พิศณุ นิลกลัด : รอมฎอนกับนักกีฬา

พิศณุ นิลกลัด

ทุกๆ ปีพี่น้องชาวไทยมุสลิมและชาวมุสลิมทั่วโลกถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งหมายถึงช่วงเดือนที่ 9 ตามปฏิทินฮิจญ์เราะฮ์ ของศาสนาอิสลาม ซึ่งแต่ละปีจะมีช่วงเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดแตกต่างกันไปตามการเคลื่อนตัวของพระจันทร์

สำหรับปีนี้ สำนักจุฬาราชมนตรีประกาศให้วันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ตรงกับวันที่ 17 พฤษภาคม

ศีลอด หมายถึง การงดจากการกิน การดื่ม การมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งการกระทำอัตกาม ต้องงดจากการโกหก พูดจาหยาบคาย ส่งเสียงดัง และละเว้นอบายมุขทั้งปวง เริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตกดินเป็นเวลา 30 วัน

การถือศีลอดเป็นการฝึกให้ผู้ปฏิบัติได้สำรวมตนจากความชั่ว ไม่ละเมิดบทบัญญัติของพระเป็นเจ้า ฝึกให้มีความอดทน อดกลั้น ทราบถึงความทุกข์ยาก ความหิวโหยของผู้ยากไร้ยามอดอยาก ฝึกให้มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่น

สำหรับนักกีฬาและคนที่รักสุขภาพ การดูแลรักษาสภาพร่างกายให้ฟิตพร้อมด้วยการออกกำลังกายและกินอาหารที่มีประโยชน์ก็ถือเป็นงานที่ไม่ง่ายอยู่แล้วในช่วงเวลาปกติ ยิ่งถ้าเป็นชาวมุสลิมในช่วงเดือนรอมฎอนที่งดเว้นจากการกินและดื่มวันละเกือบ 20 ชั่วโมงต่อวันก็ยิ่งมีความท้าทายมากขึ้นไปอีก

 

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นักเตะทีมชาติอียิปต์ และกองหน้าคนสำคัญของลิเวอร์พูล ที่ได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ในการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ทางนักโภชนาการและนักกายภาพบำบัดของลิเวอร์พูลบอกว่า ซาลาห์ไม่ถือศีลอดในวันศุกร์ก่อนแข่ง และวันแข่งในวันเสาร์

ดร.รานจ์ ซิงห์ (Dr.Ranj Singh) พิธีกรรายการ Get Well Soon ในช่องทีวีสำหรับเด็ก CBeebies (ซีบีบีส์) ของ BBC และเป็นคุณหมอในรายการ This Morning ทางช่อง ITV แนะนำสามสิ่งที่สำคัญในช่วงรอมฎอน

โดยในช่วงหลังพระอาทิตย์ตกซึ่งสามารถดื่มและกินอาหารได้ตามปกติก็ควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเบาๆ และนอนหลับให้เพียงพอซึ่งเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าการกินอาหาร เพราะมีการศึกษาพบว่าคนที่ได้นอนหลับอย่างเพียงพอแต่ละคืนจะมีความต้องการกินอาหารและขนมน้อยลงในช่วงกลางวัน

ดังนั้น การนอนหลับอย่างเต็มอิ่มช่วยควบคุมความอยากอาหารได้ในช่วงถือศีลอด

 

อัมจัด อิกบาล (Amjad Iqbal) นักฟุตบอลกึ่งอาชีพชาวอังกฤษลูกครึ่งปากีสถาน วัย 35 ปี ผ่านการเล่นให้กับทีมชาติปากีสถานมา 10 นัด เคยเล่นให้ทีมฟาร์สลี่ย์ เซลติก (Farsley Celtic) และแบรดฟอร์ด พาร์ก อเวนิว (Bradford Park Avenue) บอกว่าเวลามีการแข่งขันฟุตบอลในช่วงถือศีลอดที่อังกฤษ เขามักจะได้ลงสนามหลังผ่านครึ่งทางของการแข่งขัน เพราะเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ตกดินพอดี

ซึ่งผู้จัดการทีมก็จะคอยเช็กเวลาให้แน่ใจว่าเขาสามารถพักจากการถือศีลอดได้แล้ว และมักจะโยนลูกอมหรือขนมมาให้เขากินเพื่อเพิ่มพลังในสนาม

นอกจากโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็มีนักกีฬามุสลิมบางคนที่ตัดสินใจไม่ถือศีลอดหากเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับการแข่งขันใหญ่ๆ อย่าง โม ซบีฮี (Moe Sbihi) นักพายเรือโอลิมปิกของทีมสหราชอาณาจักร ได้เหรียญทองปี 2016 ที่ริโอ เลือกมุ่งมั่นกับการแข่งขันสำคัญๆ ทั้งชิงแชมป์โลกและโอลิมปิกก่อน

โดยเขาจะใช้วิธีบริจาคเงินเพื่อการกุศลแทน แล้วก็ไปถือศีลอดในภายหลังอีกที ซึ่งการของดเว้นถือศีลอดเป็นสิ่งที่ศาสนาอิสลามอนุญาตให้ทำได้หากมีเหตุที่เป็นอุปสรรค เช่น ต้องเดินทาง หรือประสบกับโรคร้าย ความเจ็บป่วยต่างๆ

 

ช่วงถือศีลอดเป็นเรื่องธรรมดาที่ร่างกายของนักกีฬาจะอ่อนล้ากว่าปกติ

ดังนั้น ใครที่ต้องการรักษาร่างกายให้ฟิตในช่วงรอมฎอน ดร.รานจ์ แนะนำกิจกรรมออกกำลังกายที่ไม่ฝืนร่างกาย อย่างเช่น เดินเร็ว, จ๊อกกิ้ง และเต้นแอโรบิกเบาๆ แล้วก็ให้ความสำคัญเรื่องการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมกับตัวเอง โดยคนส่วนใหญ่จะเลือกออกกำลังกายในช่วงเช้ามืดก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพราะร่างกายยังเหลือพลังงานมาจากการกินอาหารหลังพระอาทิตย์ตกดิน

ส่วนใครที่ไม่มีเวลาในการออกกำลังกายขนาดนั้นก็อาจใช้วิธีสอดแทรกการออกกำลังกายเข้าไปในการใช้ชีวิต เช่น เดินไปมัสยิดแทนการขับรถ และเลือกเดินขึ้นบันไดแทนที่จะขึ้นลิฟต์ เช่นนี้ก็ถือเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง

เรื่องการกินอาหารก็สำคัญมาก โดยชาวมุสลิมจะมีช่วงเวลารับประทานอาหารและเครื่องดื่มประมาณ 6 ชั่วโมงต่อวันหลังพระอาทิตย์ตกดิน เรียกว่า Iftar (อิฟตาร์) แปลว่าช่วงเว้นจากการอดอาหาร (Break the fast) ดังนั้น ต้องวางแผนให้ดีทั้งอาหารมื้อค่ำและมื้อเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอตลอดวัน

ครอบครัวมุสลิมส่วนใหญ่เวลาพักจากการถือศีลอดจะกินอาหารพร้อมกันที่บ้านหรือมัสยิด โดยจะชอบกินอาหารสไตล์เอเชียและตะวันออกกลางประเภททอด และอาหารไขมันสูง

ดร.รานจ์แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารมันๆ และของทอด ควรกินอาหารให้ครบห้าหมู่ ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ผักและผลไม้ เลือกกินอาหารที่ย่อยอย่างช้าๆ และค่อยๆ ปล่อยพลังงานออกมา เพื่อทำให้เรารู้สึกอิ่มนาน เช่น ข้าวโอ๊ต, ขนมปังและธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี (Wholegrain) และอาหารที่มีเส้นใยสูงอย่างอินทผลัมอบแห้ง (Dried Date Palm) ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมของชาวมุสลิมในช่วงถือศีลอด

นอกจากนี้ต้องให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำมากที่สุด เพราะระดับน้ำในร่างกายจะส่งผลถึงพลังงานโดยรวมและความตื่นตัวของร่างกายในระหว่างวัน หากดื่มน้ำน้อยเกินไปก่อนถึงช่วงเวลาถือศีลอด จะส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าการกินอาหารไม่เพียงพอเสียอีก

 

สมัยนี้มีเทรนด์การลดน้ำหนักแบบใหม่ที่เรียกว่า Intermittent Fasting (อินเทอร์มิตเทินต์ ฟาสติ้ง) เป็นวิธีลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารเป็นช่วงเวลา คล้ายกับที่ชาวมุสลิมถือศีลอด ซึ่ง ดร.รานจ์บอกว่ามีการศึกษามากมายยืนยันว่าการอดอาหารที่ถูกวิธีก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยลดน้ำหนักได้เหมือนกัน

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือการเลือกเดินทางสายกลาง ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหาร ดื่มน้ำ และออกกำลังกาย ไม่ให้มากหรือน้อยจนเกินไป

ดังนั้น ใครที่กำลังอยู่ในช่วงถือศีลอด 30 วันก็ควรใช้โอกาสนี้เป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น เช่น กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เป็นเวลา เลิกพฤติกรรมแย่ๆ เช่น การสูบบุหรี่ ซึ่งนอกจากจะได้ปฏิบัติตามวิถีของชาวมุสลิมแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของตัวเองด้วย