บุคลิกภาพและศิลปะการพูด ผ่านวิถีและแนวทางของ “พิชัย รัตตกุล”

กลุ่มที่ออกเดินทางไปดูงานสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เรียกย่อว่า “สปป.ลาว” คือ กลุ่มด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและด้านการบริหารจัดการน้ำ

กลุ่มนี้ออกเดินทางทีหลังกลุ่มแรก คือเวลา 10.15 น. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง

เห็นว่ากว่าจะออกเดินทางได้ต้องเสียเวลาเกือบชั่วโมงหนึ่ง เนื่องจากผู้โดยสารที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่วางสัมภาระไว้ใกล้เคียงกันบนช่องเหนือศีรษะบอกกับเพื่อนว่า “ไม่รู้จะระเบิดหรือเปล่า”

เท่านั้นแหละ เป็นเรื่อง แอร์โฮสเตสซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงต้องแจ้งกัปตันให้ตรวจสัมภาระผู้โดยสารตามหน้าที่ ดังเคยมีกรณีนี้ก่อนหน้านี้ เป็นการพูดโพล่งขึ้นมาเป็นเหตุให้เครื่องบินต้องเสียเวลา และเพื่อนเราคนหนึ่งต้องไปให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะอยู่ในบริเวณนั้น และมีที่นั่งติดกับผู้โดยสารคนนั้น

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม เป็นข่าวรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งตามระเบียบ

กลุ่มศึกษาดูงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม และด้านการบริหารจัดการน้ำ เดินทางไปลงเครื่องที่จังหวัดเลย ศึกษาดูงานที่โรงเรียนผู้สูงอายุ เทศบาลเมืองเลย จากนั้นจึงไปที่ศูนย์วัฒนธรรมไทดำ เขาแก้ว อำเภอเชียงคาน ทำให้ได้ประโยชน์ทั้งสองแห่ง ทั้งโรงเรียนผู้สูงอายุและวัฒนธรรมไทดำ บางคนอาจยังจำเสียงเพลง “ไทดำรำพัน” ได้ดี เชื่อว่าน่าจะฮัมเพลงนี้ระหว่างนั้น

รุ่งขึ้นออกจากโรงแรมผ่านเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองบ้านนากระเซ้ง ท่าลี่ ตรวจตราพาสปอร์ต นั่งรถยนต์ข้ามสะพานน้ำเหืองเข้า สปป.ลาว เดินทางไปดูงานเขื่อนที่ไชยะบุรี ซึ่งเป็นแหล่งสร้างกระแสไฟฟ้าขายให้ประเทศไทยและเพื่อนบ้าน

เชื่อนไชยะบุรี เป็นเขื่อนที่บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) รับเหมาก่อสร้าง เพื่อนในรุ่นคนหนึ่ง คือ ปราชญ์ เธียรเชาวน์ เป็นผู้จัดการส่วนการตลาดต่างประเทศ และโครงการพิเศษ บริษัทนี้ จึงอำนวยความสะดวกให้หลายประการ

ค่ำนั้น กลุ่มนี้พักที่โรงแรมอินทรีย์ ไชยะบุรี ไม่ทราบว่ามีรายการสนุกสนานอย่างไรบ้าง

เช้ารุ่งขึ้น เดินทางเข้าหลวงพระบาง เมืองหลวงเก่าทางภาคเหนือของลาว เป็นเมืองที่รักษาบ้านเรือนไว้อย่างที่เรียกว่าอนุรักษ์ มีวัดวาอารามเก่าในสภาพที่น่าดูและน่าศึกษา เพื่อให้พวกเรากลุ่มนี้ได้ศึกษาดูงานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในฐานะเมืองมรดกโลก

ที่หลวงพระบาง กิจกรรมที่ขาดไม่ได้คือการตักบาตรพระสงฆ์ยามเช้า เป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวประทับใจจากการที่พระสงฆ์เดินแถวยาวเหยียดมาตามฟุตปาธ บรรดาชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจะนั่งเป็นแถวบนเสื่อ ตรงหน้ามีขันใส่ข้าวเหนียวใช้มือจกเป็นก้อนใส่ลงในบาตร จะมีธนบัตรใส่ซองพ่วงด้วยก็ได้ ไกด์บอกว่าเป็นค่าซื้อสมุด ดินสอ ให้กับเหล่าเณรน้อยที่ต้องเรียนหนังสือ

ช่วงบ่ายตามกำหนดการ ยังดูงานตามสถานที่สำคัญ ประเภทนั่งรถชมแล้วฟังไกด์อธิบายแนะนำไปเรื่อย จนถึงตลาดดาลา แวะซื้อของที่ระลึกเอาไว้ใช้เอง หรือไปฝากใครต่อใคร ก่อนเดินทางออกจากหลวงพระบางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย

คราวนี้ไม่มีเหตุให้ระทึกใจอีก จนถึงดอนเมือง แล้วแยกย้ายกลับบ้าน

เป็นอันจบการศึกษาดูงานครั้งสุดท้าย ก่อนเข้าฟังการบรรยายอีกหนึ่งวัน ศุกร์ 1 เมษายน ผู้บรรยายคืออดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตผู้ว่าการภาคโรตารีระดับโลก ตำแหน่งทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ออกไม่ได้ ปลดไม่ได้ คือเป็นบิดาของ ดร.พิจิตต รัตตกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ผู้อำนวยการจัดการอบรมหลักสูตรนี้

อดีตรองนายกรัฐมนตรีบรรยายกับอีกคนหนึ่ง คือ ดร.สุเมธ แสงนิ่มนวล

ในหัวข้อ บุคลิกภาพและศิลปะการพูด

รองนายกฯ พิชัย รัตตกุล อธิบายถึงบุคลิกภาพว่า เป็นลักษณะเฉพาะบุคคลที่แตกต่างกัน จะไม่เหมือนกันในแต่ละบุคคล แต่ทุกคนต่างมีบุคลิก บุคลิกภาพมีความสำคัญกับหน้าที่การงาน ถ้าบุคลิกภาพไม่ดี อาจไม่ประสบความสำเร็จตามที่วางไว้ ขณะที่บุคลิกภาพที่ดีคือบุคลิกภาพที่ทุกคนยอมรับ

การใช้บุคลิกภาพของผู้นำในการบริหารและแก้ปัญหาในการทำงาน คือ

1. ต้องใช้คำพูดให้เป็นให้เหมาะสม เช่น การตำหนิโดยการเตือนเป็นคำถาม เป็นการตำหนิอย่างสุภาพ

2. ต้องใช้คนให้เป็น โดยใช้บุคลิกภาพของตัวเองดึงคนให้มาทำงานด้วยอย่างเหมาะสม

3. บุคลิกภาพทำให้เกิดประโยชน์ในการทำงาน

4. ต้องตรงต่อเวลา เรื่องนี้ท่านย้ำเป็นพิเศษ

5. ต้องคิดวิเคราะห์และเรียนรู้

ขณะที่ต้องพูดน้อย ฟังมาก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของผู้นำที่ดี

ศิลปะการพูด 1.กำหนดโครงสร้างที่จะพูดให้ชัดเจน 2.เกริ่นนำ 3.เนื้อหาที่จะพูด 4.บทสรุปเรื่องที่พูด 5.การพูดต้องมีท่าทาง 6.การยืน ไม่ควรจับโพเดียม และ 7.น้ำเสียง

ทั้งหมดนี้ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ผ่านการพูดทั้งการหาเสียง การพูดปราศรัยในที่สาธารณะ การอภิปรายในที่ประชุมมีตัวอย่างให้สนุกสนานตลอดเวลา หากใครเคยฟังท่านบรรยาย จะเห็นได้ว่า การบรรยายของท่านฟังชัดถ้อยชัดความ และมีท่าทางบุคลิกภาพน่าชมทีเดียว

ดร.สุเมธ แสงนิ่มนวล มีหัวข้อการบรรยายนับสิบหัวข้อ พอสรุปได้ดังนี้

1.บุคลิกภาพคือสภาพนิสัยจำเพาะของคน 2.คือลักษณะอันเป็นของจำเพาะคน รูปร่างท่าทางการวางตัวที่เฉพาะตัวบุคคลไม่เหมือนใคร

หัวข้อนอกจากนั้นเป็นหัวข้อใหญ่ ตั้งแต่ บุคลิกลักษณะของผู้นำ มี 5 ประการ องค์ประกอบของบุคลิกภาพ มี 4 ประเการ แนวทางการพัฒนาบุคลิกภาพมี 3 ประการ ศิลปะการพูด มี 2 ประการ ศิลปะ ทฤษฎี การพูด 3 สบาย บันได 13 ขั้น สู่ฝันการพูด

รวมทั้งข้อคิดของนักพูดระดับอาจารย์ เทคนิคการพูดในแต่ละโอกาส และสูตรการพูดในโอกาสเหล่านั้น ทั้งหมดเป็นหัวข้อย่อย น่าสนใจว่ามีอะไรบ้าง พร้อมกับการบรรยายเรื่องเคล็ดลับการรักษาสุขภาพอนามัยของผู้นำเมือง จากนายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ผู้เข้าร่วมรับการอบรมอีกคนหนึ่ง