หนุ่มเมืองจันท์ : เปลี่ยนโลกแค่วินาที

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

เพียงแค่ 1 วันที่ “คิม จอง อึน” ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือไปเยือนเกาหลีใต้

ข้ามเส้นขนานที่ 38 ไปสู่ดินแดนที่เคยเป็นหนึ่งเดียวกัน

ภาพ “คิม จอง อึน” ในใจคนก็เปลี่ยนไป

ในอดีตข่าวสารที่ออกมาทำให้ภาพของ “คิม จอง อึน” เป็นจอมเผด็จการปัญญาอ่อน

ประหารชีวิตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะนั่งสัปหงกระหว่างประชุม

ประหาร 11 นักดนตรีที่ถูกกล่าวหาว่าทำหนังลามก ด้วยการยิงปืน ปตอ. แล้วรถถังเหยียบซ้ำ

เอานักเรียนหญิงจากโรงเรียนไปบำเรอกาม

พยายามศัลยกรรมใบหน้าให้เหมือนพ่อเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากประชาชน ฯลฯ

ไม่เชื่อลองเสิร์ชชื่อ “คิม จอง อึน” ในกูเกิลดูสิครับ

ข่าวแบบนี้เพียบเลย

ยิ่งท่านผู้นำคิมตัดผมทรงสาวสะกิดแม่ทรงนี้ด้วย

ยิ่งทำให้เขากลายเป็นตัวตลกในสังคมโลก

ต้องยอมรับว่าภาพเหล่านี้ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจาก “เกาหลีเหนือ” เป็นประเทศปิด

ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องราวของประเทศนี้มากนัก

การระบายสีของสื่อตะวันตกจึงทำได้ง่าย

แต่เพียงแค่ 1 วันที่ “คิม จอง อึน” ก้าวเข้าสู่สปอตไลต์โลกในการเจรจานัดประวัติศาสตร์ครั้งนี้

ภาพที่ผมมองเห็นแตกต่างจากที่คิดแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลย

เขาฉลาดและเก่งมากครับ

คารมก็คมคาย

มีสำนวนที่ละเมียดลึกซึ้งแบบกวีจีนให้เห็นเป็นระยะ

คมคายกว่า “มุน แจ อิน” ประธานาธิบดีเกาหลีใต้เสียอีก

ตอนที่เขาปลูกต้นสนแห่งมิตรภาพร่วมกับ “มุน แจ อิน”

เขาพูดประโยคสั้นๆ

“เหมือนดั่งต้นสน ผมหวังว่าเราจะสามารถผลิใบเขียวแม้ในฤดูหนาว”

ครับ เขาเปรียบเทียบว่าแม้การเจรจาครั้งนี้จะมีอุปสรรคมากมาย

แต่ขอให้อดทนและบรรลุเป้าหมายร่วมกัน

เหมือนต้นสนที่ผลิ “ใบเขียว”

แม้ในวันที่ต้องเผชิญกับหิมะและความหนาวเหน็บของฤดูหนาวก็ตาม

โห…กวีชัดๆ

ในการเจรจาครั้งนี้ คำพูดของผู้นำทั้งสองส่วนใหญ่มาจากการถ่ายทอดของทีมโฆษกเกาหลีใต้

แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราได้ฟัง “คิม จอง อึน” พูดเอง

คือ ตอนที่เขาขึ้นกล่าวในงานเลี้ยงอาหารค่ำ

พูดสดๆ แบบไม่ต้องอ่านสคริปต์

การใช้เสียงหรือบุคลิกภาพของเขาดีทีเดียว

ดูมั่นใจ เป็นธรรมชาติ

เขายิ้ม หัวเราะเมื่อพูดถึงเรื่อง “บะหมี่เย็น” ที่นำมาจากเปียงยาง

เขาพูดถึงตอนเดินข้ามเส้นขนานที่ 38 ที่กั้นพรมแดนระหว่าง “เกาหลีเหนือ” และ “เกาหลีใต้”

“ขณะที่เดินผ่านแนวปักปันชายแดน ผมรับรู้ได้ว่ามันไม่ได้ถูกปิดกั้นด้วยสิ่งใดที่สูงเกินกว่าใครจะข้ามได้

“แต่ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นง่ายดายนี้ใช้เวลานานถึง 11 ปี

“ขณะที่ผมข้ามมา ผมสงสัยว่าทำไมมันใช้เวลานานขนาดนี้

“และทำไมมันจึงยากนัก”

เป็นไงครับ

ขนาดเราไม่ใช่คนเกาหลียังรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น

(Korea Summit Press Pool via AP)

คนที่เคยอยู่ประเทศเดียวกัน เป็นพี่น้องกัน

วันหนึ่ง มหาอำนาจก็ขีดเส้นเส้นหนึ่งขึ้นมากลางประเทศ

“เส้นขนานที่ 38”

แบ่งประเทศเป็นสอง

ใครอยู่ฝั่งไหนก็ถือว่าอยู่ประเทศนั้น

ญาติพี่น้องที่เคยไปมาหาสู่กันถูกเส้นขนานที่ 38 ปิดกั้นไม่ให้ได้เจอกัน

เส้นเพียงเส้นเดียวได้สร้างโศกนาฏกรรมให้กับคนเกาหลีจำนวนมาก

มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ ครับ

ผ่านไปหลายสิบปี เคยมีการเปิดพรมแดนให้ญาติพี่น้องเดินทางไปเจอกันได้

ผมยังจำภาพนั้นได้เลย

คนเกาหลีจาก 2 ฝั่งประเทศโผเข้ากอดกัน ร้องไห้ ถามไถ่ถึงชีวิตที่ผ่านมาและคนที่รู้จัก

เขาโอบกอดกันแน่น เพราะไม่รู้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตที่ได้เจอกันหรือไม่

ประธานาธิบดีมุน แจ อิน ก็มีพื้นเพอยู่เกาหลีเหนือ

เขาเคยเขียนถึงความใฝ่ฝันหนึ่งในหนังสือประวัติชีวิตของเขา

คือ การพาแม่ที่อายุ 90 ปี กลับไปเยือนบ้านเกิดอีกสักครั้งหนึ่ง

และวันนี้เขาได้เริ่มต้นแล้ว

เรื่องหนึ่งที่ผมชอบมาก คือ ตอนที่ประธานาธิบดีคิม จอง อึน เดินจากดินแดนเกาหลีเหนือมาที่เส้นขนานที่ 38

(Korea Summit Press Pool via AP)

เส้นขนานนี้เป็นแค่แท่งคอนกรีตสูงประมาณ 1-2 นิ้ว

ไม่ใช่กำแพงใหญ่โตเหมือน “กำแพงเบอร์ลิน”

“มุน แจ อิน” ยืนรอที่ฝั่งของเขา

พอ “คิม จอง อึน” เดินมาถึงเขาก็กล่าวต้อนรับเชิญให้เดินข้ามมา

นี่คือ วินาทีประวัติศาสตร์

เพราะ “คิม จอง อึน” เป็นผู้นำเกาหลีเหนือคนแรกที่มาเหยียบแผ่นดินเกาหลีใต้หลังสงครามเกาหลียุติลง 65 ปี

พอข้ามมาเกาหลีใต้ ทั้งคู่จับมือและถ่ายรูป

“ตอนนี้ท่านมาเกาหลีใต้แล้ว เมื่อไรผมจะได้ไปที่นั่นบ้าง”

มีการหยอกเล่นๆ ของ “มุน แจ อิน”

“คิม จอง อึน” ยิ้มรับ และกล่าววาทะประวัติศาสตร์

“แล้วทำไมเราไม่ข้ามไปเสียตอนนี้เลย”

ครับ แทนที่จะต้องรอการประชุมและวางแผนเดินทางอย่างเป็นทางการ

เมื่อแผ่นดินเกาหลีเหนือตอนนี้อยู่ห่างจากเขาเพียงก้าวเดียว

คำถามก็คือ ทำไมต้องรอ

ทำไมไม่ทำตอนนี้เลย

ผู้นำทั้งสองยิ้ม หันหลังกลับไปที่เส้นขนานที่ 38 อีกครั้ง

ก้าวอีก 2 ก้าว

ทั้งคู่ก็อยู่บนดินแดนเกาหลีเหนือ

เพียงแค่ไม่กี่นาที ประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้น 2 ครั้ง

ผู้นำเกาหลีเหนือมาเยือนเกาหลีใต้

และผู้นำเกาหลีใต้มาเยือนเกาหลีเหนือ

“เส้นขนานที่ 38” ที่ดูน่าสะพรึงกลัวหายวับไปกับตา

บทเรียนจากเกาหลีครั้งนี้สอนให้เรารู้ว่า “เส้นขนานที่ 38” ที่แบ่งประเทศไม่มีจริง

ไม่มีทั้ง “แท่งปูน”

ไม่มีทั้ง “เส้นพรมแดน”

มีแต่ “เส้นขนานที่ 38” ที่อยู่ในใจของ “ผู้นำ” เท่านั้น

เมื่อ “ผู้นำ” เปลี่ยนมาคิดถึง “สันติภาพ” และความเป็น “พี่น้อง” เชื้อชาติเดียวกัน

ทันทีที่ “เส้น” ในใจหายไป

“เส้นขนานที่ 38” ก็หายไปด้วย

ผมนึกถึงเมืองไทย

นึกถึง “ทศวรรษที่สูญหาย” จากความขัดแย้งทางการเมือง

2 เกาหลีมี “แท่งปูน” ที่เรียกกันว่า “เส้นขนานที่ 38” แบ่งกั้น

แต่เมืองไทยไม่มี

มีเพียง “เส้นขนานที่ 38” ที่อยู่ในใจของแต่ละคน

…ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะหายไป