า

จุดเด่นของ Amazon Go คือลูกค้าไม่ต้องต่อคิว ไม่ต้องพกเงินสด แค่เปิดแอพพ์ หยิบสินค้า และเดินออกไปได้เลย ระบบจะตัดเงินจากบัญชีโดยอัตโนมัติ

Amazon Go สะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่าง Deep-Learning, Computer Vision และ Sensor Fusion จะเข้ามามีบทบาทในธุรกิจค้าปลีกมากยิ่งขึ้น และเชื่อมต่อประสบการณ์ของผู้บริโภคผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ในเวลาเดียวกัน

กลายเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใช้ข้อมูลได้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุดกว่าธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ในโลก เพราะข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงการจัดพื้นที่ของร้านให้เหมาะสม การคัดเลือกประเภทสินค้าที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงการจัดโปรโมชั่นเป็นพิเศษสำหรับลูกค้าแต่ละคนได้

 

ไม่ธรรมดา เมื่อยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon สวนกระแสการปิดตัวของธุรกิจร้านค้าที่ย้ายมาทำออนไลน์ เปิดร้านค้าสะดวกซื้อของตัวเองในชื่อ Amazon Go ที่ไม่ต้องต่อคิวจ่ายเงิน และไม่ต้องพกเงินสดมาก็ซื้อได้เลยด้วยซ้ำ

แค่เดินเข้าไปในร้าน เปิดแอพพลิเคชั่น Amazon Go หยิบสินค้า แล้วเดินออกมาโดยไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะแอพพลิเคชั่นจะตัดเงินออกจากบัญชี Amazon ของลูกค้าให้เอง

ง่ายขนาดนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าเวิร์กจริงไหม หรือนี่จะเป็นอนาคตใหม่ของธุรกิจค้าปลีก

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ด้านทางฝั่ง Microsoft เองก็ซุ่มเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน กำลังมุ่งเป้าแข่งกับอเมซอนดอตคอม (Amazon.com) ช่วยให้ลดขั้นตอนการชำระเงิน เข้าแถวจ่ายเงินของร้านค้าได้ หลังจากที่ Amazon Go ร้านแบบไร้คนขายได้เริ่มทดสอบมาสักระยะแล้ว ด้วยการติดกล้องไปบนรถเข็นซึ่งจะทำงานร่วมกับแอพพ์บนสมาร์ตโฟน โดยทีมที่พัฒนานี้ดึงคนจากกลุ่มธุรกิจ AI มาช่วยคิดค้นเทคโนโลยีสำหรับร้านค้าปลีก

อุปกรณ์พวกนี้จะทำงานเชื่อมกับระบบในร้านโดยไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูลมายังระบบ cloud

สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า ไมโครซอฟท์ได้สาธิตเทคโนโลยีนี้กับร้านค้าหลายรายแล้วทั่วโลก รวมทั้งค้าปลีกรายใหญ่อย่าง Walmart ที่แสดงความสนใจเทคโนโลยีนี้และอาจนำมาใช้และมีการร่วมมือกันในอนาคต

จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าทางไมโครซอฟต์นั้นจะเปิดร้านแบบเดียวกับ Amazon Go หรือไม่

หากเป็นจริง จะถือว่า Microsoft กำลังรุกหนักแข่งขันกับ Amazon ในธุรกิจใหม่ ที่ผ่านมา Microsoft ให้บริการคลาวด์แข่งกับ Amazon เพื่อชิงพื้นที่ในอุตสาหกรรมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอย่างดุเดือด

จุดนี้ต้องลุ้นกันด้วยว่า เทคโนโลยีนี้จะเป็นคำตอบที่ผู้ค้าปลีกทั่วโลกกำลังมองหาหรือไม่

หากใช่ เทคโนโลยีร้านค้าอัตโนมัติอาจจะเดินตามรอยบริการคลาวด์ที่ฮอตฮิตทั่วโลกจนทำให้ Amazon ทำเงินมหาศาล

การขยับตัวของ Microsoft ครั้งนี้จึงอาจส่งสัญญาณว่ารูปแบบของธุรกิจค้าปลีกจะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างแน่นอน

และธุรกิจหมวดของชำและอาหารก็ยังเป็นที่ต้องการในกลุ่มผู้บริโภคอยู่ เพียงแต่ต้องจับทางให้ถูกว่าจะเข้าถึงลูกค้าหรือนำสินค้าไปถึงมือผู้บริโภคได้อย่างไร

จึงจะสะดวกที่สุดและเหมาะสมที่สุด