ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 มิถุนายน 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
วิรัตน์ แสงทองคำ นำเสนอเรื่อง ปตท. เป็นฉบับที่ 2 ต่อเนื่อง
ในชื่อ “ปตท. อีกแล้ว”
เมื่อมีคำว่า “อีกแล้ว” ย่อมเป็นที่เข้าใจนี่มิใช่ครั้งแรก แต่เป็นหลายๆ ครั้งที่ ปตท. เผชิญกับปัญหาต่างๆ
โดยเฉพาะปัญหาที่มีกลิ่นอาย “การเมือง” เข้ามาเกี่ยวข้อง
ดั่งที่วิรัตน์ แสงทองคำ ระบุในบทความ “ปตท. อีกแล้ว (2)” ว่า
“จังหวะก้าว ปตท. โดยเฉพาะในช่วง 2 ทศวรรษ ดำเนินอย่างพลิกผัน โลดโผน และซับซ้อน
ย่อมเป็นพลังสั่นสะเทือนในวงกว้าง
ในความซับซ้อนนั้น มีข้อมูลเปิดเผยต่อสาธารณชนอย่างมากมาย ในฐานะ ปตท. และบริษัทในเครือสำคัญๆ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย”
ซึ่งข้อมูลสาธารณะเหล่านี้ “วิรัตน์ แสงทองคำ” ชี้ว่าเป็นพื้นฐานที่ทำให้เราเข้าใจ “ปตท.” ได้ไม่ยาก
พลิกอ่านได้ที่หน้า 28-29
ขณะเดียวกัน มีอีเมลจาก ปตท. นำเสนอคำชี้แจงของนางสาวเพียงพนอ บุญกล่ำ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สำนักกฎหมาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ความว่า
จากกรณีที่มีเว็บไซต์ข่าวปลอมชื่อ “Ratstas.com”
นำเสนอภาพ ข้อความ หรือข้อมูลเท็จ หรือที่ไม่เป็นความจริง นำเผยแพร่ไปในช่องทางต่างๆ
อันเป็นการสร้างความเข้าใจผิด สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ รวมถึงจงใจใส่ร้าย ปตท. และผู้บริหารของ ปตท. นั้น
ขณะนี้ ปตท.ได้ดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับเจ้าของเว็บไซต์ต้นตอข่าวปลอมดังกล่าวแล้ว
ซึ่งเป็นบุคคลและเว็บไซต์เดียวกันกับที่ตำรวจได้เข้าจับกุมในกรณีที่โพสต์ข้อความลงอินเตอร์เน็ตพาดหัวใส่ร้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่อง ไล่ให้ไปเติมน้ำเปล่าแทนน้ำมันดีเซล
อันเป็นความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ”
ถือเป็นความผิดมาตรา 14 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท
ซึ่งในกรณีเดียวกันนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแจ้งข้อหาต่อผู้แชร์ข้อความจากเว็บไซต์ข่าวปลอม “Ratstas.com”
ด้วยข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ทางสำนักกฎหมาย ปตท. ยังเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับบุคคล
หรือกลุ่มบุคคลผู้มีเจตนาไม่สุจริตในการบิดเบือนข้อเท็จจริงและเผยแพร่เว็บไซต์ข่าวปลอมออกไปทางช่องทางต่างๆ โดยไม่รับฟังข้อเท็จจริงใดๆ ที่ ปตท. ได้ชี้แจงออกมาอย่างต่อเนื่อง
โดยจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทั้งทางแพ่งและทางอาญาโดยเร็ว
อนึ่ง ผู้ที่ส่งต่อ เผยแพร่ข้อมูล โดยไม่เจตนา หรือเข้าใจผิด ปตท.จะเร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อไป
ข้อความในอีเมล แม้ปรากฏเป็นข่าวสารทั่วไปแล้ว
แต่นำมาเสนอ “ซ้ำ”
ด้วยอยากให้เราในฐานะผู้เสพสื่อ โดยเฉพาะการเสพข่าวจากโลกโซเชียลมีเดีย
ต้องเพิ่มความระมัดระวัง
อย่างเพิ่งรีบเชื่อ หรือรีบแชร์
ตั้งคำถามไว้ทุกครั้งก่อน “จริงหรือเปล่า”
เตือนกันไว้ ด้วยเชื่อว่า เมื่อมีการเลือกตั้ง (?) หรือมีการแข่งขันทางการเมือง
“วิชามาร” ข่าวปลอมผ่านเพจมาหลอกหลอนแน่ๆ
ขนาดสหรัฐอเมริกาที่ว่าแน่ๆ จากกรณีข่าวปลอม เพจปลอม สั่นสะเทือนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างรุนแรง
ยังคงมีการสอบสวน และมีการวิจารณ์กรณีดังกล่าวอย่างกว้างขวาง
ถึงขนาดเฟซบุ๊กต้องลุกขึ้นมาปัดกวาดบ้าน กระทบถึงการนำเสนอเนื้อหาของเพจข่าวไทย และชาติอื่นๆ อย่างจัง
เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องระดับโลก
และกำลังระบาดในไทย และพ่นพิษใส่ ปตท. รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างจัง
ต้องไล่ล่ากันไปถึง “เขมร” อย่างน่าระทึกใจ
สงครามโซเชียล คงจะมีมากขึ้นหลังจากนี้
โดยเฉพาะเมื่อสัญญาณการเลือกตั้งในไทยถี่รัวเร็วขึ้น