จักรวรรดิในกำแพง : กำเนิดจักรวรรดิ ตอนที่ 20

วรศักดิ์ มหัทธโนบล

ฮั่นสมัยหลังกับเงื่อนปมใหม่ทางการเมือง (ต่อ) 

ทัพของกบฏทั้งสองได้ใช้กำลังที่เสียเปรียบเอาชนะทัพของหวังหมั่งได้ในหลายพื้นที่ ในระหว่างนี้ทัพป่าเขียวสามารถยึดเมืองได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งได้สร้างความวิตกกังวลแก่หวังหมั่งเป็นที่ยิ่ง

จากเหตุนี้ ใน ค.ศ.23 หวังหมั่งจึงสั่งให้รวบรวมทัพจากที่ต่างๆ รวมทั้งทัพที่กำลังสู้รบกับทัพคิ้วแดงให้มาทำศึกกับทัพป่าเขียว ทัพของหวังหมั่งจึงมีกำลังพลถึงกว่าสี่แสนคน

แล้วทัพใหญ่นี้ก็เข้าล้อมเมืองคุนหยัง (ปัจจุบันคืออำเภอเย่ในมณฑลเหอหนาน) อันเป็นหนึ่งในเมืองที่ทัพป่าเขียวยึดได้ และมีกำลังพลอยู่ราว 8,000-9,000 คน เมื่อถูกทัพใหญ่ล้อมเข้าเช่นนี้แม่ทัพนายกองของทัพป่าเขียวก็เห็นลางพ่ายแพ้ จึงคิดตีฝ่าวงล้อมออกไปแล้วค่อยหาทางกลับมาสู้ใหม่

แต่แผนนี้กลับถูกคัดค้านจากหลิวซิ่ว (น้องของหลิวเอี่ยน) โดยหลิวซิ่วเสนอว่า ควรสร้างขวัญกำลังใจให้ทหารยืนหยัดรักษาเมืองคุนหยังเอาไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ หาวิธีบ่อนเซาะทำลายทัพหวังหมั่งทีละน้อย ส่วนตัวเขาอาสาที่จะตีฝ่าวงล้อมออกไปเพื่อหากำลังที่อยู่นอกเมืองให้มาช่วย ผลคือ บรรดาแม่ทัพนายกองต่างก็เห็นด้วย

จากเหตุนี้ หลิวซิ่วจึงนำทหารสิบกว่าคนฝ่าวงล้อมออกไปทางด้านใต้ได้สำเร็จ

 

ข้างทัพหวังหมั่งที่มีกำลังพลกว่าสี่แสนคนกลับมีขุนศึกที่ตั้งอยู่ในความประมาท ว่าด้วยกำลังที่เหนือกว่าจะสามารถยึดคืนเมืองคุนหยังกลับมาได้โดยง่าย มิไยที่จะมีขุนศึกอื่นทักท้วงก็ไม่เป็นผล และพอถึงคราวรบกันจริง ทัพหวังหมั่งก็มิอาจยึดเมืองมาได้

ส่วนหลิวซิ่วก็สามารถระดมทหารม้ากว่าหมื่นคนมาสนับสนุนทัพกบฏได้สำเร็จ และเฉพาะตัวเขาเองได้นำทหารจำนวนพันกว่าคนอาสาเป็นกองหน้าบุกเข้าตีทัพหวังหมั่ง การบุกตีที่ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากนี้ปรากฏว่า ทหารของหลิวซิ่วสามารถฆ่าข้าศึกได้เป็นจำนวนมาก

ดังนั้น พอข่าวชัยชนะของทัพป่าเขียวแพร่กระจายไป ขวัญกำลังใจของทัพหวังหมั่งก็แทบจะดับมอด

ช่วงนี้เองหลิวซิ่วได้ใช้ขวัญกำลังใจที่ดีให้เป็นประโยชน์ โดยเขาเลือกทหารมากฝีมือมาได้ 3,000 คน แล้วก็นำกำลังพลนี้เข้าตีกองบัญชาการของทัพหวังหมั่ง

และเมื่อปะทะกันซึ่งหน้าก็ปรากฏความวุ่นวายขึ้นในทัพหวังหมั่ง กองกำลังของหลิวซิ่วจึงตีทัพหวังหมั่งจนพ่ายแพ้ ซ้ำแม่ทัพคนหนึ่งของหวังหมั่งยังถูกฆ่าตายอีกด้วย

ส่วนทัพป่าเขียวที่รักษาเมืองคุนหยังอยู่ด้านในมาแต่แรกเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ถือโอกาสที่กำลังได้เปรียบออกโจมตีซ้ำ

และในขณะที่ทัพของสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอยู่นั้นก็ได้เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก จนน้ำในแม่น้ำเอ่อท่วมอย่างรวดเร็ว ทัพหวังหมั่งที่กำลังพ่ายแพ้คิดหนีด้วยการลุยแม่น้ำได้จมน้ำตายไปเป็นจำนวนมาก

ทัพหวังหมั่งจึงพ่ายแพ้อย่างย่อยยับจนเหลือกำลังพลเพียงหลักพัน

 

การศึกนี้เป็นอีกหนึ่งศึกที่ทัพที่มีกำลังน้อยกว่าสามารถเอาชนะทัพที่มีกำลังมากกว่าได้สำเร็จ ศึกครั้งนี้เรียกกันต่อมาว่า ศึกคุนหยัง

ที่สำคัญ หลังศึกคุนหยังผ่านไปสามวันทัพกบฏก็ยังยึดเมืองหวั่น (หวั่นเฉิง) ของรัฐหนันหยังได้เพิ่มมาอีก ณ ที่เมืองนี้หลิวเสีว์ยนหรือจักรพรรดิเกิงสื่อได้กรีธาทัพเข้าไปในเมืองหวั่น

ถึงตอนนี้ชะตาของหลิวเอี่ยนก็ถึงที่อับจน เมื่อหลิวเสีว์ยนเห็นเขาเป็นภัยต่อตนเอง และด้วยการสนับสนุนของเหล่าผู้นำที่ไร้การศึกษากับเหล่าผู้ดี ที่ต่างก็ไม่ต้องการให้หลิวเอี่ยนขึ้นมามีอำนาจโดยที่พวกตนควบคุมไม่ได้ หลิวเสีว์ยนจึงได้สั่งประหารชีวิตหลิวเอี่ยนในที่สุด

โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในความรับรู้ของหลิวซิ่วผู้เป็นน้องชายของหลิวเอี่ยนโดยตลอด

ภายหลังศึกคุนหยังแล้ว สัญญาณการล่มสลายของระบอบหวังหมั่งหรือราชวงศ์ซินก็เริ่มปรากฏ โดยในเดือนตุลาคม ค.ศ.23 ทัพป่าเขียวได้รุกเข้ามาถึงฉังอัน

ในขณะที่หวังหมั่งมีกองกำลังที่ยังจงรักภักดีต่อเขาไม่มากที่ต่างก็อ่อนล้านั้น ได้ถอยหนีเข้าไปในราชวังเป็นที่มั่นสุดท้ายของตน และทั้งหมดนี้ก็ถูกกองกำลังกบฏหรือไม่ก็ราษฎรในเมืองฉังอันที่ไม่พอใจหวังหมั่งฆ่าจนสิ้น

ส่วนขุนนางระดับสูงของเขาที่ไร้จุดยืนที่แน่นอนในสายตาของฝ่ายฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่นนั้น หากไม่ตายไปกับการบุกเข้าวังก็ฆ่าตัวตายหรือไม่ก็ถูกประหาร ส่วนหวังหมั่งถูกฆ่าโดยพ่อค้าคนหนึ่ง หลังจากนั้นหัวของเขาถูกตัดแล้วส่งไปยังเมืองหวั่น

กล่าวกันว่า หลังจากหวังหมั่งตายไปแล้ว ผู้มีส่วนในการบุกเข้าวังไปฆ่าหวังหมั่งต่างแย่งชิงกันว่าตนคือผู้ฆ่าหวังหมั่งเพื่อหวังความชอบ การแย่งชิงครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตไปสิบคน

ส่วนศพของหวังหมั่งนั้นถูกหั่นร่างเป็นท่อนก่อนที่จะแยกหัวส่งไปเมืองหวั่น และพอไปถึงเมืองหวั่น หัวก็ถูกนำไปแขวนประจานที่กำแพงเมือง จากนั้นก็มีคนไปปลดลงมาแล้วนำมาถีบเตะด้วยความโกรธแค้น ต่อมาก็มีคนมาตัดลิ้นของเขาออกไป

เมื่อกระทำเช่นนั้นจนแล้วแก่ใจ หัวของเขาก็ถูกนำไปเก็บรักษาเอาไว้เรื่อยมาจนถึงสมัยราชวงศ์จิ้น (ค.ศ.265-317) จึงได้นำไปฌาปนกิจ เป็นอันจบสิ้นชะตากรรมของหวังหมั่งโดยดุษณี ชะตากรรมของผู้ที่ปัญญาชนในปัจจุบันมองว่าเป็นนักสังคมนิยมที่เกิดก่อนกาล

และเมื่อถูกฆ่าตายแล้วศพก็ถูกย่ำยีซ้ำในวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ.23

 

หลังมรณกรรมของหวังหมั่งไปแล้ว ทัพป่าเขียวโดยหลิวเสีว์ยนก็กรีธาเข้าเมืองลว่อหยัง แล้วตั้งให้เมืองนี้เป็นเมืองหลวง จากนั้นจึงส่งหลิวซิ่วไปยังที่ราบภาคเหนือเพื่อปราบพวกที่ตั้งตนเป็นใหญ่ในแถบนั้น

หลิวซิ่วซึ่งมิได้แสดงความรู้สึกใดๆ ที่หลิวเสีว์ยนสั่งประหารพี่ชายของตนน้อมรับภารกิจนี้โดยดี แต่ด้วยภารกิจนี้เองที่ทำให้เห็นได้ว่า หลิวซิ่วได้เข้าอยู่ในพื้นที่ที่อิสระจากหลิวเสีว์ยนมากขึ้น และหลังจากนั้นเขาก็สั่งสมอำนาจของตนมากขึ้นๆ จนสามารถยึดครองพื้นที่ภาคเหนือได้ทั้งหมด

ครั้นปีต่อมา ค.ศ.24 หลิวเสีว์ยนก็ย้ายเมืองหลวงไปที่ฉังอัน แต่ด้วยเหตุที่มีพื้นฐานการเป็นผู้นำที่ขาดความเป็นตัวของตัวเองมาแต่แรก หลิวเสีว์ยนจึงล้มเหลวในการบริหารจัดการแทบจะสิ้นเชิง โดยเฉพาะเมื่อเขาไม่สามารถควบคุมบรรดาผู้นำทัพป่าเขียวได้อย่างเด็ดขาด

จากเหตุนี้ ทำให้ทัพคิ้วแดงคิดที่จะกำจัดหลิวเสีว์ยนให้ออกจากอำนาจ และเพื่อให้เกิดความชอบธรรม ในปี ค.ศ.25 ฝันฉงผู้นำทัพคิ้วแดงจึงแต่งตั้งให้บุคคลสกุลหลิวขึ้นมาเป็นจักรพรรดิบ้าง

ผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ใกล้ชิดฮั่นเกาตี้คือ หลิวเผินจื่อ (ชาตะ ค.ศ.10)

 

จากนั้นทัพคิ้วแดงก็บุกโจมตีฉังอันจนหลิวเสีว์ยนต้องขี่ม้าหนีออกนอกเมือง แต่ไม่นานนักเขาก็ถูกจับได้โดยอดีตบริวารที่แปรพักตร์ และถูกฝันฉงบังคับให้สละราชสมบัติแก่หลิวเผินจื่อ ในขณะที่พลพรรคที่ได้รับแต่งตั้งเป็นเสนามาตย์นั้นล้วนเป็นผู้ไร้การศึกษาเช่นเดียวกับทัพป่าเขียว

ถึงตอนนี้ทัพป่าเขียวจึงเป็นอันล่มสลายไป ส่วนกองกำลังที่นำโดยหลิวซิ่วที่กำลังทรงอิทธิพลอยู่ทางภาคเหนือก็ได้ตั้งตนเป็นจักรพรรดิในปีเดียวกันนั้นเช่นกัน

กล่าวสำหรับหลิวเสีว์ยนแล้ว หลังจากสิ้นฐานะจักรพรรดิก็ถูกตั้งให้เป็นกษัตริย์ เขาถูกส่งตัวไปดูแลการเลี้ยงม้าที่ทุ่งแห่งหนึ่ง และถูกรัดคอตายโดยฝีมือของศัตรูที่เป็นอดีตผู้นำทัพป่าเขียวคนหนึ่ง

 

จากเรื่องราวของหลิวเสีว์ยนนี้ทำให้เห็นว่า แม้เขาจะมีฐานะเป็นจักรพรรดิก็ตาม แต่ก็มิใช่ผู้สถาปนาราชวงศ์ฮั่นสมัยหลัง เขาจึงมีชะตากรรมคล้ายๆ กับหวังหมั่ง คือถูกปันกู้สาธยายเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเขาไร้ค่าเกินกว่าที่จะเป็นผู้ใช้อาณัติแห่งสวรรค์

ปันกู้วาดภาพให้เขาเป็นสุราบานจนดูเหมือนคนสิ้นคิดสิ้นปัญญา อันเป็นภาพภายนอกที่สู้จะไม่ยุติธรรมต่อเขามากนัก ด้วยเป็นภาพที่ถูกวาดขึ้นเพียงเพื่อจะบอกว่า เหตุดังนั้น เขาจึงมิอาจเป็นผู้ปกครองที่ดีได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงเขาก็ไม่ต่างกับหุ่นเชิดของทัพป่าเขียว

และที่เลือกเขาก็เพื่อใช้อ้างเป็นความชอบธรรมว่าพวกตนหวังฟื้นฟูฮั่นที่มีสกุลหลิวเป็นผู้นำเท่านั้น