นงนุช สิงหเดชะ : ระวังสังคม “มีเคือง” แม่ผ่องพรรณ-ลูกชาย ฐานทำเก้าอี้ พล.อ.ประยุทธ์ สั่นคลอน

เรื่องไม่งาม ไม่เหมาะ ที่ผุดโผล่ขึ้นมาจากคนนามสกุลเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูท่าว่าหากจัดการไม่ดี อาจสั่นคลอนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้มากที่สุด

เพราะเปิดช่องว่างให้ฝ่ายตรงข้ามใช้เป็นประเด็นโจมตีได้ชนิดลากยาว ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าจะเป็นอย่างนั้น

เป็นอุปสรรคที่เกิดขึ้น (ทั้งที่ไม่น่าเกิด) ในยามที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังได้รับความนิยมจากประชาชนค่อนข้างสูงอย่างต่อเนื่อง

เชื่อว่าคนไม่น้อย ฝากความหวัง ตั้งความหวังสูงไว้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะสามารถปฏิรูปบ้านเมือง บริหารบ้านเมืองได้จนครบกำหนด

หลายคนคงจะภาวนาเอาใจช่วยว่าอย่าได้มีเรื่องราวร้ายแรงมาขัดขา พล.อ.ประยุทธ์ เสียก่อนกลางคัน

แต่ดูเหมือนคำภาวนานั้นอาจไม่บรรลุผล

เพราะแม้ในซีกครอบครัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งลูกและภรรยา ไม่ได้ก่อปัญหาใดๆ (อย่างน้อยก็จนถึงขณะนี้) ซึ่งเข้าใจว่าทั้งลูกและภรรยาของ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าใจสถานการณ์ดีว่าจำเป็นต้องระวังตัวสูงมากเพื่อไม่ให้กระทบตำแหน่งนายกฯ

และเชื่อได้ว่าคนภายในครอบครัวคงมีการกำชับกันอย่างดีเรื่องการวางตัว การประพฤติปฏิบัติตัว อะไรไม่เหมาะไม่ควรก็เตือนติงกัน

 

แต่ในซีกของครอบครัว พล.อ.ปรีชา ผู้เป็นน้องชาย กลับเกิดข่าวฉาวขึ้นมาถึงความไม่เหมาะสมหลายเรื่อง ทั้งจากลูกและภรรยา เข้าใจว่าอาจจะเกิดจากสาเหตุหลายอย่าง

1. คิดไม่รอบคอบหรือคิดไม่ถึงว่าการกระทำของฝ่ายตนจะส่งผลเสียต่อ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างไร

หรือ 2. คิดว่าการมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ จะเป็นโอกาสให้ทำอะไรเว่อร์วัง เจ้าขุนมูลนาย มีสิทธิพิเศษ หรือให้คนอื่นมาพินอบพิเทาเอาใจมากกว่าปกติ

กระทั่งปรากฏภาพที่ไม่เหมาะสม จนสังคมตั้งคำถามว่ากำลังตีตนเสมอใคร

หากเป็นเพราะข้อแรก ยังนับว่าให้อภัยหรือเข้าใจได้ แต่หากเป็นข้อสอง นับว่าน่าเป็นห่วง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องรับสะเก็ดระเบิดไปเต็มๆ

อันที่จริงก่อนจะมีเรื่องฝายแม่ผ่องพรรณโผล่ขึ้นมา สังคมก็เริ่มเป็นห่วงกรณี พล.อ.ปรีชา ในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม ยอมรับว่าเซ็นอนุมัติแต่งตั้งลูกชายคนเล็กซึ่งจบนิเทศศาสตร์ให้เข้ารับราชการตำแหน่งรักษาราชการนายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือน สังกัดกองทัพภาคที่ 3 ติดยศร้อยตรี รับเงินเดือน 15,000 บาท

โดย พล.อ.ปรีชา บอกว่าใครๆ ก็ทำกัน ซึ่งก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมไปแล้ว

การที่ พล.อ.ปรีชา บอกว่าใครๆ ก็ทำกันนั้น “น่าเป็นห่วง” เพราะถึงอย่างไรก็ย่อมไม่สง่างามแน่ๆ โดยเฉพาะในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นในห้วงที่พี่ชายกำลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ในเมื่อเป็นถึงน้องชายนายกรัฐมนตรี ควรที่จะเสียสละ “ไม่ทำในสิ่งที่ใครๆ เขาก็ทำกัน” จะดีกว่า สง่างามกว่าไหม เราควรระมัดระวังมากกว่าคนอื่นไหม เพื่อพี่ชายและประเทศชาติ

ฐานะระดับ พล.อ.ปรีชา ถามว่าถ้าลูกไม่ได้เป็นทหาร จะเดือดร้อนเรื่องปากท้องไหม ไปทำอาชีพอื่น วงการอื่นที่ไม่ต้องถูกครหาจะดีกว่าไหม ควรให้ลูกลองใช้ความสามารถเองจะน่าภูมิใจกว่าหรือไม่ (มีแต่คนจะสรรเสริญ)

เราควรเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมในยามที่รัฐบาลนี้ประกาศจะปฏิรูปประเทศได้ไหม
พอเรื่องแต่งตั้งลูกชายคนเล็กซาไป เรื่องใหญ่และแรงกว่านั้นก็ตามมา คราวนี้เป็นเรื่องลูกชายคนโตของ พล.อ.ปรีชา ที่มีข่าวว่าตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างขึ้นมารับงานของกองทัพภาคที่ 3 และคว้างานไปถึง 2 โครงการ แถมยังใช้บ้านพักในค่ายทหารเป็นที่ทำการของบริษัทอีกต่างหาก เรียกว่าน่าเกลียด 2 ต่อ

คราวนี้ก็เช่นกัน พล.อ.ปรีชา อ้างว่า การรับงานของลูกชายเป็นไปตามขั้นตอนและถูกต้องตามระเบียบ แต่กรณีการใช้บ้านพักในค่ายเป็นที่ทำการบริษัท ทาง พล.อ.ปรีชา อ้างว่าตนไม่รู้เรื่อง เพราะลูกชายเป็นคนจัดการทุกอย่าง

เรื่องรับงานในกองทัพถือว่าเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างเห็นได้ชัด แม้ไม่ผิดในแง่กฎหมาย แต่ในแง่จริยธรรมไม่เหมาะแน่ๆ เพราะใครๆ ก็ต้องนินทาว่าฉวยโอกาสใช้เส้นสายของลุงในฐานะนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ได้งาน (แม้ลุงจะไม่ได้มายุ่งเกี่ยวหรือรู้เรื่องด้วย แต่คนอื่นเขาอาจเกรงใจให้งานไป)

อันที่จริงถ้าไม่อยากให้เรื่องบานปลายจนกระทบต่อพี่ชาย พล.อ.ปรีชา น่าจะเตือนหรือกำชับลูกชายเสียแต่แรกว่าในช่วงที่ลุงเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ควรมาประมูลงานในกองทัพ หากอยากทำธุรกิจไปหาธุรกิจอื่นที่ไกลจากกองทัพได้ไหม หรือจะบอกอีกว่าใครๆ ก็ทำกัน

 

สําหรับนางผ่องพรรณ หลังเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นมา ก็ตอบสื่อมวลชนพร้อมเสียงหัวเราะว่า ขอไม่พูดเรื่องนี้ ขออยู่เงียบๆ เพราะเรตติ้งกำลังแรง

เรตติ้งแม่ผ่องพรรณพุ่งแรงแน่ๆ แต่แรงในทางลบ และนั่นก็เสี่ยงจะทำให้เรตติ้งของ พล.อ.ประยุทธ์ ลดลง

ทำเป็นเล่นไป ประชาชนที่ชื่นชอบ พล.อ.ประยุทธ์ อาจรู้สึก “เคือง” แม่ผ่องพรรณ พล.อ.ปรีชา และลูกชายทั้งสองคนก็เป็นได้ ถ้าหากว่าในวันข้างหน้าเรื่องนี้บานปลายจนถึงขั้นทำให้เก้าอี้ พล.อ.ประยุทธ์ สั่นคลอนจนต้องก้าวลงจากตำแหน่งก่อนครบกำหนด ไม่ทันจะได้ปฏิรูปบ้านเมืองให้เสร็จ

เคืองเพราะเห็นความตั้งใจดี ความตั้งใจทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ อุตส่าห์เสี่ยงคุกเสี่ยงชีวิตทำรัฐประหาร แต่อาจต้องมารัฐประหารเสียของเพราะน้องสะใภ้และหลานชาย

ไม่มีหนทางอื่นในการปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ ให้พ้นจากสะเก็ดระเบิดครั้งนี้ นอกจากความโปร่งใส

พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างอิสระ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องมีความกล้าหาญ ไม่ยืดเยื้อ เตะถ่วง จนดูเหมือนพยายามช่วยเหลือ

เพราะนั่นคงไม่ใช่ความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์ แน่ๆ

ขณะเดียวกันครอบครัวของ พล.อ.ปรีชา ก็อย่าเอาแต่โวยวายว่าถูกโจมตีเพราะนามสกุลจันทร์โอชา

ก็ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าเป็นเป้าโจมตี สิ่งที่ดีที่สุดคือป้องกันไม่ให้มีการโจมตีเสียแต่แรก ด้วยการทำสิ่งที่เหมาะควร

ไตร่ตรองและระมัดระวังให้มากกว่าคนทั่วไป